ไทยรัฐออนไลน์
วัดค่าพลัง เช็กสถิติก่อนเกมยูโร 2020 ส่งท้ายกลุ่มเอ แม้ อิตาลี ที่ลุ้นทาบสถิติไร้พ่ายจะเหนือกว่า เวลส์ แต่เอาเข้าจริงอาจไม่ง่าย พร้อมทำนายผล
อิตาลี VS เวลส์
รอบแบ่งกลุ่ม นัดที่ 3 กลุ่ม A
วันที่ : 20 มิถุนายน 2564 เวลา 23.00 น.
สนาม : สตาดิโอ โอลิมปิโก, กรุงโรม ประเทศอิตาลี
ถ่ายทอดสด : ช่อง 3HD (หมายเลข 33)
เกมรุก
โรแบร์โต มันชินี แสดงให้เห็นแล้วว่าเขาคือกุนซือที่ใช่ของทีมชาติอิตาลี ด้วยการเข้ามาปฏิวัติแนวทางการทำทีมแบบเดิมๆ ที่เน้นเกมรับเหนียวแน่นแล้วรอสวนกลับในสไตล์ "ตีหัวเข้าบ้าน" แล้วคิดใหม่ทำใหม่โดยให้ลูกทีมเน้นเกมรุกดุดันจนยิงสนั่นหวั่นไหว
นอกจากจะไม่แพ้ใครยาวนานเกือบ 3 ปี รวม 29 นัด โดยคว้าชัยไปถึง 24 เกม แบ่งเป็นชนะรวดทั้ง 10 นัดในรอบคัดเลือก พร้อมยิงกระจาย 37 ประตู และ 11 เกมหลังสุดก็ทะลวงคู่แข่งทุกรายรวมกันถึง 32 ลูก รวมถึง 2 เกมแรกของกลุ่มเอ ที่ถล่ม ตุรกี กับ สวิตเซอร์แลนด์ 3-0 เท่ากัน
อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่มี 6 คะแนนเต็ม การันตีเข้ารอบ 16 ทีมแน่นอนแล้ว จึงน่าติดตามว่า มันชินี จะพักบรรดาตัวหลักที่ทำผลงานเฉิดฉายอย่าง ชิโร อิมโมบิเล, ลอเรนโซ อินซินเญ, โดเมนิโก เบราร์ดี, มานูเอล โลคาเตลลี, นิโคโล บาเรลลา และแบ็กซ้ายจอมบุกที่แจ้งเกิดเต็มตัวอย่าง เลโอนาร์โด สปินาซโซลา คนใดคนหนึ่งเอาไว้ เพื่อเก็บความสดไว้บดกับทีมที่แข็งกว่าในรอบน็อกเอาต์หรือไม่
ส่วน โรเบิร์ต เพจ กุนซือขัดตาทัพของทีมชาติเวลส์ที่มาแทน ไรอัน กิกส์ ซึ่งติดคดีถูกกล่าวหาทำร้ายร่างกายอดีตแฟนสาว ก็พิสูจน์ฝีมือได้สำเร็จด้วยการไม่แพ้ใครใน 2 นัดแรก เก็บ 4 คะแนนจากการเสมอ สวิตเซอร์แลนด์ 1-1 และชนะ ตุรกี 2-0 ด้วยแนวทางการเล่นที่เหมาะกับตัวเอง
ปีก 2 ข้างที่มีความเร็วทะลุทะลวงอย่าง แกเร็ธ เบล และ แดเนียล เจมส์ ผสานกับ คีฟเฟอร์ มัวร์ กองหน้าตัวเป้าร่างยักษ์ที่พักบอลได้ดี มีทีเด็ดในลูกกลางอากาศ บวกกับตัวสอดจากแถวสองอย่าง อารอน แรมซีย์ ที่มีความขยัน และแบ็ก 2 ฝั่งทั้ง เบน เดวีส์ กับ คอนเนอร์ โรเบิร์ตส ซึ่งรายหลังเติมขึ้นมาทำประตูได้ในเกมล่าสุดด้วย ทำให้ "มังกรแดง" มีความลงตัวอย่างไม่น่าเชื่อเมื่อดูจากชื่อชั้นนักเตะและสภาพโดยรวมของทีม
คะแนน : อิตาลี 9.5 / เวลส์ 7.5
-----
เกมรับ
"อัซซูรี" ไม่ใช่ทีมที่ "ได้หน้าแล้วลืมหลัง" เมื่อ 10 นัดหลังสุด พวกเขาชนะรวดโดยไม่เสียประตูแม้แต่ลูกเดียว บ่งบอกให้เห็นถึงเกมรับที่แข็งแกร่งไว้ใจได้ ซึ่งคู่แข่งส่วนใหญ่ก็เป็นทีมในระดับเดียวกับ เวลส์ ไม่ว่าจะเป็น โปแลนด์ (2-0), บอสเนีย-เฮอร์เซโกวีนา (2-0), สาธารณรัฐเช็ก (4-0) รวมถึง ตุรกี และสวิตเซอร์แลนด์ ใน 2 เกมแรก
แต่นัดนี้นอกจากจะมีความเป็นได้ว่าเตรียมเก็บตัวหลักบางรายแล้ว อาจต้องพัก จอร์โจ คิเอลลินี ปราการหลังกัปตันทีมที่เจ็บกล้ามเนื้อต้นขาจนถูกเปลี่ยนตัวออกตั้งแต่ครึ่งแรกในเกมที่แล้วเอาไว้ก่อน เพื่อความปลอดภัยในรอบน็อกเอาต์ที่ต้องเจองานหนักขึ้น
ขณะที่ "มังกรแดง" การเอาชนะ ตุรกี แบบเกมศูนย์ในนัดที่แล้ว ทำให้ไม่มีความจำเป็นต้องพักแนวรับที่กำลังเล่นเข้าขารู้ใจกัน เพื่อต้านทานแนวรุกอันจัดจ้านของ อิตาลี ให้ได้ เว้นเสียแต่ว่าจะเลี่ยงการโดนโทษแบนสำหรับคนที่มีใบเหลืองติดตัวอย่าง เบน เดวีส์ และ คริส เมแฟม เอาไว้ แต่การปรับเปลี่ยนแผงหลังที่ลงตัวอยู่แล้วอาจไม่ใช่การตัดสินใจที่ดีนัก ในขณะที่ยังไม่การันตีการเข้ารอบ
คะแนน : อิตาลี 9 / เวลส์ 7
-----
ความแข็งแกร่ง
การต้อนเอาชนะคู่แข่งแบบขาดลอย 3-0 ทั้ง 2 เกมที่ผ่านมา เป็นสิ่งหนึ่งที่ช่วยยืนยันว่าพวกเขาสามารถเล่นตามแผนของ มันชินี ที่เน้นความดุดัน ใช้ความขยันและเกมเพรสซิ่งไล่กดดันคู่ต่อสู้จนเสียกระบวนได้เป็นอย่างดี หนำซ้ำยังมีวินัยในการเล่นที่ดีเยี่ยมจนไม่มีใครถูกใบเหลืองคาดโทษแม้แต่คนเดียว ทำให้พวกเขาพร้อมบดขยี้ตามแท็กติกถนัดได้อย่างเต็มที่
ขณะที่ เวลส์ แน่นอนว่าผู้เล่นถึง 24 จาก 26 คนของทีมชุดนี้คุ้นเคยกับเกมหนักหน่วงในศึกพรีเมียร์ลีก, แชมเปียนชิพ และ ลีกวัน ของอังกฤษทุกสัปดาห์ จึงไม่มีความเกรงกลัวเรื่องการปะทะหนักๆ แต่ต้องระวังเรื่องจังหวะเข้าบอลพรวดพราดหรือปะทะโฉ่งฉ่าง เมื่อรับมือกับ "อัซซูรี" ที่มีนักเตะเชิงสูง เอาตัวรอดเก่งหลายราย
คะแนน : อิตาลี 90 / เวลส์ 78
-----
ฟอร์มการเล่น
นับตั้งแต่แพ้ โปรตุเกส 0-1 ในศึกยูฟ่า เนชันส์ ลีก เมื่อวันที่ 10 กันยายน ปี 2018 โรแบร์โต มันชินี ก็พา "อัซซูรี" บินสูงจนยากที่ใครจะฉุดลงมาได้ จากผลงานชนะไปถึง 24 นัด และยังไร้พ่ายยาวนานถึง 29 นัด หากยังไม่เสียท่าในเกมนี้อีกก็จะเทียบชั้นสถิติของ วิตตอริโอ ปอซโซ ตำนานกุนซือชุดแชมป์ฟุตบอลโลก 2 สมัยซ้อน ปี 1934 และ 1938 ที่เคยทำไว้ 30 นัด
ส่วน เวลส์ ภายใต้การทำทีมของ โรเบิร์ต เพจ ก็มีแนวโน้มที่ดีขึ้นเรื่อยๆ 7 นัดหลังสุด แพ้เพียง 2 ครั้งให้กับทีมที่แข็งแกร่งกว่าอย่าง เบลเยียม (1-3) กับ ฝรั่งเศส (0-3) ก่อนจะเสมอ สวิตเซอร์แลนด์ และเอาชนะ ตุรกี ได้เมื่อเข้าสู่ยูโร 2020 แบบจริงจัง มีโอกาสลุ้นทำเซอร์ไพรส์สมัยที่ 2 ติดต่อกัน หลังจากยูโร 2016 เคยเข้าถึงรอบรองชนะเลิศมาแล้ว ทั้งที่เพิ่งเข้ารอบสุดท้ายได้เป็นหนแรก
คะแนน : อิตาลี 99 / เวลส์ 80
-----
แท็กติก
ปรัชญา "เกมรุกที่ดี คือเกมรับที่ดี" ของ มันชินี ทำให้อิตาลียุคใหม่กลายเป็นทีมที่แพ้ยากและพร้อมปราบคู่ต่อสู้ทุกราย แต่ในขณะเดียวกันก็ยังไม่ทิ้งความดุดันและเหนียวแน่นในเกมรับตามแบบฉบับอิตาเลียนขนานแท้ จนสื่อทุกสำนักพร้อมใจกันยกให้เป็นทีมเต็งที่มีลุ้นแชมป์ร่วมกับ โปรตุเกส แชมป์เก่า, ฝรั่งเศส แชมป์ฟุตบอลโลก 2018 หรือ เบลเยียม ทีมเบอร์ 1 ของโลก ณ ปัจจุบัน
ขณะที่ โรเบิร์ต เพจ ผู้จัดการทีมชั่วคราวของ เวลส์ ก็ค่อยๆ โชว์ฝีมือออกมาทีละนัด จากที่คุมทีมแทน ไรอัน กิกส์ แล้วแพ้รวด 2 นัดในเกมอุ่นเครื่อง ก่อนกู้ชื่อด้วยการแบ่งแต้ม สวิตเซอร์แลนด์ ต่อด้วยสยบ ตุรกี เก็บมา 4 แต้มจนมีลุ้นเข้ารอบ จากแนวทางการเล่นที่เข้าใจศักยภาพของทีมและรู้จักใช้จุดแข็งให้เกิดประโยชน์สูงสุด ดังนั้น การเจอ "อัซซูรี" จะเป็นด่านทดสอบที่แท้จริงว่าเขาดีเกินกว่ากุนซือขัดตาทัพหรือไม่
คะแนน : อิตาลี 90 / เวลส์ 78
-----
ขวัญกำลังใจ
แน่นอนว่าทั้ง 2 ทีมกำลังอยู่ในช่วงฮึกเหิมและมีชีวิตชีวาสุดๆ การเจอกันในแมตช์นี้จึงถือว่าเกิดขึ้นอย่างถูกที่ถูกเวลา แต่ อิตาลี ดูจะได้เปรียบมากกว่าตรงที่การเล่นในบ้านของตัวเอง ซึ่งมีแฟนบอลนับหมื่นคนพร้อมส่งเสียงเชียร์และกระตุ้นให้วิ่งสู้ฟัด แตกต่างจาก เวลส์ ที่อาจมีกองเชียร์เพียงกลุ่มเล็กๆ ตามมาให้กำลังใจ
แต่ แกเร็ธ เบล กัปตันทีม "มังกรแดง" เคยกล่าวหลังจบเกมชนะ ตุรกี 2-0 ว่า แม้จะมีแฟนบอลตามมาจำนวนน้อย แต่พลังงานที่ได้จากเสียงเชียร์ถือว่าเกินร้อยเปอร์เซ็นต์ คราวนี้ต้องขึ้นอยู่กับว่า เวลส์ จะรับมือแรงกดดันจากกองเชียร์เจ้าถิ่นที่ขึ้นชื่อเรื่องความดุดันได้ดีแค่ไหน
คะแนน : อิตาลี 95 / เวลส์ 85
-----
คะแนนรวม : อิตาลี 94 / เวลส์ 81
-----
เฮด-ทู-เฮด (พบกัน 9 ครั้ง)
อิตาลี ชนะ 7
เสมอ 0
เวลส์ ชนะ 2
-----
ผลงาน 3 นัดล่าสุด
อิตาลี
ชนะ สวิตเซอร์แลนด์ 3-0 (ยูโร 2020 รอบแบ่งกลุ่ม นัดที่ 2 กลุ่ม A)
ชนะ ตุรกี 3-0 (ยูโร 2020 รอบแบ่งกลุ่ม นัดแรก กลุ่ม A)
ชนะ สาธารณรัฐเช็ก 4-0 (อุ่นเครื่อง)
เวลส์
ชนะ ตุรกี 2-0 (ยูโร 2020 รอบแบ่งกลุ่ม นัดที่ 2 กลุ่ม A)
เสมอ สวิตเซอร์แลนด์ 1-1 (ยูโร 2020 รอบแบ่งกลุ่ม นัดแรก กลุ่ม A)
เสมอ แอลเบเนีย 0-0 (อุ่นเครื่อง)
-----
สกอร์ที่คาด : อิตาลี ชนะ 1-0