ไทยรัฐออนไลน์
ยูโร 2020 วันที่ 3 มีสถิติน่าสนใจทั้ง 3 คู่ อังกฤษ ส่งแข้งเด็กสุด, ออสเตรีย ทำประตูประวัติศาสตร์, จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม นำโชค เนเธอร์แลนด์
วันที่ 14 มิ.ย. 64 ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป "ยูโร 2020" วันที่ 3 เมื่อคืนที่ผ่านมา (13 มิถุนายน 2564) มีสถิติที่น่าสนใจเกิดขึ้นในการแข่งขันทั้ง 3 คู่
เริ่มจากคู่แรกในเกมกลุ่มดี นัดแรก อังกฤษ ชนะ โครเอเชีย 1-0 แกเร็ธ เซาธ์เกต กุนซือ "สิงโตคำราม" ส่ง จูด เบลลิงแฮม ลงมาเป็นตัวสำรองแทน แฮร์รี เคน ในนาทีที่ 82 ทำให้กองกลางดาวรุ่งจาก โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ กลายเป็นผู้เล่นอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ที่ได้ลงเล่นในศึกยูโร รอบสุดท้าย ด้วยวัย 17 ปี 349 วัน ทำลายสถิติเดิมของ เยโทร วิลเลมส์ ที่เคยทำไว้กับ เนเธอร์แลนด์ ในวัย 18 ปี 71 วัน เมื่อปี 2012
คู่ที่ 2 เกมกลุ่มซี นัดแรก ออสเตรีย คว้าชัยครั้งแรกในศึกยูโร รอบสุดท้าย หลังเอาชนะ มาซิโดเนีย เหนือ 3-1 มีสถิติที่น่าสนใจ 2 เรื่อง เริ่มจาก โกรัน ปานเดฟ ผู้ทำประตูตีเสมอ 1-1 ให้ มาซิโดเนียเหนือ กลายเป็นผู้ทำประตูที่อายุมากที่สุดอันดับ 2 ด้วยวัย 37 ปี 321 วัน เป็นรองเพียงแค่ อิวิกา วาสติช ที่เคยยิงให้ ออสเตรีย ในยูโร 2008 ด้วยวัย 38 ปี 257 วัน
ขณะเดียวกัน มิชาเอล เกรกอริตช์ กองหน้าตัวสำรองของ ออสเตรีย ที่ลงมาทำประตูนำ 2-1 ก็กลายเป็นผู้ทำประตูที่ 700 ของการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป รอบสุดท้าย ก่อนที่ มาร์โก อาร์เนาโตวิช ตัวสำรองอีกรายจะยิงปิดเกมคว้าชัย 3-1
ส่วนคู่ที่ 3 เกมกลุ่มซี นัดแรก เนเธอร์แลนด์ เฉือนชนะ ยูเครน ไปแบบสนุกสุดมัน 3-2 ก็กลายเป็นคู่ที่มีการทำประตูมากที่สุด หลังจบครึ่งแรกด้วยสกอร์ 0-0 ในศึกยูโร รอบสุดท้าย
ด้าน จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม กัปตันทีม "อัศวินสีส้ม" ที่เพิ่งย้ายไปอยู่กับ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง แบบไม่มีค่าตัว หลังหมดสัญญาจาก ลิเวอร์พูล ก็ยิงประตูขึ้นนำ 1-0 ในเกมนี้ก่อนจบลงด้วยชัยชนะ ทำให้ เนเธอร์แลนด์ คว้าชัยเป็นครั้งที่ 18 จากทั้งหมด 19 เกมที่มิดฟิลด์วัย 30 ปี ยิงประตูให้กับทีมชาติในทุกรายการ