หน้าแรกแกลเลอรี่

เข้าทางผีแดง

มะระหวาน

24 ม.ค. 2564 05:01 น.

สัปดาห์นี้พรีเมียร์ลีกพักเบรกหลีกทางให้กับบอลถ้วยที่เก่าแก่ที่สุดในโลกอย่างเอฟเอ คัพ ซึ่งเป็นการแข่งขันรอบ 4 คู่เอกก็คงไม่พ้นศึก “แดงเดือด” เวอร์ชันบอลถ้วย แมนฯยูไนเต็ด เปิดบ้านรับมือการมาเยือนของลิเวอร์พูล จะลงฟาดแข้งกันในวันที่ 24 ม.ค.

ชั่วโมงนี้ยังไงก็ต้องถือหาง “ปิศาจแดง” เพราะจะลงเล่นด้วยตำแหน่งจ่าฝูง ขณะที่ “หงส์แดง” ที่มีศักดิ์เป็นแชมป์เก่าพรีเมียร์ลีก ออกมาเยือนเกมนี้ด้วยความไม่มั่นใจซักเท่าไร

เนื่องจากฟอร์มในลีก 5 นัด ล่าสุดสะกดคำว่าชนะไม่เป็น แถมยังยิงใครไม่ได้มา 4 เกมติดกันแล้ว

ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ของทัพ “หงส์แดง” เพราะช่วง 2-3 ปีหลัง ลิเวอร์พูลยิงได้มากมายก่ายกอง

แต่ตอนนี้ 3 กองหน้าอย่าง โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ซาดิโอ มาเน และโรแบร์โต ฟีร์มิโน ดันนัดกันฝืดโดยมิได้นัดหมาย แถมตัวความหวังอย่างดิโอโก โชตา ก็ยังเจ็บไม่หาย

ตอนนี้ม้านั่งสำรองเหลือแค่ดิว็อก โอริกี กองหน้าทีมชาติเบลเยียม ที่เป็นกองหน้าธรรมชาติที่เหลืออยู่

ซึ่งบอกตรงๆ หลังจากจังหวะที่ยิงบอลชนคานในเกมแพ้ เบิร์นลีย์ 0-1 สาวก “เดอะ ค็อป” ต่างบอกกันว่ายอมทนใช้ 3 หอกที่ฟอร์มฝืดไปเรื่อยๆดีกว่าฝากความหวังไว้กับ “โอริกี”

ผิดกับแมนฯยูไนเต็ด ที่ย่ิงเล่นยิ่งดี ดีจนไม่คิดว่าจะก้าวขึ้นมารั้งจ่าฝูง โดยเฉพาะปอล ป็อกบา กองกลางทีมชาติฝรั่งเศส ที่ก่อนหน้านี้เคยโดนค่อนขอดว่าเป็นตัวถ่วง, ไม่มีประโยชน์, หมดใจ

แต่ตอนนี้กลายเป็น “เดอะ แบก” ของ “ปิศาจ แดง” ไปอีกคนในยามที่บรูโน แฟร์นันเดส เพลย์เมกเกอร์คนเก่งหมดมุก ป็อกบาก็ขึ้นมาทำหน้าที่ แบกทีมแทน

เช่นเดียวกับการได้เอดินสัน คาวานี กองหน้าตัวเก๋า เข้ามาทำให้แนวรุก “ปิศาจแดง” ดูวูบวาบขึ้นเยอะ

คาวานี เป็นกองหน้าที่ขยันมาตั้งแต่ไหนแต่ไร และด้วยประสบการณ์ที่มากมาย ทำให้จังหวะการสอดหาช่องหรือวิ่งหาที่ว่าง หรือแม้กระทั่งไปอยู่ในจุดที่ทำประตูได้ ทั้งหมดนี้ทำได้เนียนกริบ

ซึ่งที่กล่าวมาทั้งหมดหาได้ยากในตัวของ แอนโธนีย์ มาร์กเซียล และมาร์คัส แรชฟอร์ด รวมถึง เมสัน กรีนวูด

ตอนนี้แฟนบอลหรือกูรูหลายต่อหลายคนยังทำตัวกันไม่ถูกกับการขึ้นมารั้งตำแหน่งจ่าฝูงพรีเมียร์ลีกของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

มานั่งนึกกันว่า “ปิศาจแดง” จะคว้าแชมป์จริงๆน่ะหรือ

แต่ชั่วโมงนี้ดูแล้วภาษีแมนฯยูไนเต็ด ดีสุดแล้ว เพราะตอนนี้บรรดาทีมคู่แข่งนักเตะตัวสำคัญก็เจ็บกันไปหมด

ไม่ว่าจะเป็นลิเวอร์พูล ที่เจ็บยกแผงหลังน่าจะอีกสักพักจะคืนฟอร์มได้ ขณะที่แมนฯซิตี้ รองจ่าฝูงที่กำลังไล่บี้แมนฯยู มาต้องมาเสีย เควิน เดอ บรอยน์ จอมทัพคนเก่งไป 4-6 วีก เรียกได้ว่า เป๊ป กวาร์ดิโอลา นายใหญ่ “เรือใบสีฟ้า” ถึงกับต้องกุมขมับเลย เพราะ “เคดีบี” ถือเป็นหัวใจของทีม

ส่วนเลสเตอร์ที่ฟอร์มคงเส้นคงวามากจนมีลุ้นแชมป์เช่นกัน ก็ต้องมาเสีย เจมี วาร์ดี ดาวซัลโวพรีเมียร์ลีกในฤดูกาลนี้ไปอีก 2-3 สัปดาห์ ด้านเชลซี ของแฟรงค์ แลมพาร์ด ก็ยังเอาแน่เอานอนไม่ได้

คู่แข่งแย่งแชมป์ของแมนฯยูไนเต็ด ต่างเดินสะดุดกันไปคนละทีสองที

มันอดนึกไม่ได้ว่าทำไมทุกอย่างมันดูเข้าทาง “ปิศาจแดง” เกือบแทบทั้งหมด

เหมือนกับว่าแชมป์พรีเมียร์ลีกซีซันนี้มันปูทางจะมาตั้งโชว์ในโอลด์ แทรฟเฟิร์ดอีกครั้งหลังจากห่างหายไปนานกว่า 8 ปีด้วย!!

มะระหวาน