มะระหวาน
ยังคงถกเถียงกันไม่เลิกสำหรับประเด็นเปลี่ยนตัวสำรองจาก 3 เป็น 5 รายล่าสุด “เดอะ ซัน” แท็ปลอยด์ชื่อดังของอังกฤษได้รายงานว่าทางศึกเอฟเอ คัพ เตรียมปรับมาใช้การเปลี่ยนตัวสำรองได้ 5 ราย ตั้งแต่รอบ 3 เป็นต้นไป แต่อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการคอนเฟิร์มจากทางสมาคมฟุตบอลอังกฤษ หรือเอฟเอ แต่อย่างใด ซึ่งถ้าเป็นจริงก็น่าจะทำให้ศึกบอลถ้วยที่เก่าแก่ที่สุดในโลกนั้นสนุกขึ้นแน่ๆ
เพราะบรรดาทีมใหญ่ๆที่มีโปรแกรมชุกอยู่แล้วก็ยังอยากส่งนักเตะตัวหลักๆลงวาดลวดลาย เพราะยังสามารถเปลี่ยนตัวได้หลายคน แต่ถ้าหากเปลี่ยนตัวสำรองได้แค่ 3 คน บางสโมสรก็ไม่อยากให้ตัวหลักลงเล่นก็เป็นได้
ลองมานึกดูว่าถ้าเอฟเอ คัพ สามารถเปลี่ยนมาเป็นสำรอง 5 คนได้ แล้วทำไมพรีเมียร์ลีก จะเปลี่ยนบ้างไม่ได้
ก่อนหน้านี้ เจอร์เกน คลอปป์ นายใหญ่ชาวเยอรมันของลิเวอร์พูล ได้ออกมาเตือนเชิงขู่แกเร็ธ เซาธ์เกต กุนซือทีมชาติอังกฤษ ว่าเจองานหนักแน่ในศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือ “ยูโร 2020” กลางปีหน้า
เนื่องจากเมื่อถึงตรงนั้นนักเตะเลือดผู้ดีร่างกายอาจจะกรอบเป็นข้าวเกรียบ เนื่องจากได้พักน้อยและโปรแกรมการเตะถี่ยิบจริงๆ ซึ่งมันจะเป็นสาเหตุให้ “สิงโตคำราม” ไปไม่ถึงดวงดาวหลังจากแอบลุ้นถึงแชมป์ยูโร 2020
ก็ต้องมาตามดูว่า พรีเมียร์ลีกจะเอายังไงกับข้อเรียกร้องจากบรรดาบิ๊กทีมที่ขอให้เปลี่ยนมาใช้สำรอง 5 ราย
ส่วนเมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมารู้สึกว่า เกมฟุตบอลพรีเมียร์ลีกกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง หลังจากมีการเปิดให้แฟนบอลได้เข้าชมเกมเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา
โดย 2 สนามแรกในพรีเมียร์ลีกได้เปิดให้แฟนบอลเข้าชมคือเกม ลอนดอน สเตเดียมของเวสต์แฮมที่พ่ายแพ้ให้กับแมนฯยูไนเต็ด ไป 1-3 และที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ ของเชลซี ในเกมที่เปิดบ้านไล่อัดลีดส์ไป 3-1
แม้ว่าทั้งสองสนามจะจุคนดูได้ราว 4-5 หมื่นคน แต่ตามกฎของรัฐบาลอังกฤษที่ระบุไว้ว่า พื้นที่ระดับ 2 ที่มียอดผู้ติดเชื้อปานกลาง (เทียร์2) ซึ่งลอนดอนอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว จะได้รับอนุญาตให้เข้าชมกีฬากลางแจ้งได้ 50 เปอร์เซ็นต์ของความจุ แต่สูงสุดไม่เกิน 2,000 คน
ซึ่งเกมนี้แฟนบอลของเวสต์แฮมและเชลซี ก็เข้าชมกันตามโควตาที่ระบุไว้ แม้ว่าจะมีแค่2,000 คน แต่เท่าที่นั่งดูบอลอยู่เสียงเชียร์ก็กระหึ่มไม่แพ้ตอนมี 4-5 หมื่นคนเช่นกัน
ขณะที่นักเตะโดยเฉพาะเจ้าถิ่นก็เล่นกันได้อย่างคึกคักตามเสียงเชียร์
หลังไม่มีแรงเชียร์กระตุ้นมานานกว่า8เดือนแล้ว ลงเตะสนามเปล่าๆ สุดเงียบเหงาจริงๆ
ส่วนการคัดเลือกของสโมสรต่างๆให้แฟนๆ เข้าชมนั้นก็จะให้สิทธิ์ของคนที่ถือตั๋วปีก่อนมาลงทะเบียน ก่อนจะมาคัดเลือกกันอีกทีว่าใครจะได้เข้าชมเกม ขณะที่แฟนบอลทั่วไปก็มีสิทธิ์เข้าชมเช่นกันแต่ก็มีโอกาสลุ้นเพียงแค่ไม่กี่ที่นั่ง
เชื่อว่าหลังจากนี้ไปถ้าสถานการณ์ดีขึ้นน่าจะเปิดให้แฟนบอลเข้าชมได้มากขึ้น
เช่นเดียวกับบรรดาทีมต่างๆที่อยู่โซนสีแดงที่ยังไม่ได้ให้แฟนบอลเข้าชม ก็ต้องรอลุ้นว่าเมืองของตัวเองจะถูกลดจากพื้นที่ความเสี่ยงระดับ3 หรือพื้นที่ที่มียอดผู้ติดเชื้อสูง (เทียร์ 3) เมื่อไร
จะได้เข้าไปชมเกมแบบสดๆซักที
ส่วนทีมต่างๆก็ต้องการให้แฟนบอลเข้าเชียร์เช่นกัน เพราะมันจะทำให้แมตช์เดย์คึกคักมากขึ้น รายได้ต่างๆก็จะเข้าสนามบ้างแม้จะแค่เล็กน้อยก็ตาม
แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือเสียงเชียร์จากแฟนบอลที่จะเป็นน้ำทิพย์ชโลมใจและเป็นแรงกระตุ้นให้นักบอลวิ่งสู้ฟัดเพื่อแฟนๆ
นอกจากนั้นมันยังทำให้มนต์เสน่ห์ของเกมลูกหนังกลับมาอีกครั้งหลังจากเงียบเหงามานาน!!
มะระหวาน