หมวดแซม
ในที่สุดศึกฟุตบอลถ้วยที่เก่าแก่ที่สุดในโลกอย่าง “เอฟเอคัพ อังกฤษ” ฤดูกาล 2019–20 ก็ได้คู่ชิงชนะเลิศเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งก็คือ “ไอ้ปืนใหญ่” อาร์เซนอล จะทำศึกลอนดอนดาร์บี้ ในนัดชิงเอฟเอคัพ ดวลกับ “สิงห์บลู” เชลซี คู่ปรับร่วมเมืองหลวง ที่สนามเวมบลีย์ ในวันเสาร์ที่ 1 สิงหาคมนี้
“ปืนใหญ่” อาร์เซนอล ทำผลงานหักปากกาเซียนในรอบตัดเชือก ด้วยการพลิกล็อกเอาชนะแชมป์เก่าอย่าง “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไปได้อย่างสวยงาม 2-0 จากการเหมาซัดคนเดียวสองประตูของปิแอร์เอเมอริก โอบาเมยองหัวหอกทีมชาติกาบอง
ก่อนลงเตะนัดนี้ ใครๆต่างก็ปรามาส “ปืนใหญ่” ว่าคงจะโดนแมนฯซิตี้ถล่มพ่ายเละตกรอบรองฯเอฟเอคัพอย่างแน่นอน แต่สุดท้ายกูรูกลับหน้าแตกชนิดหมอไม่รับเย็บเกมนี้ มิเกล อาร์เตตา กุนซือปืนใหญ่ สามารถโค่นอาจารย์ของเขาอย่างเป๊ป กวาร์ดิโอลา นายใหญ่ทีมเรือใบสีฟ้าลงได้ ด้วยการวางแท็กติกที่ยอดเยี่ยมและแยบยล
ต้องชมอาร์เตตาที่วางหมากให้อาร์เซนอลเล่นระบบ 3-4-3 โดยเฉพาะการใช้เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ 3 ตัวคือ ดาวิด ลุยซ์, ซโคดราน มุสตาฟี และคีแรน เทียร์นีย์ ซึ่งทำให้เกมนี้แนวรับทีมปืนใหญ่เล่นกันได้อย่างเหนียวแน่น จนทำให้แนวรุกของแมนฯซิตี้ไม่สามารถเจาะเข้าไปทำประตูได้
โดยเฉพาะดาวิด ลุยซ์ ปราการหลังหัวฟูชาวบราซิล ที่นัดนี้เล่นได้โดดเด่นเป็นพระเอก หลังจากเจ้าตัวเคยโดนวิจารณ์อย่างหนักจนแทบเสียผู้เสียคนก่อนหน้านี้
หลังเกม อาร์เตตาออกมาเผยว่า นี่คือสัปดาห์มหัศจรรย์ที่ทีมของเขาสามารถเอาชนะ 2 ทีมที่ดีที่สุดของยุโรปทั้งลิเวอร์พูลและแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในเวลาห่างกันเพียงแค่ 4 วัน
ส่วนเกมตัดเชือกคู่ที่ 2 นั้น ปรากฏว่า “สิงห์บลู” เชลซี เป็นฝ่ายทุบเอาชนะ “ปิศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยสกอร์ 3-1 ผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศกับอาร์เซนอลต่อไป
นัดนี้ ดาวิด เด เคอา ผู้รักษาประตูทีมชาติสเปนของแมนฯยู กลายเป็น “ผู้ร้าย” ในสายตาแฟนบอลเรดเดวิลส์ หลังทำผิดพลาดจนทำให้ทีมเสีย 2 ประตู
โดยช็อตพลาดหนแรก เด เคอา ไม่สามารถป้องกันลูกยิงจ่อๆของโอลิวิเยร์ ชิรูด์ได้ ในช่วงทดเจ็บครึ่งแรก ทั้งที่น่าจะเซฟได้
จากนั้นเด เคอา ก็มาพลาดอีกเป็นครั้งที่ 2 ในนาที 46 เมื่อเมสัน เมาท์ ซัดไกลจากระยะเกือบ 25 หลา บอลพุ่งตรงกรอบและดูเหมือนจะไม่มีอะไร แต่นายด่านเลือดกระทิงกลับรับไม่อยู่ ปล่อยบอลลอดแขนเข้าประตูไป
ต้องยอมรับว่าช่วงหลังมานี้เด เคอา ไม่เหนียวหนึบเหมือนเดิมแล้ว และออกอาการเหวอให้เห็นกันมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง
นัดชิงเอฟเอคัพฤดูกาลนี้ถือเป็นลอนดอนดาร์บี้แมตช์อีกครั้ง และเป็นการย้อนรอยรีแมตช์นัดชิงเอฟเอคัพฤดูกาล 2016-17 โดยครั้งนั้น อาร์เซนอลเป็นฝ่ายเฉือนชนะเชลซี 2-1 คว้าแชมป์ถ้วยนี้ไปครองเป็นสมัยที่ 13
แต่ทว่าศึกยูโรปาลีก รอบชิงชนะเลิศ ฤดูกาล 2018-19 “สิงห์บลู” เชลซี เป็นฝ่ายถล่มเอาชนะ “ปืนใหญ่” อาร์เซนอล ขาดลอย 4-1 คว้าแชมป์ไปครองเป็นสมัยแรก
ต้องมาลุ้นกันว่า “ปืนใหญ่” จะผงาดซิวแชมป์เอฟเอคัพสมัยที่ 14 ไปครองได้หรือไม่ มีเพียง “สิงห์บลู” เชลซีเท่านั้น ที่จะให้คำตอบได้.
หมวดแซม