บี บางปะกง
คำถามยอดฮิตในโลกโซเชียลทุกวันนี้หนีไม่พ้นคำว่า การต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉินนั้น เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด–19 หรือป้องกันม็อบกันแน่
เอาเถอะ!!! นั่นเป็นเรื่องของการเมือง และการแสวงหาอำนาจ ซึ่งแม้ไม่เกี่ยวข้องกับเรา
ชาวกีฬา แต่มันก็ส่งผลกระทบมาถึงแวดวงกีฬาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ช่วงนี้ก็เริ่มผ่อนลงบ้างแล้ว หลังเปิดให้สามารถกลับมาฝึกซ้อมกันได้ แต่ยังไม่อนุญาตให้มีการแข่งขัน แม้อนาคตจะแข่งได้ ก็อาจต้องแข่งแบบปิดไปก่อน
ระหว่างต้องงดการแข่งขันและฝึกซ้อมทั้งหมดโดยเฉพาะ “ฟุตบอล” ส่งผลให้เกิดอาการรวนอย่างหนักของนักกีฬา และสโมสรต้นสังกัดที่เป็นกีฬาอาชีพ
หากสโมสรจะอยู่รอดต่อไปได้ แน่นอนก็ต้องมีการลดภาระค่าใช้จ่ายต่างๆ เลยเกิดสึนามิต่อเนื่องไปยังบรรดาเหล่านักเตะและผู้เกี่ยวข้อง
ไม่เว้นแม้กระทั่งสโมสรเงินถุง เงินกระสอบที่ต้องดำเนินการทุกอย่างเพื่อให้สโมสรยังคงอยู่ ซึ่งผมไม่ถือว่าเป็นความผิดอะไรครับ เพราะมันคือ “สัจธรรม”
แต่ในช่วงว่างเว้นไม่ให้จัดการแข่งขันมันมีมากมายหลากหลายเรื่องราวเกิดขึ้น โดยเฉพาะ “การย้ายทีม” ของเหล่าบรรดานักเตะที่คิดว่าตัวเอง “เด่น ดัง ดี”
เรื่องนี้เหล่านี้เชื่อผมเถอะ!!! “บางเรื่องกับของบางคนมันอยู่ในมุมมืด” ที่แฟนบอลไม่สามารถล่วงรู้ได้เลยว่า “ทำไมสโมสรจึงจำยอมต้องขายออก” ทั้งๆที่ไม่อยากขาย
ตัวนักเตะเองก็ส่วนหนึ่ง ตัวเอเย่นต์เองก็ส่วนหนึ่ง ตัวสโมสรเองก็ส่วนหนึ่ง ที่สร้างความสับสนวุ่นวาย ความไม่สบายใจให้กับเหล่าสาวกของทีมที่ตามเชียร์อยู่
ในส่วนของสโมสรถึงกับมีคำถามมาจากแฟนบอลว่า ปล่อยตัวซะขนาดนี้ ไม่คิดจะเอาแชมป์เลยหรือไง สำหรับผมมองว่า “เขาก็อยากได้แชมป์นะ”
แต่ความอยากได้แชมป์อาจถูกกำหนดกดไว้จากคนบางคน ทำให้ทีมเล่นดียังไงก็ได้แชมป์ยาก หากความอยุติธรรมในสนามยังคงอยู่ การประคองตัวของสโมสรจึงเกิดขึ้นไงครับ
มาถึงตัวเอเย่นต์นี่แหละตัวดี เพราะมีส่วนอย่างมากในการตัดสินใจย้ายทีมของนักเตะในสังกัด จากการมีส่วนกับรายได้อยู่ด้วยทั้งในการซื้อขายและเงินเดือน
ตัวนักเตะเอง ถ้ามองโลกในมุมบวกสามารถมองได้ว่าอยากจะหาความท้าทายใหม่ๆ แต่ถ้าพ้นจากข้อนี้แล้ว ผมว่าไม่ใช่แหละ ผมว่างี่เง่าเห็นแก่ได้อย่างเดียวแหละ
ทั้งนี้ เพราะมีบางรายถึงกับมีการรวมกลุ่มไปกดดันเจ้าของทีมซะด้วยซ้ำไป พอรั้งไว้ไม่อยู่ จำเป็นต้องปล่อย เจ้าของทีมเลยกลายเป็น “แพะ รับบาป” จากแฟนบอลทันที
ที่พูดมาข้างบนถือเป็นภาพรวมเบื้องต้น ที่ผมมอบให้แฟนบอลทุกทีมนำไปเก็บไว้คิด เมื่อมีการซื้อขายนักเตะในดวงใจเกิดขึ้น จะได้ไม่ต้องเครียดมากมาย
สำหรับผมที่เคยเป็นหนึ่งในสาวกของ “พลพรรคกิเลนผยอง” มาก่อน แต่ปัจจุบันเริ่มดูบอลหลายทีมขึ้น ดูทั้งราชันมังกร ดูทั้งฉลามชล ดูทั้งสิงห์เจ้าท่า
ถามว่าเสียดาย “เชือกวิเศษ” หรือไม่ที่ย้ายทีม คำตอบคือเสียดาย แต่ผมมองในมุมว่า “มันเป็นวิถีของนักฟุตบอลอาชีพ” ก็เลยไม่ได้ให้ความสำคัญอะไร
ผมเชียร์ทีมครับ ไม่เน้นเชียร์นักเตะ.
“ไว เด่นชัย”
OOOOOOOO
อ่านมุมมองของ พี่ไว เด่นชัย ที่มีต่อการเปลี่ยนแปลงของกิเลนผยองแล้ว
ดวงตาของผม “มองเห็นธรรม” ขึ้นแยะ...
เลยล่ะครับ!!!
บี บางปะกง