มะระหวาน
ขออีกเพียงแค่ 9 คะแนนเท่านั้นแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ จะตกเป็นของ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล อย่างเป็นทางการ หลังลิเวอร์พูลในเกมล่าสุดเปิดบ้านเฉือนชนะบอร์นมัธไปอย่างหวุดหวิด 2–1 ในเกมพรีเมียร์ลีกนัดล่าสุด
จากชัยชนะในเกมดังกล่าวทำให้ “หงส์แดง” ลงเล่นไปแล้ว 29 นัด มี 82 คะแนน ฉีกหนีแมนฯซิตี้ รองจ่าฝูงออกไปถึง 25 คะแนน แต่ “เรือใบสีฟ้า” แข่งน้อยกว่า 2 นัดด้วยกัน
เรียกได้ว่าลูกทีมของเจอร์เกน คลอปป์ ขอ ชัยชนะอีกเพียงแค่ 3 นัดก็จะคว้าแชมป์ (อย่างเป็น ทางการ) ทันที โดย 3 นัดถัดไป
ลิเวอร์พูลมีคิวดวล กับเอฟเวอร์ตัน (เยือน/16 มี.ค.), คริสตัล พาเลซ (เหย้า/21 มี.ค.) และแมนฯซิตี้ (เยือน/5 เม.ย.)
หมายความว่า ถ้า “หงส์แดง” ชนะ 3 นัดต่อไปหลังจากนี้จะทำให้ลิเวอร์พูลคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกที่บ้านของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ พอดี เรียกได้ว่าตามสคริปต์เป๊ะ
ถือว่าเป็นการแก้แค้นจากฤดูกาลที่แล้ว “หงส์แดง” แพ้แมนฯซิตี้ไปเพียงแค่ 1 คะแนนเท่านั้น
ซึ่งด้วยการนำห่างขนาดนี้แชมป์พรีเมียร์ลีก ปีนี้คงไม่มีเหตุการณ์พลิกล็อกวินาศสันตะโรอย่างแน่นอน
ถ้วยคงได้ไปอยู่ในถิ่นแอนฟิลด์แน่นอนหลังจากรอมานานถึง 30 ปี
แต่อย่างไรก็ตาม ก่อนจะมองข้ามช็อตไปถึงแชมป์พรีเมียร์ลีก “หงส์แดง” ยังมีเกมสำคัญรออยู่ในศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดสอง ในวันพุธที่ 11 มี.ค.นี้
โดยเกมแรก “หงส์แดง” บุกไปพ่ายแอตฯมาดริด 0-1 ทำให้เกมนี้กลับมาเล่นในรังแอนฟิลด์ของตัวเอง ต้องชนะอย่างน้อย 2-0 ถึงจะผ่านเข้ารอบ หรือชนะ 1-0 ก็ต้องไปเล่นต่อในช่วงต่อเวลาพิเศษ
แต่ถ้าพลาดท่าโดน “ตราหมี” บุกมายิงได้ก่อน เรียกได้ว่างานงอกแน่นอน เพราะถ้าโดน ก่อน 1 เม็ด ต้องยิง 3-1 ถึงจะเข้ารอบ
แต่ถ้ายิงได้แค่ 2-1 ก็จะตกรอบตามกฎอเวย์โกล
ถือว่าไม่ใช่งานง่ายของ “หงส์แดง” เลยทีเดียว แม้ว่าจะได้ลงเล่นต่อหน้ากองเชียร์ของตัวเองก็ตาม
ยิ่งชั่วโมงนี้ขุมกำลังลิเวอร์พูลดูเหมือนจะขาดความมั่นใจไปกันพอสมควรหลังจากแพ้
ติดๆกันมา แม้ว่านัดล่าสุดจะกลับมาเก็บชัยชนะได้อีกครั้ง แต่ทรงบอลก็ยังดูไม่ดีเท่าไร
โดยเฉพาะแนวรับที่ต้องยอมรับว่าตั้งแต่ปี 2020 เป็นต้นมา เวอร์จิล ฟาน ไดก์ ปราการหลังทีมชาติฮอลแลนด์นั้นดูฟอร์มแผ่วลงไปอย่างน่ากลัว จังหวะเข้าบอลดูไม่เด็ดขาดเหมือนเก่า แถมจังหวะเช็กล้ำหน้าก็ยังดูไม่ค่อยเป๊ะ
แถมเกมนี้ยังปราศจากอลิสสัน เบคเกอร์ จอมหนึบชาวแซมบ้าที่มีอาการบาดเจ็บสะโพกอีกราย เห็นแล้วเหนื่อยแทน เพราะอาเดรียน มือสอง ยังเอาแน่เอานอนไม่ได้ พลาดง่ายๆ บ่อยเกินมาเจอเกมกดดันมากๆอาจจะมีเหวอให้เห็นอีก
แนวรุก “ตราหมี” แต่ละตัวก็ไม่ธรรมดาทั้งอัลวาโร โมราตา,อังเกล คอร์เรอา และดิเอโก คอสตา พร้อมที่จะทะลวงตาข่ายอยู่ตลอดเวลา นอกจากนั้น แอตฯมาดริด ยังเล่นเกมสวนกลับเร็วค่อนข้างเด็ดขาด
หาก “หงส์แดง” บุกเพลินๆ ไม่ระวัง โดน “ตรา หมี” สวนโป้งเดียวจอดเก็บกระเป๋ากลับบ้านได้เช่นกัน
ในฐานะแชมป์เก่าถือว่าลิเวอร์พูลกดดันพอสมควรสำหรับเกมนี้ แถมแฟนๆก็หวังจากถ้วยใบนี้มากเช่นกัน เพราะต้องการคว้าแชมป์สมัยที่ 7 มาครองให้ได้
แต่สุดท้ายถ้า “หงส์แดง” พ่ายแพ้ตกรอบไป เชื่อว่าสาวก “เดอะ ค็อป” ไม่แคร์เท่าไร แต่ขอให้ทำอย่างเต็มที่เท่านั้นพอ
เพราะสิ่งที่พวกเขาต้องการมากที่สุดนั้นอยู่ในกำมือแล้ว!!!
มะระหวาน