เบี้ยหงาย
เชื่อว่าแฟนๆกีฬาไทยจับจ้องดูการแข่งขันวิ่ง 100 เมตรชาย เมื่อวันวาน และคงจะชื่นมื่นกันทั่วหน้ากับเหรียญเงิน เหรียญใหญ่ยิ่ง และมากด้วยความหมายของกีฬาไทย ทั้งวันนี้ และที่สำคัญกว่านั้นคือ “อนาคต”
และไม่เพียงแต่ “เทพบิว” ภูริพล บุญสอน ที่ได้เหรียญเงิน ต้องรวมถึง “ต้า” สรอรรถ ดาบบัง
ซึ่งแม้จะฟาวล์ตอนออกสตาร์ตในรอบชิงชนะเลิศ จนต้องถูกตัดออกไป เหตุการณ์นี้ไม่ว่าจะเป็นแท็กติกของทีมกรีฑาไทย หรือเป็นไปโดยธรรมชาติก็แล้วแต่
แต่ “ต้า” ก็โชว์ศักยภาพให้เห็นตั้งแต่รอบคัดเลือกจนถึงรอบรองชนะเลิศ และแน่นอนต้องเป็นกำลังสำคัญต่อไปในทุกอีเวนต์และทุกเกมที่ลงแข่งขัน โดยเฉพาะวิ่งผลัด 4×100 เมตร ซึ่งก็ต้องเชื่อในการวางแผนและพัฒนานักกีฬาของสมาคมกรีฑาฯในมิติต่างๆ
ส่วนภูริพล บุญสอน วัย 17 ปีนั้น กับการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ครั้งแรกในชีวิต ทำได้ดีขนาดนี้ ภายใต้สิ่งที่ผู้คนได้เห็นและรับรู้ถึงจุดด้อยจุดเด่น ณ ปัจจุบัน นั่นจึงเป็นการฉายภาพที่ชัดเจนให้เห็นได้ว่า “บิว” ยังดีกว่านี้ได้อีกมากมายอย่างไม่ต้องสงสัย หากได้รับการแก้ไขจุดบกพร่อง และพัฒนาศักยภาพของสิ่งที่มีอยู่ให้ดียิ่งๆขึ้น ภายใต้เวลาที่มีอยู่เหลือเฟือ
ไม่ต้องรีบ ไม่ต้องเร่งจนอาจก่อให้เกิดความเสียหายโดยไม่จำเป็น นี่เป็นการพิสูจน์อีกขั้นว่าเป็น “ของจริง” ที่เป็นความหวังของกีฬาไทยและประเทศชาติทั้งวันนี้และวันหน้าไปอีกนาน ยังมีอีกหลายเกมที่สำคัญๆรออยู่
นี่คงเป็นตัวอย่างหนึ่งที่สำคัญในการส่งนักกีฬาเข้าแข่งขันในเกมระดับเอเชียนเกมส์ เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดในกลุ่มของนักกีฬาที่ให้เกมนี้หาประสบการณ์และเป็นทางผ่านเพื่อการพัฒนาไปสู่เกมอื่นๆ
อันเป็นวัตถุประสงค์หลักและเป็นเป้าหมายใหญ่ของแนวทางในการพัฒนากีฬาของชาติ ที่ใช้จ่ายงบประมาณในการส่งนักกีฬาไปแข่งขันในเกมต่างๆแต่ละระดับขั้น
แน่นอนมุมของการส่งนักกีฬาเข้าแข่งไม่ได้มีเป้าประสงค์เพียงด้านเดียว ยังมีมิติทางกีฬาและการขับเคลื่อน เป็นกลไกที่แตกออกในด้านต่างๆอีกมาก
ขณะที่สังคมรับรู้กันอยู่แล้วว่า ทัพนักกีฬาไทย ที่ส่งเข้าแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ครั้งนี้ 939 คน นับว่ามากที่สุด มากกว่าทุกชาติ กระทั่งจีนเจ้าภาพเองยังส่งแข่ง 884 คน และอันดับ 3 เกาหลีใต้ 872 คน แถมอีกชาติ ญี่ปุ่น อันดับ 4 ส่ง 770 คน
ซึ่งใช้งบประมาณในการส่งนักกีฬาเข้าแข่งขันครั้งนี้ตัวเลขกลมก็อยู่ราวๆ 1,300 ล้านบาท
โดยเราประเมินเหรียญทองไว้ช่วง 15-20 เหรียญ คงไม่ต้องไปเทียบเคียงกับจีน ที่ทะลุ 100 ไปตั้งแต่วันก่อนแล้ว หรือเกาหลีใต้กับญี่ปุ่น ที่กำลังผ่าน 30 กันไป
คำถามที่เกิดอยู่ในใจของผู้คนมาโดยตลอด และครั้งนี้อาจจะมากหน่อย ด้วยตัวเลขที่ปรากฏคงไม่พ้นเรื่องของ “ความเหมาะสม” ที่มากกว่าการจะถามถึงความคุ้มค่าหรือไม่ ด้วยไม่สามารถตีเป็นราคาค่างวดที่เป็นตัวเงิน
เหตุผล คำพูด อธิบายความ ไม่ใช่เรื่องยาก อยู่ที่ปากจำนรรจาและจะหยิบเอามุมไหนขึ้นมานำ แต่สิ่งที่ควรจะต้องทำให้ชัดเจนและสามารถนำไปเป็นบรรทัดฐานเพื่ออนาคต เพื่อความเหมาะสม คุ้มค่าที่แท้จริง
จบเกมนี้ต้องมีการประเมินผล จัดกลุ่มแต่ละเป้าหมาย และวิเคราะห์อย่างตรงไปตรงมาในแต่ละกีฬา
ไม่ได้แก้ไข ไม่ได้แก้ตัว ไม่เพื่อวันนี้ หรือวันวาน แต่ทุกอย่างเพื่อวันข้างหน้าที่ต้องก้าวเดินอย่างถูกต้องและมั่นคง...
“เบี้ยหงาย”
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่