บี บางปะกง
มหกรรมกีฬา “เอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 18” ปี 2018 ที่แดนอิเหนา รูดม่าน ปิดฉากลงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
บทสรุปผลงานทัพนักกีฬาไทยที่ “11 ทอง 16 เงิน 46 ทองแดง” ได้ที่ 12 ถือว่าห่างจากเป้าที่วางไว้อยู่ไม่น้อย
และนี่ก็เป็นครั้งแรกนับจากที่เราเป็นเจ้าภาพครั้งสุดท้ายเมื่อปี 1998 ที่ไทยแลนด์หลุดจาก “ท็อปเทน” 10 อันดับแรก ของตารางสรุปเหรียญเอเชียนเกมส์
ซึ่งก็คงเป็นการบ้านให้เหล่าผู้รับผิดชอบในวงการกีฬาบ้านเราได้ไปหาทางปรับปรุงแก้ไข (ครั้งใหญ่) เพื่อเตรียมไว้สำหรับอนาคตที่จะมีเวทีบิ๊ก “โอลิมปิกเกมส์ 2020” รออยู่ในอีก 2 ปีข้างหน้า
อย่างไรก็ตาม ก็ต้องขอขอบคุณในทุกความสำเร็จของทุกๆเหรียญรางวัลที่นักกีฬาไทยเราคว้ามาได้บนแผ่นดินชวาในคราวนี้
และต้องขอเป็นแรงใจในฐานะกองเชียร์ทีมชาติไทยคนหนึ่ง ให้ขุนศึกกีฬาไทยทุกๆท่านพัฒนาศักยภาพตัวเองให้ก้าวไปสู่ระดับสูงสุดที่ตัวเองตั้งใจเอาไว้ให้ได้
เพราะความสำเร็จของนักกีฬาบ้านเรา ก็คือ “ความสุข” ของแฟนกีฬาชาวไทยทั้งประเทศนั่นเอง!
และเอเชียนเกมส์ 2018 ครั้งนี้ เชื่อเหลือเกินว่า หนึ่งในความสุขของคอกีฬาทั้งหลายน่าจะอยู่ที่ผลงานของทีม “วอลเลย์บอลหญิง” ทีมชาติไทย
ที่สามารถสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ด้วยการซิวเหรียญเงินได้เป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ลูกยางหญิง เริ่มมีจัดชิงชัยในเอเชียนเกมส์ เมื่อปี 1962 เป็นต้นมา ซึ่งก็นับเป็นเวลากว่าครึ่งศตวรรษ หรือ 56 ปีเข้าให้แล้ว
โดยทีมนักตบสาวไทยโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมประทับใจตั้งแต่นัดแรกยันถึงนัดสุดท้าย
ที่สุดแล้วแม้จะตกเป็นฝ่ายปราชัยสาวจีน “แชมป์โอลิมปิก-แชมป์เก่า” ที่เป็นทีมมหาอำนาจ “เบอร์ 1” ของโลกตัวจริงเสียงจริง แต่ก็เชื่อเหลือเกินว่า...
“คนไทยทุกคนภาคภูมิใจ”
นี่ถ้ามีตำแหน่ง “กีฬาขวัญใจมหาชน” มอบให้ในตอนนี้ ทีมวอลเลย์สาวไทยของเรานี่แหละที่จะเข้าป้ายนอนมาชนิดไร้คู่แข่งอย่างไม่ต้องสงสัย
เรียกว่าเป็นความแจ่มจรัสของวงการลูกยางไทยที่ต้องยกเครดิตให้กับผู้บริหารสมาคมกีฬาวอลเลย์บอลทั้งในยุคนี้และยุคก่อน
ที่เชื่อมต่อการพัฒนาอัปเกรดความสามารถของนักกีฬาไปสู่ระดับโลกได้อย่างไร้ที่ติ
แม้บางห้วงเวลาจะมีความ “ดราม่า” ในโลกโซเชียลเข้ามาก่อกวนสมาธิบ้างก็ตาม
เห็นความรุ่งเรืองอย่างไม่หยุดยั้งของกีฬาลูกยางบ้านเราแบบนี้แล้ว ก็เลยอดเอาไปเปรียบเทียบกับผลงานของทีม “ฟุตบอลไทย” ในเอเชียนเกมส์คราวนี้ไม่ได้
เพราะมันช่างแตกต่างกันราว “ฟ้ากับเหว”
ไอ้ที่เคยบอกว่าเมืองไทยมี “ฟุตบอล” เป็นกีฬาหมายเลข 1 มาตลอด หลังๆผมชักเริ่มไม่แน่ใจแล้วแฮะ!
หลังทีมลูกหนังทั้งชายและหญิงต่างล้มเหลวไม่เป็นท่าใน อชก. จนโดนแฟนบอลก่นด่าทั้งปฐพี
จะบอกว่า บอลไทยยุคนี้มองเป้าไปที่ “ฟุตบอลโลก” เป็นหลัก และไม่ได้เน้นอะไรกับเวทีสมัครเล่นอย่างซีเกมส์-เอเชียนเกมส์ อีกต่อไปแล้ว
ทีหลังก็บอกให้ชัดเจนอย่ากำกวม
เพราะถึงเวลาที่ “โอลิมปิก + กกท.” เขาพิจารณางบอุดหนุนประจำปีให้แต่ละสมาคมกีฬา จะได้จำแนกแยกประเภทให้ถูกโดยไม่ต้องลังเล
แบบไหน “รุ่งโรจน์” แบบไหน “รุ่งริ่ง”
มันดูไม่ยากหรอก!!!
บี บางปะกง