บี บางปะกง
รูดม่านปิดฉากไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วกับสนามแข่งเจ็ตสกีระดับตำนานของโลก รายการ WGP#1 World Series สนามที่ 2-World Finals 2021
หรือที่พวกเรารู้จักกันดีในชื่อ “เจ็ตสกี เวิลด์ไฟนอล” ที่เมืองเลกฮาวาซู รัฐอริโซนา ประเทศสหรัฐอเมริกา
โดยปีนี้มีนักแข่งจากประเทศไทยไปอวดธงไตรรงค์เพียงแค่หนึ่งเดียวคือ “บุ๊ค เสริมสุวรรณ” ที่สร้างผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมกระเทียมดอง
ด้วยการทำ “ดับเบิลแชมป์” คว้าแชมป์โลกมาครองได้ถึง 2 รุ่น คือ รุ่นเรือนั่งกึ่งอาชีพ 1100 ซีซี ปรับแต่งเครื่องยนต์ (Amateur Runabout 1100 cc. Open) และรุ่นเรือนั่งสปอร์ต จีพี สลาลอม (Sport GP Slalom)
นอกจากนี้ ยังได้รองแชมป์โลก คือ รุ่นเรือนั่งอาชีพ 1100 ซีซี ปรับแต่งเครื่องยนต์ (Pro Runabout 1100 cc. Open) และอันดับที่ 3 อีก 1 รุ่น คือ รุ่น เรือนั่งกึ่งอาชีพ 1100 ซีซี จำกัดการปรับแต่งเครื่องยนต์ (Amateur Runabout 1100 cc. Limited)
ซึ่งต้องถือว่าเจ้าตัวสร้างชื่อให้กับไทยแลนด์บนเวทีเจ็ตสกีโลกเป็นอย่างมาก แม้จะต้องเผชิญกับอุปสรรคปัญหาต่างๆมากมาย อันเกิดจากวิกฤติโควิด–19 ที่ทำให้การไปแข่งขันที่แดนลุงแซมครั้งนี้เต็มไปด้วยความยากลำบาก
ไม่ว่าจะเป็นการเดินทาง, การขนส่งเรือ และการดำรงชีวิตในต่างแดน ซึ่งดูติดขัดไปซะหมด
แต่ต้องชื่นชมในความมุ่งมั่นตั้งใจจริงของเจ้าตัว ที่ต้องการไปล้างตาในศึกเวิลด์ไฟนอล ที่เลกฮาวาซูให้จงได้ หลังเป็นรายการเดียวที่ “บุ๊ค” เองไม่เคยประสบความสำเร็จมาก่อนเลยในชีวิต
โดยการประกาศศักดาบนโพเดียมอย่างเต็มภาคภูมิในครั้งนี้ จริงๆแล้วไม่ใช่ความเก่งกาจของ “บุ๊ค” คนเดียว
แต่มันเกิดจากความสามารถและฝีไม้ลายมือของทีมช่างจากเมืองไทยอีก 4 คน คือ ชัยสิทธิ์ แก้วไทรคู หรือ “ช่างกอล์ฟ” จากทีม Pusan Seadoo Jet Ski Racing Team, “ช่างยาว” สิทธิรัตน์ ขุมทรัพย์ดี ผู้เชี่ยวชาญด้านเรือ Yamaha จากทีม K45 Maxima Team Paw
“ช่างอู๊ด” ไพโรจน์ อ่อนนิ่ม ผู้เชี่ยวชาญด้านเรือ 2 จังหวะ และ Holder จากทีมผู้ใหญ่นิรันดร์ พัทยา และ “ช่างโกร่ง” ธนวัต หมั่นหาดี ผู้ช่วยทีมช่าง และ Holder
ซึ่งทั้งหมดถือเป็น ‘ลมใต้ปีก’ ที่ช่วยให้ทีมเจ็ตสกีจากประเทศไทยประสบความสำเร็จบนเวทีโลกอย่างงดงามที่สุด
เพราะต้องบอกเลยว่าถ้าไม่มีช่าง 4 คนนี้ ภารกิจการประกอบเรือลำใหม่หน้าสังเวียนก่อนแข่งไม่ถึงสัปดาห์เพื่อใช้ลงชิงชัย...จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้อย่างเด็ดขาด!!
ส่วนตัวแล้วค่อนข้างชื่นชม “บุ๊ค” นะครับ เพราะก่อนที่เขาจะขึ้นเครื่องไปอเมริกา ผมได้มีโอกาสสัมภาษณ์ประวัติของเจ้าตัวแบบเอกซ์คลูซีฟมาลงในเพจ Jet Ski Pro Tour–Thailand
ทำให้ได้ทราบปูมหลังว่า บุ๊ค เสริมสุวรรณ เป็นยอดนักแข่งเจ็ตสกีมือเก๋าที่เคยหันหลังให้วงการไปนานกว่า 10 ปีเต็ม
เจ้าตัวเล่าให้ฟังว่า เขากับ “บูม เสริมสุวรรณ” พี่ชาย เลิกขี่เจ็ตสกีไปเพราะสูญเสียคุณแม่ ซึ่งเป็นผู้ผลักดันและสนับสนุนให้ตัวเองก้าวขึ้นมาเป็นแถวหน้าตั้งแต่วัยรุ่น อายุยังไม่ถึง 20 เลยด้วยซ้ำ!!
ตอนแขวนหมวกเลิกเป็นนักแข่ง อายุน่าจะสัก 23-24 ปีได้ กำลังอยู่ในช่วง “ท็อปฟอร์ม” แบบสุดๆ สามารถต่อกรกับคู่ต่อสู้ทุกคนในประเทศนี้ได้หมด
แต่พอคุณแม่มาป่วยเป็นมะเร็งต้องพาไปรักษาตัวที่อเมริกา จนท่านเสียชีวิตลง ตนกับพี่ชายก็เลยตัดสินใจลาขาดวงการ เลิกชนิดไม่มองไม่แตะเรืออีกเลย
เพราะรู้ว่าถ้าไปแตะไปมองจะต้องอยากกลับมาอีกแน่ แล้วตัวเราก็ยังไม่ได้พร้อมขนาดนั้น เพราะเจ็ตสกีเป็นกีฬาที่ต้องใช้ทุนทรัพย์ค่อนข้างสูงมาก คุณพ่อก็ไม่ค่อยเห็นด้วยที่ต้องเอาตัวเองไปเสี่ยงหรือไปเปลืองค่าใช้จ่ายมากมายกับกีฬานี้ ก็เลยหยุดยาวไปเลยหนึ่งทศวรรษเต็มๆ
ช่วงนั้นก็ไปแต่งงานมีครอบครัวและสร้างเนื้อสร้างตัว จนพอที่จะมีกำลังทรัพย์มาซัพพอร์ตตัวเองได้ ก็เลยกลับมาสู่ผืนน้ำอีกครั้งเพื่อทำฝันของตัวเองที่ยังค้างคาอยู่ให้เป็นผลสำเร็จ
นั่นก็คือการคว้าแชมป์โลกในศึกเวิลด์ไฟนอล ที่เลกฮาวาซู
ซึ่งจากวันแรกที่หวนคืนวงการกลับมาแข่งอีกครั้งถึงวันนี้ “บุ๊ค” ต้องใช้เวลาร่วม 4 ปีเต็ม จนในที่สุดก็ก้าวขึ้นครองเกียรติยศที่ตัวเองถวิลหามาทั้งชีวิตจนได้
เป็นตัวอย่างของ “ยอดนักสู้” ผู้ไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ แม้ว่าวัยตัวเองจะล่วงเลยไปกว่า 38 กะรัตแล้วก็ตาม
แต่คำว่า “อายุเป็นเพียงตัวเลข” ยังใช้ได้อยู่เสมอ
สำหรับ...คนที่ตั้งใจจริง!!!
บี บางปะกง