แม่ลูกจันทร์
หลังจบฟุตบอลโลก 2014 ที่ประเทศบราซิลไม่มีใครไม่รู้จักชื่อของฮาเมส โรดริเกวซ กองหน้าทีมชาติโคลอมเบีย หลังจากเจ้าตัวเดินออกจากศึกฟุตบอลโลกด้วยตำแหน่งดาวซัลโวสูงสุดของทัวร์นาเมนต์ติดตัวมาด้วยหลังกดไป 6 ประตู
โดยเฉพาะหนึ่งในลูกยิงที่ติดตาของแฟนบอลทั่วโลกหรือแม้กระทั่งผู้เขียนก็คือลูกยิงใบไม้ร่วงสุดสวยเสียบใต้คานในเกมที่เอาชนะอุรุกวัย 2-0 ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย บอกตรงๆจังหวะก่อนที่ ฮาเมสจะสับไกนั่นไม่มีใครคาดคิดว่าเพลย์เมกเกอร์ร่างเล็กจะสับไกแม้แต่นิดเดียว และลูกยิงนี้ก็ได้รับเลือกให้เป็นลูกยิงยอดเยี่ยมประจำการแข่งขัน
ซึ่งหลังจากจบทัวร์นาเมนต์หลายทีมต่างแย่งตัวของฮาเมสไปร่วมทีม เพราะฟอร์มการเล่นที่เฉิดฉายในฟุตบอลโลก สุดท้ายก็เป็น “ราชันชุดขาว” เรอัล มาดริด ที่คว้าตัวไปครองพร้อมจ่ายค่าตัวให้กับโมนาโก ต้นสังกัดของฮาเมสในตอนนั้นไป 80 ล้านยูโร ( ประมาณ 3,111 ล้านบาท)
ในฤดูกาลแรกกับ “ชุดขาว” ฮาเมสก็กลายเป็นตัวหลักได้ลงสนามบ่อยครั้งภายใต้การคุมทีมของคาร์โล อันเชลอตติ นายใหญ่ชาวอิตาเลียน ลงเล่นไป 46 นัดยิงไป 17 ประตู ถือว่าเป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมในการเปิดตัวซีซันแรก
แต่หลังจากนั้นกราฟชีวิตของฮาเมสก็เริ่มดาวน์ลง หลังจาก “ชุดขาว” เปลี่ยนเทรนเนอร์มาเป็นซีเนอดีน ซีดาน ในช่วงปลายฤดูกาล 2015-2016 ชื่อของนักเตะโคลอมเบียก็แทบจะหายไปจากสารบบ จนสุดท้ายก็ถูกส่งไปให้ บาเยิร์น มิวนิก ยืมตัวเป็นเวลา 2 ปี ซึ่งก็มีอันเชลอตติ คุมทัพอยู่ในถิ่นอัลลิอันซ์ อารีนา
แต่ความซวยก็บังเกิดอีกเมื่อฮาเมสย้ายมาได้แค่ 3 เดือน อันเชลอตติก็โดนไล่ออกอีก แต่ฮาเมสก็ยังได้ลงเล่นต่อเนื่องแม้ว่าจะไม่ได้
ลงเล่นตัวจริงมากเท่าไรในฤดูกาล 2017-2018 ลงเล่นไป 39 นัดยิงไป 8 ประตู และฤดูกาล 2018-2019 ลงเล่นไป 28 นัดยิงไป 7 ประตู
ตอนแรกบาเยิร์นก็ต้องการได้ตัวของฮาเมส แต่เนื่องจากเจ้าตัวมีอาการบาดเจ็บค่อนข้างบ่อยทำให้ “เสือใต้” ตัดสินใจส่งคืน “เรอัล มาดริด” และในฤดูกาล 2019-2020 ก็ยังโดนอาการบาดเจ็บเล่นงานอีกจนได้ ลงสนามรวมกันเพียงแค่ 14 นัด ยิงได้ 1 ประตูเท่านั้น
พอฤดูกาลถัดมา ฮาเมส ก็โดน “ราชันชุดขาว” ตัดชื่อออกจากทีมจนต้องระเห็จหาทีมใหม่ ประจวบเหมาะกับคาร์โล อันเชลอตติ นายใหญ่ชาวอิตาเลียนย้ายไปคุมทีมเอฟเวอร์ตันก็สนใจที่จะต้องการได้ตัวของดาวเตะทีมชาติโคลอมเบียมาร่วมงานอีกครั้ง
ซึ่งหลังจาก “อันเช” ได้เกลี้ยกล่อม “ฮาเมส” สำเร็จ และไปเกลี้ยกล่อม “ทอฟฟี่” ยอมจ่ายค่าเหนื่อยสูงถึง 220,000 ปอนด์ (ประมาณ 10 ล้านบาท) ต่อสัปดาห์ เพื่อล่าตัวของดาวเตะชาวโคลอมเบียมาร่วมก๊วน
จนสุดท้ายฮาเมสก็ย้ายมาเล่นในถิ่นกูดิสัน พาร์ค และที่เอฟเวอร์ตันเจ้าตัวก็สามารถโชว์ลีลากระชากลากเลื้อยและการจ่ายบอลระดับเวิลด์คลาส กลับกลายมาเป็นฮาเมสคนเดิม
เหมือนในศึกฟุตบอลโลก 2014 แม้ว่าช่วงท้ายฤดูกาลจะเจออาการบาดเจ็บเล่นงาน แต่โดยรวมก็ถือว่ายอดเยี่ยม ลงเล่นไป 26 นัด ยิงไป 6 ประตู
แต่ความซวยก็บังเกิดอีกครั้งเมื่อ อันเช ลอตติ ย้ายแบบฟ้าแลบกลับไปคุม “ราชันชุดขาว” ทำให้ฮาเมสเคว้งเลยทีเดียว เพราะกลายเป็นส่วนเกินของราฟาเอล เบนิเตซ กุนซือใหม่ทันที
แบบว่านักข่าวถามว่ามีโปรแกรมเตะวันไหนเจ้าตัวยังไม่รู้เลย??
จนสุดท้ายฮาเมสก็ต้องลี้ภัยย้ายไปเล่นให้กับอัล รายยาน ในลีกกาตาร์ในที่สุด
นับตั้งแต่ฉายแสงในศึกเวิลด์คัพ 2014 หลังจากนั้นแสงก็เริ่มดับมาเรื่อยๆ จนดับสนิทไม่สามารถเล่นในยุโรปได้อีกแล้ว
ไปอยู่ที่ไหนก็กลายเป็นส่วนเกินอยู่ตลอดเรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งในแข้งสุดอาภัพก็ว่าได้.
มะระหวาน