หาก “คุณ” อยากเริ่มต้นการทำธุรกิจ "Startup" เทรนด์สุดฮิตในยุคนี้ อะไรคือข้อมูลทางสถิติที่ “คุณ” ควรเก็บเกี่ยวเอาไว้เพื่อให้เกิดประโยชน์ก่อนเริ่มทำการใหญ่บ้าง วันนี้ “เรา” ลองไปวิเคราะห์ในแง่มุมต่างๆจากดินแดนที่อุดมไปด้วย Startup มากที่สุดในโลกอย่างประเทศสหรัฐอเมริกากันดู

ธุรกิจ Startup ในสหรัฐฯ :

สิ้นสุดปี 2022 สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่เป็นที่ตั้งของ Startup มากที่สุดในโลก โดยมีจำนวนมากถึง 72,500 แห่ง อันดับที่ 2 อินเดีย 13,905 แห่ง อันดับที่ 3 สหราชอาณาจักร 6,396 แห่ง อันดับที่ 4 แคนาดา 3,446 แห่ง และอันดับที่ 5 ออสเตรเลีย 2,399 แห่ง ขณะที่มูลค่ารวมของเศรษฐกิจ Startup ทั่วโลก อยู่ที่ประมาณ 3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ

ประเภทธุรกิจ Startup ที่กำลังร้อนแรงในโซเชียลมีเดีย :

จากรายงานของ Glimpse บริษัทวิจัยทางการตลาดของสหรัฐฯ ซึ่งติดตามเทรนด์ธุรกิจที่กำลังเป็นกระแสตามแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Google, TikTok, Instargram, Reddit, Twitter, YouTube, Amazon พบว่า ประเภทของธุรกิจ Startup ที่ถูกค้นหามากที่สุด ประกอบด้วย...

...

1. ธุรกิจ 3D Printing :

สำหรับ Startup ที่น่าจับตาหลังไปได้สวยจากธุรกิจนี้ คือ บริษัท Flsun ในประเทศจีน ซึ่งกำลังเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกในฐานะบริษัทผลิตเครื่อง 3D Printing ราคาประหยัด โดยความสนใจที่มีต่อบริษัท Flsun ในปี 2022 เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2021 เพิ่มขึ้นถึง 144% และล่าสุดเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา มีอัตราการค้นหาสูงถึง 19,000 ครั้งต่อเดือน

2. ธุรกิจเกษตรกรรม :

โดย Startup ที่กำลังเป็นที่สนใจมากที่สุดในธุรกิจประเภทนี้ คือ บริษัท eFishery ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ของประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งมีจุดขายสำคัญคือ เครื่องป้อนอาหารสัตว์น้ำอัจฉริยะสำหรับปลาและกุ้ง ซึ่งสามารถช่วยเพิ่มทั้งประสิทธิภาพการให้อาหารสัตว์น้ำและเพิ่มผลผลิต นอกจากนี้ ยังมีตลาดออนไลน์ที่เชื่อมโยงพ่อค้ากับกลุ่มเกษตรกรเข้าไว้ด้วยกันอีกด้วย โดยความสนใจที่มีต่อบริษัท eFishery ในปี 2022 เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2021 เพิ่มขึ้นถึง 222% และล่าสุดเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา มีอัตราการค้นหาสูงถึง 4,500 ครั้งต่อเดือน

3. ธุรกิจ AI :

สำหรับ Startup ที่กำลังเป็นที่สนใจมากที่สุดในธุรกิจปัญญาประดิษฐ์นี้ คือ บริษัท OpenAI ในประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2015 และมีนายทุนชื่อคุ้นๆ อย่าง “อีลอน มัสก์” เป็นผู้ร่วมก่อตั้ง

ด้านความสนใจที่มีต่อบริษัท OpenAI ในปี 2022 เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2021 เพิ่มขึ้นถึง 1,905% และล่าสุดเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา มีอัตราการค้นหาสูงถึง 2.3 ล้านครั้งต่อเดือน!

Startup Life Cycle :

ในเมื่อหลักคิดตั้งต้นของธุรกิจ Startup คือ การออกแบบธุรกิจให้เติบโตอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่ทีมงาน โครงสร้างธุรกิจ รวมไปจนกระทั่งถึงวิธีการใช้เงินและการทำตลาด มันจึงเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงได้ยากที่จะไม่พูดถึง “อัตราความเสี่ยง” ในแง่ของการลงทุนที่ย่อมมีโอกาสจะ “ล้มเหลว” ได้สูงด้วยเช่นกัน

และนี่คือ...สถิตินับตั้งแต่ “เกิด” จนถึง “ดับ” หรือกลายเป็น “ยูนิคอร์น” อันแสนเลอค่า ของบรรดา Startup ในประเทศสหรัฐอเมริกา

...

จุดเริ่มต้นของ Startup :

33% ของ Startup ในสหรัฐอเมริกาเริ่มต้นด้วยเงินทุนน้อยกว่า 5,000 ดอลลาร์สหรัฐ (171,542 บาท อัตราแลกเปลี่ยน 16 ก.พ.23) และมากกว่า 50% ของ Startup ในสหรัฐฯ เริ่มต้นด้วยการใช้บ้านเป็นออฟฟิศเพื่อประหยัดต้นทุน

ล้มเหลว หรือ ประสบความสำเร็จ :

...

สำหรับสถิติการประสบความสำเร็จ หรือ ล้มเหลว ของ Startup ในสหรัฐฯ จากรายงานของ Zippia บริษัทวิเคราะห์ข้อมูลและจัดหางานชื่อดังของสหรัฐอเมริกา ระบุว่า....

10% ของ Startup ในสหรัฐฯ ล้มเหลวภายในปีแรกของการก่อตั้งบริษัท

70% ของ Startup ในสหรัฐฯ จะล้มเหลวภายในระยะเวลา 2-5 ปีแรกของการก่อตั้งบริษัท ส่วนอีก 90% ของ Startup ในสหรัฐฯ จะล้มเหลวในช่วงปีที่ 10 และจะมีเหลือเพียงประมาณ 25% เท่านั้นที่สามารถอยู่รอดได้จนถึงปีที่ 15 นับจากวันก่อตั้งบริษัท

อะไรคือเหตุผลสำคัญที่ทำให้ Startup ล้มเหลว :

ประเด็นที่ 1 : มากถึง 34% ไม่สามารถสร้างสินค้าหรือบริการ ที่สามารถแก้ปัญหาได้ตรงกับความต้องการของลูกค้าได้ (Product-Market Fit)
ประเด็นที่ 2 : 22% ประสบปัญหาเรื่องการทำตลาด
ประเด็นที่ 3 : 18% ประสบปัญหาภายในทีมงาน
ประเด็นที่ 4 : 16% ประสบปัญหาทางการเงิน
ประเด็นที่ 5 : 10% ประสบปัญหาด้านเทคโนโลยี หรือกฎหมาย

แม้ว่ามากถึง 90% ของ Startup ในสหรัฐฯ จะสามารถอยู่รอดได้หลังผ่านพ้นไปในปีแรก แต่จากข้อมูลข้างต้นจะเห็นได้ว่าในช่วงระยะปีที่ 2 จนถึงปีที่ 5 จะมีบริษัทที่ล้มหายตายจากไปมากถึง 70% โดยจากบทวิเคราะห์ของ Zippia ระบุว่า มีสาเหตุสำคัญมาจาก อัตราการเติบโตของบริษัทในแบบก้าวกระโดดมักทำให้บรรดาผู้ประกอบการเชื่อมั่นว่า ต้องฉวยโอกาสเร่งขยายกิจการ จนนำไปสู่ “การใช้จ่ายเงินเกินตัวและลงทุนขยายกิจการก่อนเวลาอันควร จนกระทั่งทำให้ติดหล่ม “Product-Market Fit” ในบั้นปลาย

...

Startup Unicorn :

มีเพียง 0.00006% ของบริษัท Startup ในประเทศสหรัฐฯ เท่านั้น ที่สามารถกลายร่างเป็น Unicorn (บริษัทที่มีมูลค่ามากกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ได้สำเร็จ แต่หากบริษัทใดเกิดได้รับเงินทุนสนับสนุนตั้งต้นจากผู้ร่วมทุน โอกาสที่ว่านี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 2.5%
แต่สัดส่วนความสำเร็จที่ว่านี้...ก็ยังถือเป็นสัดส่วนที่น้อยมากๆ สำหรับผู้ที่เหลือรอดในบั้นปลายอยู่ดี

Unicorn กำไร-ขาดทุน :

นอกจากจะเหลือผู้อยู่รอดเพียงน้อยนิดแล้ว สิ่งหนึ่งที่ควรรู้ไว้คือในบรรดา Unicorn เหล่านี้จะมีเพียง 40% เท่านั้นที่กลายเป็นบริษัทที่สามารถสร้างผลกำไรได้ ส่วนอีก 30% จะเป็นบริษัทที่ไม่สามารถสร้างผลกำไร และอีกประมาณถึง 30% ถึงขั้นล้มเหลวจนต้องเลิกกิจการไปในที่สุด!

สำหรับ Unicorn ที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก ณ ปัจจุบัน คือ บริษัท ByteDance ในประเทศจีน ที่มีมูลค่าสูงถึง 140,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนอันดับที่ 2 คือ บริษัท Space X มูลค่า 127,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และอันดับที่ 3 SHEIN บริษัท Fast Fashion online ชื่อดังจากประเทศจีน มูลค่า 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน
กราฟิก Anon Chantanant

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง