ใครบ้างจะไปคิดว่าความพยายามของรัฐบาลแคนาดา ในการยกระดับการบังคับฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ด้วยการออกข้อกำหนดให้ บรรดา “สิงห์รถบรรทุก” ที่ขับรถข้ามพรมแดนสหรัฐฯ - แคนาดา ต้องฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 กลับกลายเป็นการทำให้ “กรุงออตตาวา” เมืองหลวงของประเทศแคนาดา กลายเป็น “อัมพาต” มาแล้วเกือบสองสัปดาห์

เพราะ “แรงต่อต้าน” มาตรการดังกล่าวได้นำไปสู่การกางเต็นท์ และนำรถกระบะและรถบรรทุกขนาดยักษ์รวมกันมากกว่า 200 คัน ออกมาปิดถนนหนทางใกล้กับอาคารรัฐสภาและย่านเศรษฐกิจสำคัญๆ พร้อมกดแตรดังสนั่น เปิดสัญญาณไซเรน และจุดดอกไม้ไฟเฉลิมฉลองราวกับงานเทศกาลอะไรสักอย่างกลางเมืองหลวง จนกระทั่งต้องมีการตัดสินใจประกาศ “ภาวะฉุกเฉิน!” เพราะสิ่งที่เกิดขึ้น มันกลายเป็นปรากฏการณ์ที่อยู่เหนือการควบคุมไปแล้ว

ทั้งๆ ที่ ประเทศแคนาดา เป็นประเทศที่มีค่าเฉลี่ยการฉีดวัคซีนโควิด-19 ต่อจำนวนประชากรในลำดับต้นๆ ของโลก โดยสิ้นสุดวันที่ 7 ก.พ. 65 มีชาวแคนาดา มีค่าเฉลี่ยการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 อย่างน้อยหนึ่งเข็ม สูงถึง 85.11% ในขณะที่ค่าเฉลี่ยการฉีดวัคซีนครบสูตรสูงถึง 79.72% ต่อจำนวนประชากร 38 ล้านคน

และ The Freedom Convoy! คือ ชื่อของการ Lock down กรุงออตโตวา ในครั้งนี้!

“เสรีภาพ!”

ล็อกดาวน์เมืองหลวงแคนาดา การตอบโต้ ข้อบังคับฉีดวัคซีนของสิงห์รถบรรทุก

...

บรรดาสิงห์รถบรรทุก พร้อมใจกันร่วมตะโกนและกดแตรรถเสียงดังสนั่น เพื่อแสดงออกถึงการต่อต้านมาตรการบังคับฉีดวัคซีนของ “นายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโด” หากแต่การแสดงออกของกลุ่มผู้ชุมนุมเพื่อต่อต้านการฉีดวัคซีนในครั้งนี้ กลับสร้างความ “หนักใจ” ให้กับ รัฐบาลเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากกลุ่มผู้ชุมนุมไม่มีพฤติกรรมใดๆ ที่แสดงออกถึง “ความรุนแรง” ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่จะสามารถใช้เจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนเข้าจัดการได้ ถึงแม้ว่าจะมีประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากการชุมนุมในครั้งนี้ โดยเฉพาะในย่านเศรษฐกิจที่สูญเสียยอดขายมากกว่า 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อวัน พยายามกดดันให้ รัฐบาลแคนาดา พยายามเร่งหาทางแก้ไขปัญหาในเรื่องนี้ให้ได้โดยเร็วที่สุดก็ตาม

นั่นเป็นเพราะสิ่งที่กลุ่มผู้ประท้วงแสดงออก นอกจากนำรถกระบะและรถบรรทุกมาปิดถนน คือ จัดตั้งเวทีละคร แคมป์ที่พัก ห้องซาวน่า ปราสาทเป่าลม โรงอาหารชั่วคราวเพื่อแจกจ่ายอาหารให้กับผู้ชุมนุม รวมถึงเปิดเวทีการแสดงดนตรี ราวกับงานเทศกาลรื่นเริงประจำปีของกรุงออตตาวา แถมแกนนำในการจัดการประท้วงครั้งนี้ ยังได้มีการเปิดขอรับบริจาคเงินจากผู้สนับสนุนทั่วประเทศ ผ่านแพลตฟอร์ม GoFoundMe จนกระทั่งได้รับเงินบริจาคมากกว่า 7.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ! (ประมาณ 257 ล้านบาท อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 7 ก.พ. 65) จากจำนวนผู้บริจาคเกือบ 1 แสนคน แถมยังมีเซเลบคนดังอย่าง โจ โรแกน นักจัดรายการพอดแคสต์ชื่อดัง และอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แสดงตัวให้การสนับสนุนอย่างเปิดเผยอีกด้วย

ล็อกดาวน์เมืองหลวงแคนาดา การตอบโต้ ข้อบังคับฉีดวัคซีนของสิงห์รถบรรทุก

ในขณะที่เงินบริจาคจากแพตลฟอร์มอื่นๆ นั้น “ม็อบรถบรรทุก” ยังได้รับเงินรวมกันอีกมากกว่า 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ! (ประมาณ 33 ล้านบาท อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 7 ก.พ. 65) ซึ่งถือเป็นการแสดงออกอย่างชัดเจนว่า การกระท้วงล็อกดาวน์เมืองหลวงในครั้งนี้จะอยู่กันไปแบบยาวๆ จนกว่าจะได้รับชัยชนะ นั่นก็คือ รัฐบาลแคนาดาจะต้อง “ยกเลิก” มาตรการบังคับฉีดวัคซีนสิงห์รถบรรทุกทุกคน!

ขณะเดียวกัน การโหมกระแสในโซเชียลมีเดีย ยังทำให้ Freedom Convoy ได้รับแรงสนับสนุนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ในการเรียกรถบรรทุกและรถกระบะออกมาสมทบกันปิดท้องถนนเพิ่มเติมในหลายๆ เมืองทั่วประเทศแคนาดา โดยเฉพาะที่นครโตรอนโต หนำซ้ำเมื่อขบวนรถผ่านไปยังจุดใด ก็มักจะได้รับเสียงเชียร์จากผู้คนที่อยู่บนสะพานลอยและริมถนน ด้วยการโบกธงชาติแคนาดา และเสียงตะโกนด่าทอ นายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโด อีกด้วย

และล่าสุด ผลสำรวจความคิดเห็นที่ถูกจัดทำโดย Innovative Research Group พบมาว่ามีชาวแคนาดามากถึง 36% สนับสนุนการประท้วง และต้องการให้ รัฐบาลแคนาดา “ยกเลิก” มาตรการบังคับฉีดวัคซีนบรรดาสิงห์รถบรรทุกอีกด้วย

...

อย่างไรก็ดี ท่าทีของ นายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโด ยังคงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง โดยผู้นำแคนาดา ยืนยันว่า บรรดาสิงห์รถบรรทุกเหล่านี้เป็นเพียง “คนกลุ่มน้อย” เท่านั้น

ล็อกดาวน์เมืองหลวงแคนาดา การตอบโต้ ข้อบังคับฉีดวัคซีนของสิงห์รถบรรทุก

อะไรคือเหตุผลที่นำไปสู่ The Freedom Convoy?

จากการประเมินของ พันธมิตรผู้ประกอบการรถบรรทุกแคนาดา (Canadian Trucking Alliance) หรือ CTA คาดว่าน่าจะมีพนักงานขับรถบรรทุกชาวแคนาดาถึง 85-90% จากจำนวน 120,000 คน ที่ขับรถข้ามพรมแดนสหรัฐฯ - แคนาดา ได้รับการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 แล้ว แต่การออกข้อบังคับเรื่องการบังคับฉีดวัคซีน ได้ทำให้สิงห์รถบรรทุกที่ไม่ยอมฉีดวัคซีน ต้องตกงานทันทีเกือบ 16,000 คน

และประเด็นนี้เองนอกจากจะสร้างความหนักใจให้กับบรรดาผู้ประกอบการและนักลงทุนเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากเกรงว่า จะยิ่งเป็นการซ้ำเติมปัญหาวิกฤติห่วงโซ่อุปทานเข้าไปอีกแล้ว

บรรดา “คนฐานราก” ซึ่งได้รับผลกระทบอย่างหนักจากสารพัดปัญหาเศรษฐกิจที่กำลังรุมเร้า ไม่ว่าจะเป็นภาวะเงินเฟ้อ น้ำมันแพง และวิกฤติแรงงาน จนกระทั่งทำให้ ราคาสินค้า อาหารและผลิตภัณฑ์ต่างๆ เพิ่มสูงขึ้นและหนำซ้ำยังขาดแคลน รวมถึง “เหนื่อยล้าเต็มที” กับมาตรการคุมเข้มต่างๆ ในการสกัดกั้นการแพร่ระบาดโควิด-19 มาเนิ่นนานกว่า 2 ปี “รู้สึกขุ่นเคืองรัฐบาลแคนาดา” มากยิ่งขึ้นเข้าไปอีกด้วย

...

ล็อกดาวน์เมืองหลวงแคนาดา การตอบโต้ ข้อบังคับฉีดวัคซีนของสิงห์รถบรรทุก

** หมายเหตุ สำนักงานสถิติของแคนาดา รายงานว่า ในช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา มาตรการควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 ได้ส่งผลให้มีแรงงานถูกเลิกจ้างมากกว่า 200,100 คน **

หากแต่สิ่งที่บรรดานักวิเคราะห์ “รู้สึกวิตกกังวล” มากไปกว่านั้น คือ จุดเริ่มต้นของ The Freedom Convoy อาจกลายเป็นสารตั้งต้น “ให้เกิดความไม่พอใจ” ลุกลามขยายไปยังประเทศสหรัฐอเมริกา นั่นเป็นเพราะ “การเมืองฝ่ายอนุรักษนิยมขวาจัด” ในสหรัฐฯ ได้เริ่มเข้ามากระพือโหม “ความขุ่นเคือง” เกี่ยวกับความไม่พอใจเรื่องมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 ให้แพร่ขยายวงออกไปมากขึ้นแล้ว และนำไปผูกโยงเข้ากับปัญหาปากท้องของชาวสหรัฐฯ และการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่ยังไม่มีอะไรคืบหน้ามากนักด้วย

ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน

อ่านสกู๊ปที่น่าสนใจ 

...