19 ก.ค.64 : “Freedom day” การกล่าวอ้างถึงชัยชนะของชาวอังกฤษ ที่มีเหนือมหันตภัยที่เรียกว่าโควิด-19

8 ธ.ค.64 : “Plan B” นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน บอกกล่าวกับพลเมืองของตัวเองว่า ถึงเวลาต้อง “ถอยหลัง” กันอีกครั้ง แต่ยืนยันว่า “Plan B” ที่ว่านี้ “ไม่ใช่” การ Lockdown และประชาชนไม่จำเป็นต้อง “ยกเลิก” การจัดปาร์ตี้เนื่องในเทศกาลคริสต์มาสแต่อย่างใด

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :

โอมิครอนและการเมืองอังกฤษ เปลี่ยน Freedom Day สู่ Plan B

...

อะไรคือ “Plan B” ของ นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน?

10 ธ.ค.64 เป็นต้นไป : ชาวสหราชอาณาจักร จะต้องกลับมาสวมหน้ากากอนามัยในสถานที่สาธารณะในร่ม เช่น โรงภาพยนตร์ โรงละคร อีกครั้ง

13 ธ.ค.64 เป็นต้นไป : ชาวสหราชอาณาจักรบางส่วน จะได้รับคำแนะนำให้ Work From Home

15 ธ.ค.64 เป็นต้นไป : ชาวสหราชอาณาจักร ที่จะเข้าใช้บริการไนต์คลับ ผับ บาร์ หรือสถานที่ที่มีคนมารวมตัวกันเป็นจำนวนมาก เช่น กิจกรรมในร่มที่มีผู้เข้าร่วมเกิน 500 คนขึ้นไป กิจกรรมกลางแจ้งที่มีคนมารวมตัวกันตั้งแต่ 4,000 คนขึ้นไป และกิจกรรมใดๆ ก็ตามที่มีผู้เข้าร่วมมากกว่า 10,000 คนขึ้นไป ผู้เข้าร่วมจะต้องแสดงบัตร “Covid Pass” ซึ่งเป็นหลักฐานการฉีดวัคซีนครบสูตร

โอมิครอนและการเมืองอังกฤษ เปลี่ยน Freedom Day สู่ Plan B

อะไรคือเหตุผลที่ทำให้อังกฤษ ต้องใช้ “Plan B”?

1.อัตราการติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอน

ข้อมูลล่าสุดจากการวิเคราะห์ของ สำนักบริการสุขภาพแห่งชาติของอังกฤษ (National Health Service) หรือ NHS ระบุว่า อัตราการแพร่ระบาดของ “สายพันธุ์โอมิครอน” ในสหราชอาณาจักรเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว โดย ณ ปัจจุบัน พบผู้ติดเชื้อรวมแล้ว 568 คน (ตั้งแต่ 21 พ.ย. - 5 ธ.ค.64) และ “เป็นไปได้สูงว่า” ในจำนวนผู้ติดเชื้ออาจเพิ่มจำนวนขึ้นเป็นเท่าตัว ในทุกๆ 2-3 วันข้างหน้า!

ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น จะมีความเสี่ยงสูงที่จะทำให้ระบบสาธารณสุขต้องล่มสลายเช่นที่เคยเกิดขึ้นกับ “ระลอกการแพร่ระบาด” ก่อนหน้า อีกทั้งข้อมูลล่าสุดจากแอฟริกาใต้ ยังพบว่า อัตราผู้ป่วยที่ต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลหลังติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอน เริ่มเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วด้วย

โอมิครอนและการเมืองอังกฤษ เปลี่ยน Freedom Day สู่ Plan B

** หมายเหตุ สำนักข่าว BBC รายงานว่า บรรดาผู้เชี่ยวชาญในอังกฤษได้คาดการณ์เอาไว้ มีความเป็นไปได้ที่จำนวนผู้ต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลจากการติดเชื้อโอมิครอน อาจสูงถึง 1,000 คนต่อวันภายในสิ้นปีนี้ หากยังคงไม่มีการเพิ่มมาตรการควบคุมการแพร่ระบาด

ซึ่งหากเป็นจริงตัวเลขดังกล่าวจะ “สูงกว่า” จำนวนผู้ป่วยที่ต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลต่อวันจากการติดเชื้อสายพันธุ์เดลตา ซึ่งอยู่ประมาณ 680 คนทันที

อย่างไรก็ดี การแพร่ระบาดระลอกล่าสุดในช่วงฤดูหนาวปีที่แล้ว โรงพยาบาลในอังกฤษเคยต้องรับผู้ป่วยโควิด-19 สูงสุดถึง 3,811 คนต่อวันมาแล้ว **

2. วัคซีนเข็มกระตุ้น

หลังเผชิญหน้ากับการระบาดโควิด-19 ที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงเริ่มฤดูหนาว รัฐบาลอังกฤษกำลังพยายามรณรงค์ให้ประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นในกลุ่มผู้ที่มีอายุเกินกว่า 40 ปี ท่ามกลางทั้งการสนับสนุนและคัดค้าน

...

อย่างไรก็ดีหลังการปรากฏตัวของสายพันธุ์โอมิครอน ทำให้รัฐบาลอังกฤษ จำต้องเร่งเดินหน้ามาตรการดังกล่าวให้เร็วขึ้นกว่าเดิม และการใช้ “Plan B” ก็เพื่อเป็นตัวช่วยในการ “ยับยั้งการติดเชื้อ” ก่อนที่จะมีการระดมฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น

โอมิครอนและการเมืองอังกฤษ เปลี่ยน Freedom Day สู่ Plan B

3. การเมือง

“คลิปหลุดล่าสุด” ซึ่งสื่อเมืองผู้ดีอ้างว่าเป็น “ปาร์ตี้คริสต์มาส” ภายในบ้านเลขที่ 10 ถนนดาวนิงเมื่อปีที่แล้ว ได้กลายเป็นประเด็นร้อนทางการเมืองที่ทิ่มแทงเข้าใส่รัฐบาลของบอริส จอห์นสันในเวลานี้ เนื่องจากไม่ใช่ “พฤติกรรมละเมิดมาตรการ Lockdown เสียเอง” เป็นครั้งแรกของคนในรัฐบาล

ด้วยเหตุนี้ การประกาศใช้ “Plan B” จึงถูกนักวิเคราะห์ทางการเมืองส่วนหนึ่ง มองว่า เป็นหนึ่งในความพยายามเบี่ยงเบนความสนใจ “สื่อและประชาชน”

นั่นเป็นเพราะ...ก่อนหน้านี้ ไม่ว่าบรรดานักวิทยาศาสตร์หรือบุคลากรทางการแพทย์ จะเพียรพยายามร้องเรียกให้รัฐบาล บังคับใช้มาตรการที่รัดกุมมากขึ้นเพื่อสกัดกั้นการแพร่ระบาดในช่วงฤดูหนาว แต่กลับไม่เคยได้รับการตอบสนองใดๆ

...

ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน

อ่านสกู๊ปที่น่าสนใจ