• "คริปโตเคอร์เรนซี" เสมือนกับเทรนด์แฟชั่นที่มีการตอบสนองต่อสิ่งเร้ารอบข้างอย่างรวดเร็ว เห็นได้จาก "ราคา" ที่มีการขึ้นๆ ลงๆ
  • เกือบ 20 สกุลของ "คริปโต" มีมูลค่าตลาดมากเกินกว่า 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (3.1 แสนล้านบาท)
  • "วันสิ้นโลก" กำลังส่งสัญญาณการเสื่อมคุณค่าของ "เงินตรา" ที่เคยใช้ซื้อ "ทองแท่ง" มาอย่างยาวนาน

จากการวิเคราะห์ตอนที่ 1 เพื่อหาคำตอบว่า ทำไมคนถึงถือครอง "คริปโตเคอร์เรนซี" ถ้า "ผลตอบแทน" และ "ราคา" เป็น "เงินกระดาษ" ผ่าน "ทฤษฎีแห่งความเป็นไปไม่ได้ของคริปโต" มาถึงตอนที่ 2 ที่จะมากันในเรื่องของ "ทางเลือกแห่งแฟชั่น" และเช่นเดิม "ปีเตอร์ เบเรซิน" (Peter Berezin) หัวหน้านักกลยุทธ์ระดับโลก แห่ง BCA Research จะมาให้ความเห็นกับ "ผู้เขียน" ในเรื่องนี้

ภาพที่เกิดขึ้นของ "โลกคริปโตเคอร์เรนซี" เวลานี้ ผู้มองโลกในแง่ดีทั้งหลายอาจจะกำลัง "กล่อมเกลา" ความนึกคิดภายในใจเพื่อสนองต่อ "ความปรารถนาที่อยู่เหนือเหตุผล" ว่า ในอนาคต เมื่อตลาดคริปโตเคอร์เรนซีเติบโตมากขึ้นๆ ก็คงทำให้ความปรารถนาการได้มาซึ่งอัตราของ "ผลตอบแทน" จากการครอบครอง "คริปโต" ลดลง

แต่มุมมองของ "นักกลยุทธ์ระดับโลก" กลับไม่ราบเรียบแบบนั้น เพราะเขามองว่า "คริปโตเคอร์เรนซี" แตกต่างจาก "หุ้น" กล่าวคือ มูลค่าของหุ้นจะมาจากพื้นฐานของธุรกิจนั้นๆ ในทางกลับกัน คริปโตเคอร์เรนซี "ไม่มีมูลค่า" ในตัวที่แท้จริง เพราะมูลค่าของคริปโตเคอร์เรนซีไม่ว่าจะเท่าไรก็ตาม บรรดาสาวกทั้งหลายก็พร้อมจะควักเงินในกระเป๋าจ่ายเพื่อให้ได้ "พวกมัน" มาอย่างเต็มใจ

...

นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ "เบเรซิน" พยายามบอกมาตลอดตั้งแต่ตอนที่ 1 ว่า "คริปโตเคอร์เรนซี" มีความเสี่ยงมากกว่า "หุ้น"

ไม่เพียงเท่านั้น อีกเหตุผลของ "คริปโตเคอร์เรนซี" ที่ทำให้มีความเสี่ยงสูงมากกว่าหุ้นก็คือ การที่ "พวกมัน" มีการตอบสนองต่อสภาพแวดล้อมรอบข้างอย่างรวดเร็วเสมือนเป็นหนึ่งใน "ทางเลือกแฟชั่น" ที่ปรับเปลี่ยนตามกระแสนิยม หรือ "เทรนด์แฟชั่น" ในช่วงนั้น ดังนั้น คงไม่น่าแปลกใจสักเท่าไร หากเวลาที่ "ราคา" ของคริปโตเคอร์เรนซีพุ่งพรวดขึ้นจนสูงเสียดฟ้าจะเชื่อมโยงกับบุคคลมีชื่อเสียงและ "ผู้ทรงอิทธิพล" ทั้งหลาย หนึ่งในนั้นก็ไม่ใช่ใครไหนไกล "อีลอน มัสก์" (Elon Musk) เจ้าพ่อเทสลา (Tesla) ตัวป่วนประจำตลาด

และด้วยเหตุผลเหล่านี้ "เบเรซิน" ก็มองว่า "คริปโตเคอร์เรนซี" นั้นมี "ความเสี่ยง" ในแง่ของการดึงดูด "เล่ห์อุบาย" ต่างๆ มากกว่าสินทรัพย์อื่นๆ เช่น โลหะมีค่า เป็นต้น หากยังจำกันได้ เมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว (2563) กับเหตุการณ์ "แฮกเกอร์" ยกระดับแผนร้าย "สแกม" หรือการหลอกลวงทางอินเทอร์เน็ต ด้วยการบุกโซเชียลมีเดียอย่าง "ทวิตเตอร์" (Twitter) สวมรอยทวีตข้อความหลอกโอนเงินบริจาคผ่าน "บิตคอยน์" (Bitcoin) กว่า 130 บัญชี

คุณคิดว่า การ "สแกม" ครั้งนั้น "บิตคอยน์" ที่แฮกเกอร์ได้ไปมีมูลค่ามากแค่ไหน?

แน่นอนว่า ความโอนง่าย จ่ายคล่อง ของ "คริปโตเคอร์เรนซี" นั้น จากการตรวจสอบธุรกรรม "บัญชีบิตคอยน์" ที่แสดงสาธารณะ พบว่า เพียงเช้าวันถัดมา... แฮกเกอร์ก็กวาด "บิตคอยน์" ไปได้มากกว่า 116,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 3.7 ล้านบาท

"สัญญาณ 'วันสิ้นโลก' กำลังเตือนว่า ห้วงเวลาของการเสื่อมคุณค่าของ 'เงินตรา' ที่เราเคยใช้ซื้อ 'ทองแท่ง' มาอย่างยาวนานใกล้มาถึงแล้ว... อย่างน้อยก็ทองและเงิน"

"เบเรซิน" วิเคราะห์ว่า ในอนาคต ราคาเฉลี่ยของ "คริปโตเคอร์เรนซี" แต่ละตัวอาจจะเพิ่มขึ้นอย่างน้อยก็เทียบเท่ากับมูลค่ารวมของคริปโตเคอร์เรนซีทั้งหมด ซึ่งจะทำให้ "คริปโตเคอร์เรนซี" กลายเป็นกลุ่มสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องมากกว่าสินทรัพย์ชนิดอื่นๆ ทั้งหมดที่เมื่อเวลาผ่านไปอาจใช้การได้น้อยลง...

คุ้นเคยไหมกับคำว่า "คริปโตเก็ดดอน" (Cryptogeddon)?

...

"คริปโตเก็ดดอน" หรือ Cryptogeddon เป็นการรวมกันของ 2 คำ คือ "คริปโต" (Crypto) ย่อมาจาก "คริปโตกราฟี" (Cryptography) อีกคำ "เก็ดดอน" (Geddon) ย่อมาจาก "อาร์มาเก็ดดอน" (Armageddon) ที่เมื่อผสมกันแล้วบ่งชี้ถึงจุดสิ้นสุดของ "บางสิ่ง" ที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้

"เบเรซิน" มองว่า ตลอด 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ที่ "ตลาดคริปโตเคอร์เรนซี" ถูกหวดและทุบตีอย่างหนักหน่วง เป็นเพียง "บททดสอบ" ของ "บางสิ่ง" ที่กำลังจะเข้ามาในไม่ช้า และหากย้อนมองในมุมของ "แมท เกิร์ตเกน" (Matt Gertken) และ "กาย รัสเซล" (Guy Russell) ในรายงาน "ยุทธศาสตร์ภูมิรัฐศาสตร์" (Geopolitical Strategy) ก็พอจะคาดการณ์อนาคตได้ว่า "ตลาดคริปโต" จะต้องเผชิญกับ "กฎเกณฑ์" ที่เข้มงวดต่อไปอีกนานทีเดียว

แค่ช่วงตลอด 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา จีนก็ออกคำสั่ง "แบน" บริษัทการเงินที่กำลังเสนอบริการ "คริปโตเคอร์เรนซี" โดยจากกรณีนี้ "เบเรซิน" วิเคราะห์ไปไกลกว่านั้นว่า "รัฐบาลจีน" กำลังมีความพยายามในการ "ควบคุม" การแอบลักลอบ "หนีภาษี" ด้วยการใช้ช่องทาง "คริปโตเคอร์เรนซี" ขณะเดียวกัน กระทรวงการคลังของสหรัฐอเมริกาก็มีการประกาศว่า เตรียมบังคับใช้กฎหมายควบคุม "คริปโตเคอร์เรนซี" ด้วยการกำหนดว่า การโอนคริปโตมูลค่า 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 3.1 แสนบาท) หรือมากกว่านั้น ต้องรายงานต่อกรมสรรพากร (IRS) (*อัตราแลกเปลี่ยน 29 พ.ค. 64: 31.26 บาท)

...

ลองมาดูมุมมองของ "รัฐบาล" แต่ละประเทศ ต่อ "คริปโตเคอร์เรนซี" หน่อยไหมว่าเป็นเช่นไร?

1. แคนาดา

คำถาม: ประมูลถูกกฎหมาย?
คำตอบ: ไม่ได้, แต่ยอมรับเป็นบางส่วน

คำถาม: อนุญาตซื้อ-ขาย?
คำตอบ: ได้

คำถาม: อนุญาตสิทธิการครอบครอง?
คำตอบ: ได้

1.1 การแลกเปลี่ยนคริปโต
คำตอบ: ถูกกฎหมาย, กฎเกณฑ์แตกต่างในแต่มลรัฐ

1.2 การระดมทุน "ไอซีโอ" (ICO)
คำตอบ: ภายใต้การกำกับดูแล

2. จีน

คำถาม: ประมูลถูกกฎหมาย?
คำตอบ: ไม่ได้

คำถาม: อนุญาตซื้อ-ขาย?
คำตอบ: ไม่ได้

คำถาม: อนุญาตสิทธิการครอบครอง?
คำตอบ: ได้

2.1 การแลกเปลี่ยนคริปโต
คำตอบ: ผิดกฎหมาย

2.2 การระดมทุน "ไอซีโอ" (ICO)
คำตอบ: ห้าม

3. สหราชอาณาจักร

...

คำถาม: ประมูลถูกกฎหมาย?
คำตอบ: ไม่ได้, แต่ยอมรับเป็นบางส่วน

คำถาม: อนุญาตซื้อ-ขาย?
คำตอบ: ได้

คำถาม: อนุญาตสิทธิการครอบครอง?
คำตอบ: ได้

3.1 การแลกเปลี่ยนคริปโต
คำตอบ: ถูกกฎหมาย, ลงทะเบียนกับ FCA

3.2 การระดมทุน "ไอซีโอ" (ICO)
คำตอบ: คลุมเครือ

4. ญี่ปุ่น

คำถาม: ประมูลถูกกฎหมาย?
คำตอบ: ไม่ได้, แต่ยอมรับเป็นวงกว้าง

คำถาม: อนุญาตซื้อ-ขาย?
คำตอบ: ได้

คำถาม: อนุญาตสิทธิการครอบครอง?
คำตอบ: ได้

4.2 การแลกเปลี่ยนคริปโต
คำตอบ: ถูกกฎหมาย, กำกับโดยกฎหมายการให้บริการชำระเงิน (PSA)

4.3 การระดมทุน "ไอซีโอ" (ICO)
คำตอบ: ภายใต้การกำกับดูแล

5. สหรัฐอเมริกา

คำถาม: ประมูลถูกกฎหมาย?
คำตอบ: ไม่ได้, แต่ยอมรับเป็นบางส่วน

คำถาม: อนุญาตซื้อ-ขาย?
คำตอบ: ได้

คำถาม: อนุญาตสิทธิการครอบครอง?
คำตอบ: ได้

5.1 การแลกเปลี่ยนคริปโต
คำตอบ: ถูกกฎหมาย, กฎเกณฑ์แตกต่างในแต่มลรัฐ

5.2 การระดมทุน "ไอซีโอ" (ICO)
คำตอบ: ภายใต้การกำกับดูแล

ในตอนที่ 1 มีการเอ่ยถึง "ทฤษฎีแห่งวามเป็นไปไม่ได้ของคริปโต" (Crypto Impossibility Theorem) และ "บล็อกเชน ไตรเลมมา" (Blockchain Trilemma) ซึ่งมาถึงตอนที่ 2 หัวหน้านักกลยุทธ์ระดับโลกก็มองว่า "บล็อกเชน ไตรเลมมา" จะทำให้ความตั้งใจของคริปโตเคอร์เรนซีที่หวังจะผ่านพ้นความกังวลของแนวคิดการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ที่เรียกว่า ESG เป็นไปไม่ได้ ขณะเดียวกัน "ทฤษฎีแห่งความเป็นไปไม่ได้ของคริปโต" ก็จะเข้าขัดขวางไม่ให้คริปโตเคอร์เรนซีดำรงอยู่ในสถานะ "สะสมมูลค่า" ได้อย่างยั่งยืน

"คริปโตก็เหมือนฉลาม"

กล่าวคือ "คริปโตเคอร์เรนซี" จะเคลื่อนที่แบบพุ่งขึ้นไปข้างหน้าก็ได้ หรือจะดำดิ่งลงก็ย่อมได้ "เบเรซิน" ย้อนความไปช่วง "พวกมัน" ยังไม่เป็นที่รู้จักมากนักในบรรดานักลงทุน ที่ตอนนั้น "พวกเขา" มีความปรารถนาอยากจะซื้อ "คริปโตเคอร์เรนซี" ก็เพราะหวังอยากเสี่ยงโชค แต่เวลานี้ "เหตุผล" ลักษณะนั้นอันตรธานไปแล้ว...

"ช่วงต้นปีนี้ (2564) มูลค่ารวมของคริปโตเคอร์เรนซีมากกว่ามูลค่าหุ้นทั้งหมดเป็นเวลาสั้นๆ และจากการปรับแก้ไขล่าสุด พบว่า คริปโตเคอร์เรนซี 17 สกุล มีมูลค่าตลาดรวมกันมากกว่า 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (3.1 แสนล้านบาท)"

5 อันดับ "สกุลคริปโตเคอร์เรนซี" มูลค่าตลาดสูงสุด

1. บิตคอยน์ (Bitcoin)
- การเปลี่ยนแปลง (YTD) : 37%
- มูลค่าตลาด 751,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (24 ล้านล้านบาท)

2. อีเธอร์เลียม (Ethereum)
- การเปลี่ยนแปลง (YTD) : 283%
- มูลค่าตลาด 324,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (10 ล้านล้านบาท)

3. ไบแนนซ์คอยน์ (Binance Coin)
- การเปลี่ยนแปลง (YTD) : 932%
- มูลค่าตลาด 60,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (2 ล้านล้านบาท)

4. คาร์ดาโน (Cardano)
- การเปลี่ยนแปลง (YTD) : 935%
- มูลค่าตลาด 58,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (1.8 ล้านล้านบาท)

5. เทเทอร์ (Tether)
- การเปลี่ยนแปลง (YTD) : 0%
- มูลค่าตลาด 58,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (1.8 ล้านล้านบาท)

จะเป็นอย่างไรหาก "คริปโตเคอร์เรนซี" พังทลายอย่างต่อเนื่อง?

หัวหน้านักกลยุทธ์ระดับโลก วิเคราะห์ทิ้งท้ายกับ "ผู้เขียน" ว่า ในอนาคตอันใกล้ ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นใน "ตลาดคริปโต" อาจทำให้สินทรัพย์เพื่อการเก็งกำไรอื่นๆ เช่น หุ้นเทคโนโลยี เป็นต้น ตกต่ำลงไปด้วย ส่วนในระยะยาว นักลงทุนคงให้ความสนใจคริปโตเคอร์เรนซีน้อยลง และอาจเป็นผลประโยชน์ต่อ "ตลาดหุ้น" ที่นักลงทุนจะหันกลับไปจดจ่อกับ "หุ้น" อีกครั้ง ขณะที่ เศรษฐกิจวงกว้างนั้น ผลกระทบของ "ตลาดหมีคริปโต" จะอยู่ในวงจำกัด.

ผู้เขียน: เหมือนพระอาทิตย์
กราฟิก: เทพอมร แสงธรรมาพิทักษ์

ข่าวน่าสนใจ:

ข้อมูลอ้างอิง:

  • Close To 20 Cryptos Have A Market Cap In Excess Of US$10bn by COINMARKETCAP via BCA RESEARCH
  • Regulation of Cryptos: What Can and Cannot be done by Visualcapitalist, Chain Analysis, Comply Advantagem and The SEC via BCA Research