ไชยชนก ชิดชอบ อนาคตประเทศเป็นอย่างไร? เมื่อเลขาฯ พรรคใหญ่ในรัฐบาล ชวนวุ่น แสดงจุดยืน ประเทศไม่ควรก้าวไปข้างหน้า กลายเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงอย่างมากในระหว่างการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 30 สมัยสามัญประจำปีครั้งที่ 2 ในวันที่ 9 เมษายน 2568 วันรองสุดท้าย ก่อนปิดสมัยการประชุมในวันที่ 10 เมษายนนี้
นายไชยชนก ชิดชอบ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย และ สส.บุรีรัมย์ ลูกชายคนโตของนายเนวิน และนางกรุณา ชิดชอบ 2 อดีตนักการเมืองชื่อดัง และผู้บริหารสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ทีมแชมป์ไทยลีก คนที่เป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดี ในฐานะ “พ่อใหญ่” ของกลุ่มการเมือง “สีน้ำเงิน” และผู้มีอิทธิพลในแวดวงฟุตบอลไทย
...
ในระหว่างการเสนอญัตติด่วน เรื่อง ขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาแผนการรับมือจากภัยพิบัติธรรมชาติ และผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจโลก รวมทั้งความมั่นคงจากสถานการณ์โลก นายไชยชนก ได้ลุกขึ้นขออภิปรายโดยมีเนื้อหาท่อนหนึ่งช่วงต้น ระบุว่า
"ผมขอประกาศกลางสภาฯ อันทรงเกียรติแห่งนี้ว่า ผม นายไชยชนก ชิดชอบ ลูกชายคนโตของ นายเนวิน และนางกรุณา ชิดชอบ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย จะไม่มีวันเห็นด้วยกับ “กาสิโน” และกฎหมายทุกฉบับ แม้มาจากพรรคภูมิใจไทยเอง เพราะมีเรื่องที่เร่งด่วนกว่า“
ประโยคที่กล่าวออกไป สั่นสะเทือนสถานภาพในพรรคร่วมรัฐบาล เพราะพรรคภูมิใจไทยเองก็เคยแถลงยืนยันแล้วว่า ยินดีจะให้การสนับสนุนนโยบายของพรรคเพื่อไทย ในฐานะแกนนำจัดตั้งรัฐบาล การที่ระดับเลขาธิการพรรคร่วมรัฐบาล ลำดับที่ 2 แสดงจุดยืนในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรแบบนี้ จึงเป็นสิ่งที่สะท้อนรอยร้าวที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน
แต่กระนั้นเอง ท่อนที่ถูกพูดถึงมากกว่า เพราะเกี่ยวข้องกับแนวทางการพัฒนาของประเทศในมือของพรรคร่วมรัฐบาลคือ..
”เวลานี้ไม่ใช่เวลาแห่งการพัฒนา ลงทุน กระตุ้นเศรษฐกิจ เราไม่ควรก้าวไปข้างหน้า เราควรหยุด แล้วถอยมา 1 ก้าว เพื่อผ่านวิกฤตินี้ไปให้ได้ ประเทศที่ลุกเร็วที่สุด จะเป็นมหาอำนาจถัดไป“
จุดยืนของนายไชยชนก ตามที่ได้มีการอภิปรายไปคือ “เราไม่ควรก้าวไปข้างหน้า“ ซึ่งความจริงแล้วทุกประเทศในโลกล้วนมีความต้องการก้าวไปข้างหน้า เพื่อพัฒนาประเทศทางด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง แต่สาเหตุใดที่ทำให้นายไชยชนก แสดงจุดยืนแบบนี้
หากดูในช่วงท้ายของการอภิปรายท่อนดังกล่าว จะพบว่า นายไชยชนก พยายามสื่อสารว่า ปัจจุบันมีปัญหาภัยพิบัติเกิดขึ้นทั่วโลกเต็มไปหมด ไม่ว่าจะเป็น ไฟป่า พายุ แผ่นดินไหว ซึ่งเกี่ยวเนื่องจากสภาวะโลกเดือด และปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์ จึงอยากให้ประเทศรักษาเนื้อ รักษาตัวเอาไว้ เพื่อจะให้เป็นประเทศที่ลุกเร็วที่สุด มองว่า มีโอกาสจะเป็นมหาอำนาจของโลกยุคต่อไปได้
สุดท้ายก็มีภาพปรากฏว่า นายไชยชนก กระชับเนื้อหา ตามที่ประธานสภาได้ร้องขอ ก่อนจะสรุปจบและเดินออกจากห้องประชุมไป ท่ามกลาง สส.ในพรรค ที่เข้ามากอด พูดคุยด้วย หนึ่งในนั้นก็มี น.ส.รักชนก ศรีนอก สส. พรรคประชาชน ในฝั่งฝ่ายค้าน เข้ามาพูดคุยด้วยเช่นกัน
...
ผ่านไปไม่กี่ชั่วโมง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย โร่เข้ามาที่สภาฯ พร้อมขออภัยที่มีการผิดคิวในเรื่องนี้ ซึ่งตามทำเนียมปฏิบัติแล้วสมาชิกพรรคภูมิใจไทยที่จะใช้สิทธิ์อภิปราย ต้องมีการประชุมพรรคทุกครั้ง โดยนายไชยชนก ยังไม่ได้แจ้ง หรือได้รับอนุมัติจากที่ประชุมพรรค จึงมองว่าเป็นความคิดเห็นส่วนตัวเท่านั้น และเตรียมติดต่อไปพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้าคณะรัฐบาล เพื่อความสบายใจ
...
ทั้งนี้ มุมมองของนายไชยชนก ส่งผลให้เกิดเครื่องหมายคำถามตัวโตๆ ว่า ในอนาคตหากประเทศอยู่ในมือของเขาหรือพรรคของเขา คนที่เคยมีแนวคิดว่าประเทศไม่ควรก้าวไปข้างหน้าและหยุดอยู่กับที่ จะเป็นอย่างไร และการที่ประเทศไทยไม่ก้าวไปข้างหน้า ในขณะที่ทุกประเทศกำลังก้าวไป นั่นหมายความว่าเรากำลังเดินถอยหลังใช่หรือไม่