เปิดสถิติ "อาฟเตอร์ช็อก" 3 วัน แรงสั่นคงที่ เกิดเฉลี่ยครึ่งชั่วโมง เฝ้าระวังที่สูง จับตารอยเลื่อนยังเคลื่อตัว เฝ้าสังเกตรอยร้าวเสี่ยงขยายตัวกระทบคน
กรณีแผ่นดินไหวรุนแรง ระดับ 8.2 เมื่อเวลาประมาณ 13.00 น. วันที่ 28 มี.ค.68 จุดศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่ที่ความลึกเพียง 10 กม. ห่างจากเมืองมัณฑะเลย์เพียง 17.2 กม. ส่งผลกระทบถึงประเทศไทย และยังเกิดแรงสั่นสะเทือนของอาฟเตอร์ช็อกต่อเนื่องมาถึงช่วงสายวันนี้ (31 มี.ค.68)
“สมควร ต้นจาน” ผอ.กองพยากรณ์อากาศ และรองโฆษกกรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยข้อมูลกับทีมข่าวว่า วันนี้ (31 มี.ค.68) เกิดเหตุวุ่นวายในหลายพื้นที่ หลังจากมีการเปิดทำงานวันแรก โดยพนักงานที่ทำงานอยู่บนตึกสูงได้รับแรงสั่นไหว ทำให้มีการอพยพลงมาจากตึกสูงในพื้นที่กรุงเทพ จากข้อมูลพบว่า มีอาฟเตอร์ช็อกช่วงเวลาประมาณ 10.18 และ 10.51 น. ความรุนแรงอยู่ที่ 3.1 จากศูนย์กลางในประเทศเมียนมา

เหตุแผ่นดินไหวในครั้งนี้น่าสนใจว่า หลังเกิดเหตุครั้งใหญ่มา 3 วันแล้ว แต่ยังมีแรงสั่นไหวของอาฟเตอร์ช็อกไม่ได้ลดลง เพราะถ้าดูจากสถิติเหตุแผ่นดินไหวหลายครั้ง ถ้าผ่านไปแล้ว 3 วันขึ้นไป ความรุนแรงของอาฟเตอร์ช็อกจะอยู่ที่ 1.1 – 1.2 แต่เมื่อวาน (30 มี.ค.68) ยังมีอาฟเตอร์ช็อกขนาด 4 - 5.1 แมกนิจูด (magnitude) อยู่ ถือว่ารอยเลื่อนดังกล่าวมีความผิดปกติที่ต้องจับตา เพราะรอยเลื่อนยังไม่เสถียร แต่มีการสั่นอยู่เรื่อยๆ
...

“ด้วยความที่เป็นรอยเลื่อนขนาดใหญ่และยาว พอมันระเบิดจากที่หนึ่ง ส่งแรงกระเพื่อมไปยังระยะไกล จากที่เก็บสถิติ 3 วันที่ผ่านมาพบว่า อาฟเตอร์ช็อกมักเกิดในช่วงก่อนเที่ยงและช่วงเย็น เช่น ประมาณช่วงเวลา 10.00 น. และช่วงประมาณ 20.00 น. แต่ไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นแรงสั่นไหวขนาดเล็กหรือใหญ่"
ข้อมูลสถิติอาฟเตอร์ช็อกตอนนี้พบว่า เริ่มเกิดถี่ขึ้น ไม่ห่างเหมือนช่วง 1-2 วันแรก ซึ่งข้อมูลเฉลี่ยตอนนี้พบว่า จะเกิดอาฟเตอร์ช็อกทุกครึ่งชั่วโมง
ผู้ที่ต้องทำงานหรืออยู่อาศัยในตึกที่สูง 5 ชั้นขึ้นไป อาจรับรู้แรงสั่นไหวของอาฟเตอร์ช็อกได้ตั้งแต่ระดับ 3 – 4 ขึ้นไป แต่จะสั่นสะเทือนจนรู้สึกหนักตั้งแต่ระดับ 5 ขึ้นไป จึงอยากเตือนประชาชนว่า ในสถานการณ์เช่นนี้ อาจจะมีอาฟเตอร์ช็อกเกิดขึ้นได้ ดังนั้นควรมีการเตรียมแผนอพยพไว้
สำหรับตึกสูงถ้ามีอาฟเตอร์ช็อกแบบนี้อยู่เรื่อยๆ มีโอกาสทำให้รอยร้าวของตึกที่ไม่ได้มาตรฐานขยายกว้างขึ้นเรื่อยๆ จึงต้องมีการเร่งสำรวจเพื่อให้เกิดความปลอดภัยกับตัวอาคาร และปิดกั้นไม่ให้คนขึ้นไปบนตึก ดังนั้น สำนักงานที่อยู่บนตึกสูงและมีความเสี่ยงอาจประกาศให้พนักงานทำงานที่บ้าน หรืออยู่ในพื้นที่ชั่วคราวที่ไม่ใช่ตึกสูงก่อน