เปิดเบื้องลึก "พระนอกรีต" เวิร์คฟอร์มโฮม ไม่ยอมจำวัด แม้ชาวบ้านเตือนหลายครั้งก็ไม่ฟัง พร้อมทลายจับสึกพระมั่วสุมเสพยา หาทางแก้ต้นเหตุ พระ-เณร ประพฤติย่อหย่อนพระธรรมวินัย ชาวพุทธไม่ได้ใส่ใจศึกษาพระธรรมให้ถ่องแท้
ปลายปีที่ผ่านมา มีข่าวอื้อฉาวในวงการศาสนาเกิดขึ้นบ่อยครั้ง พฤติกรรมส่วนใหญ่เกิดจาก “การกระทำของบุคคล” หรือ “ปัจเจกบุคคล” ที่ครองผ้าเหลือง มีพฤติกรรมนอกรีต จนทำให้ภาพรวมของพุทธศาสนาต้องมัวหมอง ทีมงาน SEE TRUE ได้ลงพื้นที่ตีแผ่พฤติกรรม “พระนอกรีต” รายนี้เป็น "พระเวิร์คฟอร์มโฮม" บวชนุ่งห่มเหลือง แต่ไม่อยู่วัด มาอาศัยนอนบ้าน พอรุ่งเช้าขับรถกระบะออกรับบิณฑบาต จนชาวบ้านเอือมระอา นี่คือตัวอย่างของความ “เสื่อม” ที่ล้วนเกิดจากตัวบุคคลทั้งนั้น
ทีมงานของเราไปซุ่มดูพฤติกรรมอยู่นานหลายวัน สุดท้ายไล่ล่าจับสึกได้สำเร็จ โดย “พระเรืองชัย” ที่บวชเป็นพระสงฆ์ แต่ไม่เคยอยู่วัด อาศัยอยู่บ้าน มิหนำซ้ำยังขับรถกระบะออกบิณฑบาตทุกเช้า คนพื้นที่เห็นภาพนี้จนชินตา รับไม่ได้กับภิกษุที่ครองผ้าแล้วมีพฤติกรรมเช่นนี้ ก่อนหน้านี้เคยมีชาวบ้านไปว่ากล่าวตักเตือน แต่ถูกโต้กลับมาด้วยเสียงด่าทอ ร้อนถึงพระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หรือ “หลวงพี่น้ำฝน” เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม ในฐานะพระวินยาธิการ หรือ “ตำรวจพระ” ต้องมาจัดการตามปกครองสงฆ์
...
จนสุดท้ายสามารถจับสึกพระเรืองชัย เป็นเพียง 1 ตัวอย่างที่จัดการกับพระนอกรีต อย่างน้อยก็เป็นการกำราบให้คนที่คิดหากินกับผ้าเหลืองได้เห็นถึงผลแห่งกรรมที่ทำลงไป เพราะทุกวันนี้ศรัทธาของชาวพุทธแทบจะเสื่อมสลายไปกับการกระทำของบุคคลนุ่งห่มเหลือง ที่แยกแยะไม่ออกว่าเป็น “พระจริง” หรือ “พระปลอม”
พระมั่วสุมเสพยาเสพติด
อีเหตุการณ์ บุกจับพระนอกรีต หลังชาวบ้านร้องเรียนว่ามี “พระจริงและพระปลอม” และชายแปลกหน้ามารวมตัวซ่องสุม พฤติกรรมความผิดมีครบวงจร ทั้งกินเหล้า ทะเลาะวิวาท เล่นการพนัน สูบกัญชา กลางค่ำกลางคืนส่งเสียงดังเอะอะโวยวาย พอเช้ามืดมีรถมารับออกไปบิณฑบาต จะกลับเข้ามาก็ตอนบ่าย พอตะวันตกดินก็รวมกลุ่มกันทำผิดกฎของสงฆ์-ผิดกฎหมาย และที่สำคัญ ที่นี่ไม่มีการขึ้นทะเบียนสำนักสงฆ์อย่างถูกต้อง
สภาพเพิงพักถูกทำเป็นกุฏิหลังเล็กๆ แนวรีสอร์ทส่วนตัว สำนักสงฆ์แห่งนี้ซ่อนตัวอยู่ในสถานที่เอกชน รายล้อมไปด้วยสวนและต้นไม้ ตั้งอยู่บนเนื้อที่กว่า 5 ไร่ หากมองจากภาพมุมสูงที่ทีม SEE TRUE บินโดรนถ่ายไว้ตอนมาซุ่มสังเกตการณ์ จะเห็นว่ามองจากด้านบนต้นไม้ทึบแทบมองไม่เห็นตัวสำนัก
กุฏิหลายสิบหลังถูกบุกจู่โจมชนิดที่คนข้างในไม่ทันตั้งตัว แต่ยังมีบางกุฏิที่ไม่มีคนอยู่ เพราะยังไม่กลับจากบิณฑบาตและทำธุระส่วนตัว
ห้วงนั้นเหล่าคนนุ่งห่มเหลืองพากันแตกตื่น บางคนเพิ่งงัวเงียออกจากห้อง บางคนทำไม่รู้ไม่ชี้เดินหนี แต่ก็ถูก "หลวงพี่น้ำฝน" และชุดจับกุมรวบตัวไว้ แต่บางคนก็ทำหัวหมอ อ้างมีใบสุทธิพระถูกต้องไม่ได้ทำผิดแต่อย่างใด แต่สุดท้ายก็โดนรวบทั้งหมด
ภารกิจบุกทลายสำนักสงฆ์เถื่อนผ่านไปนานเกือบ 2 ชั่วโมง จากการตรวจค้นพบทั้งสุรา กัญชา และอุปกรณ์การเสพยาเสพติด และได้นำตัวพระในสำนัก 14 รูป ที่มาจากต่างที่ต่างถิ่นกัน นำตัวมาให้พระต้นสังกัดสอบสวนพิจารณาความผิด
งานนี้ตำรวจตรวจปัสสาวะ พบฉี่ม่วง 5 คน ถูกดำเนินคดีอาญาข้อหาเสพยาเสพติดอีก 2 คนพบเป็นพระปลอม โดนข้อหาแต่งกายเลียนแบบสงฆ์ และอีก 7 คน เป็นพระจริง แต่มีการกระทำความผิดซ้ำซาก เคยถูกขอให้ออกจากสำนักสงฆ์แห่งนี้ไปแล้ว แต่กลับมาอยู่อีกไม่เข็ดจำ
สรุปภารกิจครั้งนี้ โดนจับสึกและดำเนินคดียกแก๊ง 14 คน ย้อนกลับไปเมื่อ 23 พ.ค. 67 สำนักสงฆ์แห่งนี้ก็เคยถูกจับกุมไปแล้ว เจอพระ 27 รูป ตรวจพบฉี่ม่วง 2 คน กินเหล้า 1 คน ป่วยจิตเวช 1 คน เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี มีคำสั่งห้ามกลับมามั่วสุม แต่ก็ยังย้อนกลับมาทำผิดซ้ำอีก
...
เปิดแนวทางแก้ไข เรียกศรัทธาศาสนา
อ.เบียร์ คนตื่นธรรม เล่าถึงแนวทางแก้ปัญหาว่า สาเหตุปัจจัยที่มีแนวโน้มทำให้พุทธศาสนาเสื่อมถอย น่าจะเกิดจากปรากฏการณ์ พระ-เณร ประพฤติย่อหย่อนล่วงละเมิดพระธรรมวินัย การย่อหย่อนของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในฝ่ายฆราวาส ชาวไทยส่วนใหญ่ ซึ่งเป็นชาวพุทธ มิได้ใส่ใจศึกษาพระธรรมให้ถ่องแท้ อีกประการสำคัญคือ คนไทยส่วนหนึ่งยังเลื่อมใสศรัทธาในเดรัจฉานวิชา จึงเป็นการเปิดช่องให้นักบวชอลัชชีตั้งตนเป็นเกจิอาจารย์ทำวัตถุมงคลออกขาย นี่เท่ากับเป็นการทำลายพุทธศาสนาทางอ้อม
ถึงเวลาแล้วหรือยังที่ชาวพุทธจะต้องช่วยกันจรรโลงพุทธศาสนา โดยการศึกษาคำสอนและนำมาปฏิบัติพร้อมกับการขจัดพวกศรัทธาแอบแฝงให้หมดไป เพื่อเป็นการทำนุบำรุงพุทธศาสนาให้อยู่คู่กับเมืองไทยไปชั่วลูกชั่วหลาน และนี่คือคำตอบของ “อะไรอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้” ติดตามได้ในภารกิจ SEE TRUE ให้คุณเห็นความจริง ติดตามต่อเนื่องในวันที่ 13-15 ม.ค. 68 ทางรายการไทยรัฐนิวส์โชว์ เวลา 21.00 น.