จากคลัสเตอร์ยาดอง สังเวย 6 ศพ โคมา 7 ย้อนดูต้นตำรับ “ยาดองเหล้า” จีน สืบทอด 2 พันปี วิธีการทำ ข้อห้าม และอันตรายในการใช้ที่ไม่เหมาะสม
เชื่อว่า ตอนนี้ คอ “ยาดองเหล้า” คงหวาดผวากันบ้างแล้ว เนื่องจากเหตุ “คลัสเตอร์ยาดอง” ซึ่งล่าสุดมีผู้เสียชีวิตแล้ว 6 ศพ ยอดคนป่วยสะสม 37 คน โดยต้องผ่านการฟอกไต 23 คน อยู่ระหว่างการรักษา 22 คน ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ หรืออาการโคมา 7 คน กลับบ้านได้แล้ว 9 คน
ทั้งนี้ ผลจากการตรวจสอบในทางวิทยาศาสตร์ของกรมสรรพสามิต ยังพบว่าในสุราที่นำมาใช้นั้น มีสาร “เมทานอล” และสารไอโซโพรพิลแอลกอฮอล์ (Isopropyl alcohol: IPA) เจือปน
ทั้งนี้ “เมทานอล” นั้นคือ “สารอันตรายที่ใช้งานเชิงอุตสาหกรรมฟอกสี, แลคเกอร์ หากรับประทานเข้าไปจะออกฤทธิ์ภายใน 1-3 ชั่วโมง โดยจะมีอาการปวดท้อง บิด คลื่นเหียน อาเจียน ตาพร่ามัว และอันตรายถึงแก่ชีวิต
ทั้งนี้ “เรา” ได้ขอความรู้จาก อ.พจ.วีรชัย สุทธิธารธวัช อาจารย์ประจำคณะการแพทย์แผนจีน มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ ถึง “ยาดองเหล้า” กับต้นตำรับประเทศจีน

...
อ.พจ.วีรชัย เล่าว่า จากบันทึกคัมภีร์ยาโบราณกว่า 2,000 ปี ที่ใช้เป็นคัมภีร์พื้นฐานแพทย์แผนจีนนั้น มีการกล่าวถึงวิธีการรักษาโรคด้วย “ยาดองเหล้า” ซึ่งนี่ก็เป็นสิ่งยืนยันว่าใช้ยาดองเหล้ามาแล้วอย่างน้อย 2 พันปี และยังใช้มาเรื่อยๆ จนถึงปัจจุบัน
ส่วน “เหล้า” ในการแพทย์จีน ถือว่าเป็น “ยา” อย่างหนึ่ง เรียกว่า หัวหน้าของยาทั้งปวง (ตามตัวอักษรจีนที่บันทึก) ความหมายคือ เหล้ามีสรรพคุณดี ช่วยรักษาโรคได้หลายชนิด จึงถือว่าเป็นยาชนิดหนึ่ง สรรพคุณนั้นขึ้นอยู่กับนำสมุนไพรใดมาดองกับเหล้า แต่โดยรวมคือ ช่วยเรื่องการไหลเวียนของเลือด ขับความเย็น ช่วยแก้ปวดได้ค่อนข้างดี
ดังนั้น ยาดองเหล้า ถือเป็นรูปแบบหนึ่งในการทำยา ผ่านขั้นตอนการต้ม ซึ่งสมุนไพรบางชนิดจะละลายในน้ำได้ ขณะที่สมุนไพรบางชนิดที่มีสารประกอบไม่สามารถละลายในน้ำได้ แต่จะละลายได้ดีในแอลกอฮอล์ ฉะนั้น เหล้าจึงถือว่าเป็นตัวทำละลายค่อนข้างดี เนื่องจากเหล้าก็มีส่วนผสมกับน้ำ
อาจารย์แพทย์แผนจีน กล่าวต่อว่า การใช้สมุนไพรมีหลายรูปแบบ โดยเฉพาะชนิดที่ผ่านการต้ม เนื่องจากจะให้ผลเร็ว ออกฤทธิ์เร็ว หากป่วยหนัก จะใช้ยาสมุนไพรที่ผ่านการต้มแบบนี้ และเมื่อโรคบรรเทาลงต่ำกว่า 50% ไปแล้ว ก็จะใช้ยาประเภทเม็ด ลูกกลอน เหล่านี้จะออกฤทธิ์ช้าลง แต่จะค่อนข้างสะดวกในการพกพา
ส่วนโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น ปวดเมื่อย ออฟฟิศซินโดรม หรือคนอัมพฤกษ์ อัมพาต โรคแบบนี้แพทย์แผนจีน เรียกว่าเกิดจาก “เส้นลมปราณ” เลือดลมติดขัด เกิดจากได้รับความเย็น ทำให้เลือดไหลเวียนไม่ดี
อ.พจ.วีรชัย บอกด้วยว่า หากตัวยามี “เหล้า” เป็นส่วนผสม จะถือว่าเป็นการช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ช่วยขับความเย็น ลดความเจ็บป่วยได้ดีขึ้น

ประเภท “ยาดองเหล้า” เพื่อบำรุงร่างกาย ลมปราณ เลือด และพลังหยาง:
อ.พจ.วีรชัย บอกว่า การทำยาดองเหล้าประเภทนี้ ต้องกินทีละน้อย แล้วกินต่อเนื่องเวลานานๆ เรียกว่า “จิบวันละนิด” ไม่ใช่ “กินวันละขวด” โดยหากทำแบบนี้เราจะได้ตัวยาจากสารบำรุงต่างๆ ในสมุนไพร และได้ฤทธิ์ของเหล้ากระตุ้นให้ออกฤทธิ์ดีขึ้น
ยาดองเหล้าจากจีนนั้น สืบทอดมาถึงในประเทศไทย และมีการใช้ในลักษณะเดียวกัน ขณะที่ “ยาดองเหล้าไทย” นั้น จะเน้นเรื่องการแก้ปวดเมื่อยเป็นหลัก ส่วนรองลงมา คือ การบำรุงร่างกาย และใช้ภายนอกก็มี นวด แก้ปวด
ส่วนสูตรในไทย เช่น โด่ไม่รู้ล้ม หรือ ช้างกระทืบโลง นั้น ก็ขึ้นอยู่กับส่วนผสม ซึ่งแน่นอนว่า สมุนไพรบางชนิดนั้น สามารถนำมาใช้บำรุงสมรรถภาพทางเพศของผู้ชาย ซึ่งสมุนไพรไทย นั้นก็มี ในขณะที่ ยาจีนก็มี เช่น โสม หรือ เขากวางอ่อน

...
ข้อต้องห้าม ยาดองเหล้า
ภาชนะที่ควรใช้ และไม่ควรใช้ในการดองเหล้า....
สำหรับขั้นตอนการดองเหล้าในแบบจีนนั้น อ.พจ.วีรชัย เผยว่า ภาชนะที่ใช้ ควรจะเป็นกลุ่มดินเผา ดินเคลือบ หรือแก้ว ที่มีฝาปิด ส่วนภาชนะที่ไม่ควรใช้เลย คือ กลุ่มเหล็ก อะลูมิเนียม ทองเหลือง และพลาสติก เพราะมันอาจเกิดปฏิกิริยาทางเคมีกับเหล้าได้ อย่างเช่น เหล้ากับอะลูมิเนียม อาจจะก่อให้เกิดสารพิษที่ออกมาจากโลหะได้
อ.พจ.วีรชัย กล่าวต่อว่า ส่วนเหล้าที่ใช้ในทางการแพทย์จีน จะใช้เหล้าขาว โดยจะเลือกเปอร์เซ็นต์แอลกอฮอล์ที่สูง คือ 50-60 ดีกรี หรือถ้าใครอยากดองกินเองที่บ้าน ก็ไม่จำเป็นต้องใช้แอลกอฮอล์สูงขนาดนั้นก็ได้ หรือใช้ต่ำๆ ก็ได้
“ข้อต้องห้าม” และความจริงในยาดองไทย!
อ.พจ.วีรชัย การดองเหล้า นั้น สิ่งที่ห้ามใช้ คือ แอลกอฮอล์ในเชิงอุตสาหกรรม ถึงแม้จะบอกว่า นี่คือ เอทิลแอลกอฮอล์ ที่ใช้สำหรับล้างแผล ที่บอกว่ากินได้ แต่ความจริงก็คือ ห้ามใช้ เพราะในส่วนของ “เอทิลแอลกอฮอล์” นั้น ก็มีส่วนผสมของ “เมทิลแอลกอฮอล์” (เมทานอล) ด้วยเช่นกัน ถึงแม้จะมีเปอร์เซ็นต์น้อย เพียง 1% กว่าๆ แต่มันก็ยังมีความเป็นพิษอยู่
ฉะนั้น การดองเหล้า ที่แท้จริง คือ ห้ามใช้แอลกอฮอล์ในเชิงอุตสาหกรรมเด็ดขาด หรือที่เป็นข่าว มีปริมาณที่บอกว่ามีส่วนผสม สารไอโซโพรพิลแอลกอฮอล์ อันนี้คือยิ่งต้องห้าม
ตัวยาที่ใช้ดองเหล้า อ.พจ.วีรชัย กล่าวว่า สิ่งต้องห้าม คือ การใช้ยาจำพวกโลหะแร่ธาตุ เช่น พวกกำมะถัน เพราะพวกนี้เอามาดอง จะกลายเป็นสารโลหะหนัก และเป็นพิษ
ส่วนวิธีเลือกดองนั้น คนที่จะดอง ต้องมีความรู้ด้านสมุนไพรเป็นอย่างดี ไม่ควรจับผสม หรือเลือกส่งเดช ส่วนการดอง โดยทั่วไป จะใช้เวลา 15-30 วัน และต้องจัดเป็นตำรับอย่างมีความรู้ ตามลักษณะของผู้ป่วย ดีที่สุด ควรจะตรวจผู้ป่วยก่อน เพราะต้องจัดตำรับตามอาการป่วยของผู้ป่วยนั้นๆ จากนั้น เลือกตัวยาที่ไม่มีพิษ และเข้ากันได้ ส่วนยาดองเหล้า เอาไว้ขาย จะต้องเป็นตำรับอ่อนๆ และเข้ากันได้
...

คนที่จะกินยาดอง ต้องกินให้ถูกกับตัวเอง
อ.พจ.วีรชัย กล่าวถึงคนที่คิดจะกินยาดอง ว่า เราต้องพิจารณา “ตำรับ” ของยาดองชนิดนั้นๆ ว่าเข้ากับเราหรือไม่ ยกตัวอย่างเช่น หากเป็นยาที่บำรุงสมรรถภาพทางเพศ ยากลุ่มนี้ทางจีนจะเรียกว่าเป็นกลุ่ม “ยาร้อน” บำรุงพลังหยางที่ไต ดังนั้น หากเรามีพลังหยางที่ไตสูงอยู่แล้ว เช่น ขี้ร้อน หรือป่วยด้วยโรคความดันสูง หน้าแดง มึนหัวบ่อย หากคนประเภทนี้ไปกิน ยิ่งทำให้ความดันสูง เกิดความดันทะลุโป๊ะแตก เส้นเลือดในสมองแตกตาย แต่ถ้าหากเป็นคนขี้หนาว กินยาเสริมพลังหยาง เพิ่มความอบอุ่นแบบนี้พอได้... แต่ถ้าไปกินยาดอง ที่มีสมุนไพรมีฤทธิ์เย็น แบบนี้ก็ยิ่งหนักไปอีก
“ถึงแม้ยาดองเหล้า จะดองออกมาได้ดี แต่ก็ต้องเลือกให้ถูกว่าเหมาะกับเราหรือไม่
อุทาหรณ์ คลัสเตอร์ยาดองมรณะ
อ.พจ.วีรชัย ให้ความเห็นว่า เรื่องแรก สรรพสามิตเอง ยังไม่อนุญาต ดังนั้น เคสที่เกิดขึ้นจึงถือเป็นเรื่องผิดกฎหมาย ส่วนที่เห็นวางขายนั้น ก็ต้องให้ผู้เกี่ยวข้องดำเนินการ ส่วนคนที่จะกิน ก็ต้องตรวจสอบด้วยตนเอง ว่าคนที่ทำมาจากไหน ทำถูกต้องหรือไม่ มีสารพิษเจือปนหรือไม่
...
“ความเป็นจริง ยาดองเหล้าที่ขายอยู่นั้น บางส่วนอาจจะมีพิษเจือปนอยู่บ้างก็เป็นได้ แต่เนื่องจากมีเจือปนน้อย จึงไม่แสดงความเป็นพิษออกมา ดังนั้น หากเราใช้ที่ปริมาณเยอะขึ้น ดองมากขึ้น จึงมีความเป็นไปได้ ทำให้เกิดสารพิษ หรือถ้ายาดองไม่มีสารพิษ แต่ร่างกายไม่เหมาะ เช่น ร่างกายเย็น ไปกินยาดองฤทธิ์เย็น ยิ่งทำให้หนักขึ้น...”
อ่านบทความที่น่าสนใจ