คุยกับ “อาเรวัช กลิ่นเกษร” คดี หนุ่มเนิร์ด ฆ่า ว่าที่ ร.ท. ขับแกร็บ ชี้หากเป็นสมัยก่อนอาจจับยาก ชี้พฤติการณ์ โหด ไม่เชื่อลงมือครั้งแรก...

เรียกว่า โหดเหี้ยมเหลือคณา สำหรับคดี นายนิพิฐพนธ์ หนุ่มวัย 26 ปี ผู้ต้องหาคดี ฆาตกรรม ว่าที่ ร.ท.สุเทพ ชัยนันตา อายุ 48 ปี มีอาชีพเป็นเทรนเนอร์ออกกำลังกาย และมีอาชีพเสริมขับแกร็บ จากนั้นได้ชิงรถไปก่อเหตุชิงทอง โดยเขาลงมืออย่างเหี้ยมโหด ด้วยการจ่อยิง ว่าที่ ร.ท.สุเทพ ที่ท้ายทอย ก่อนซ่อนเร้นอำพรางศพ โดยมีการวางแผน โดยทำตามแผนตั้งแต่ตอนตี 4 

เริ่มจากนำรถของตัวเองมาจอดไว้ที่กาแล ตรงผาลาด ถนนสุเทพ จากนั้นก็เดินทางเส้นทางธรรมชาติประมาณ 2 กม. เรียกรถของ ว่าที่ ร.ท.สุเทพ จากนั้น ฆ่าเหยื่อ นำรถไปใช้ชิงทอง กลับมาที่เดิม เดินกลับไปที่รถตัวเองที่จอดทิ้งไว้ จากนั้นก็เอาทองไปขาย ที่ร้านทอง จำนวน 5 ร้าน แต่มี 2 ร้าน คือ ร้านใน อ.ดอยสะเก็ด และ อ.สันกำแพง เท่านั้นที่รับซื้อ 

ผู้ต้องหารายนี้เรียนมหาวิทยาลัยมา 2 ปี คณะวิทยาศาสตร์ แต่เรียนไม่จบ โดยลักษณะนิสัยชอบเล่นเกม เป็นประมาณเด็กเนิร์ด แผนประทุษกรรมส่วนหนึ่งนั้นมาจากการเล่นเกม มีการวางแผน มีการสำรวจเส้นทางที่จอดรถ จุดเรียกแกร็บ และจุดทิ้งศพ ลงรายละเอียดเป็นเมตรๆ ใช้เวลาเดินกี่นาที ใช้เวลาตั้งแต่เดือนตุลาคม ปี 2566 ซึ่งจากจุดทิ้งศพนั้นจะเป็นหน้าผาลึกประมาณ 30-50 เมตร โดยเบื้องต้นตำรวจตั้งข้อหา ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และวิ่งราวทรัพย์หรือชิงทรัพย์ เพราะตอนไปชิงทองนั้นพกปืนไปด้วย และ พ.ร.บ.อาวุธปืน     

...

เกี่ยวกับเรื่องนี้ พล.ต.ท.เรวัช กลิ่นเกษร อดีตผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด บอกว่า “ไอ้นี่มันชั่วโดยสันดาน เพราะมันไม่ใช่เด็กที่อายุน้อยๆ ส่วนตัวเชื่อว่า มันอาจจะทำความผิดอื่นมาแล้วหลายครั้ง เพราะคนที่วางแผนที่จะฆ่าคนได้นั้น ต้องมีจิตใจทารุณโหดร้าย ถ้าคนติดเกมเฉยๆ อยากได้เงิน อาจจะไปชิงทองเลย โดยขณะชิงทอง อาจเกิดการต่อสู้และฆ่ากัน แบบนี้ เจตนาคือต้องการชิงทรัพย์และเกิดเหตุการณ์บานปลายเฉพาะหน้า...แบบนี้ถือว่าไม่โหดร้าย

แต่นี่คือ การวางแผน ทำร้ายคนดีๆ ที่ตั้งใจทำมาหากิน แบบนี้มันแย่มาก ทั้งที่ตัวเอง ไม่ได้อยู่ในฐานะที่เดือดร้อนแต่ประการใดเลย...คนที่ไม่มีข้าวจะกิน ยังไม่ก่อเหตุชั่วช้าขนาดนี้”

“หากมันเป็นเด็กอายุ 12-13 ปี แล้วก่อเหตุแบบนี้จะเรียกว่า “คลั่ง” ก็ได้ แต่แบบนี้ไม่เรียกคลั่ง เรียกว่า “ไอ้ชั่ว” 

การวางแผนของ ไอ้หนุ่ม 26 รายนี้อย่างไร อาเรวัช ให้ความเห็นว่า มันจินตนาการเพ้อเจ้อ ทำแบบในหนัง ทำเป็นเดินไปจุดนั้น จุดนี้ ขึ้นรถแล้วจ่อยิง พฤติกรรมแบบนี้ จัง... เชื่อว่าเคยก่อเหตุอื่นมาแล้ว ต้องไปตรวจสอบดู คดีเก่าที่เกี่ยวกับการใช้อาวุธปืน จี้ ชิงทรัพย์ ที่ตำรวจยังจับไม่ได้ ว่าเกี่ยวข้องกับคนนี้หรือไม่.. 

แผนดังกล่าว เชื่อว่ามีการซ้อมก่อนลงมือหรือไม่ อาเรวัช เชื่อว่า ไม่มีการซ้อม แต่ลงมือด้วยจินตนาการ ตอนดูภาพ มันเข้าไปปล้น มันไม่ได้เก่งกาจอะไร แล้วมันยังเลือกด้วยนะว่าจะเอาทองเส้นไหน แทนที่จะกวาดให้หมด 

“มันผิดปกติกว่าโจรทั่วไป เพราะส่วนมาก จะต้องเข้ามากวาดๆ แต่นี่...มันเลือกด้วยว่าจะเอาเส้นไหน พ่อแม่ก็คงช็อก” 

หากเป็นสมัยก่อน ยอมรับว่า การวางแผนแบบนี้นั้นอาจจะตามตัวยาก จำเป็นต้องใช้การวิเคราะห์ เก็บประวัติ เพราะเราอาจจะหลง และไม่คิดว่า ไอ้หนุ่มคนนี้จะก่อเหตุ อาจจะหลงคิดว่าเป็นชาวแม้ว ชาวดอยหรือไม่ เพราะความรุนแรง จ่อยิง เอาศพทิ้งเหว สิ่งที่ตามได้ แต่ตำหนิ รูปพรรณ ต้องควานหา คนที่มีประวัติอาชญากรรมก่อน แต่หนุ่มคนนี้ประวัติขาว ฐานะทางบ้านก็ดี 

การขึ้นรถ แล้วกดยิงเลย..นี่ถือว่าเป็นคนปกติ หรือไม่ อาเรวัช ตอบสวนเลย โหดๆๆ เป็นฆาตกรเลย เพราะไม่เคยมีเหตุโกรธเคืองกัน

ถามว่ามืออาชีพไหม... พล.ต.ท.เรวัช กล่าวว่า มืออาชีพนะ ถือว่าฆ่า แล้วอำพรางศพ 

...

อาเรวัช กล่าวว่า ที่จริง ตอนจับกุม น่าจะมี “ปะทะ” นะ จะได้มีการวิสามัญให้ตายตกตามกัน... เพราะติดคุกจริงๆ ก็ประมาณ 12 ปี ถึงแม้โทษสูงสุด จะประหารก็ตาม เพราะเข้าพฤติกรรม ฆ่าโดยไตร่ตรอง ซ่อนเร้นอำพรางศพ โทษประหาร ส่วนชิงทอง พกอาวุธ โทษยังเบา 

“ถ้ามอบตัว สำนึกผิด ร้องห่มร้องไห้ ผมทำผิดไปแล้ว แต่นี่หนีไป โดนจับก็ทำหน้านิ่งเฉย” 

เมื่อถามว่า หากเข้ามอบตัว จะมีผลแต่การลดโทษหรือไม่ พล.ต.ท.เรวัช กล่าวว่า ไม่เกี่ยว มันขึ้นอยู่กับรับสารภาพหรือไม่ แต่หากไม่รับสารภาพ ก็ยังไม่เห็นว่าจะมีการประหาร บางคนทำผิด 2-3 ครั้งก็ยังไม่ประหาร พวกอาชญากรอาชีพ คือ การฆ่าคน ติดคุกออกมา ก่อเหตุซ้ำอีก แบบนี้เรียกว่า อาชญากรอาชีพ 

อ่านบทความที่น่าสนใจ 

...