คดีอุ้มฆ่าชำแหละชายปริศนา โยงแก๊งยากูซ่า ญี่ปุ่น แก้แค้นข้ามประเทศ หลังพบชิ้นส่วนมนุษย์ในพื้นที่ บางบัวทอง จ.นนทบุรี เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา พบหัวกะโหลกมีรอยถูกยิง และรอยสักบริเวณผิวหนังผู้ตาย นำสู่การจับกุมคนไทยที่เป็นผู้ขับรถให้แก๊งยุ่นสุดโหด นักนิติเวชศาสตร์ คาดแรงจูงใจคนร้ายแค้น หวังอำพรางคดี ถ่วงเวลาหลบหนีข้ามประเทศ

19 เม.ย. 67 มีผู้พบชิ้นส่วนมนุษย์ถูกนำมาทิ้งใน อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี โดยเป็นชิ้นส่วนมือ ก่อนพบหัวกะโหลกมีรอยถูกยิงด้วยอาวุธปืน ถูกทิ้งไม่ห่างจากจุดแรก ท่ามกลางความสงสัยของเจ้าหน้าที่ เนื่องจากชิ้นส่วนที่พบมีรอยสักคล้ายแก๊งยากูซ่า จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสืบสวน จนจับกุมนายเกมส์ อายุ 34 ปี ให้ข้อมูลว่า ได้เป็นคนขับรถให้กับชาวญี่ปุ่น 3 คน ก่อนที่จะเกิดการทะเลาะกัน จนได้ยินเสียงปืนดัง 1 นัด ขณะที่ชาวญี่ปุ่นทั้งหมด คุยกันในรถ จากนั้นชายชาวญี่ปุ่น 2 คน ได้ให้ตนเอง ขับรถไปยังโกดังแห่งหนึ่ง ก่อนนำศพผู้ตายไปชำแหละ ตระเวนทิ้งชิ้นส่วนศพในพื้นที่ใกล้เคียง
วันนี้ 24 เม.ย. 67 ช่วงบ่าย เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้นำนายเกมส์ ที่อ้างว่าเป็นผู้ขับรถให้คนร้าย โดยได้ปฏิเสธไม่มีส่วนรู้เห็นในการฆ่า แต่ได้รับว่าจ้างจากชายชาวญี่ปุ่นทั้ง 3 คน ซึ่งการทำแผน ได้นำไปยังโกดังแห่งหนึ่ง ในพื้นที่นนทบุรี โดยในโกดังได้ปิดไว้ ภายในเปิดโล่ง แต่มีห้องขนาดเล็ก ที่พบพลั่วตักดิน เลื่อย ที่คาดว่าใช้ในการชำแหละศพ ขณะที่ตำรวจตรวจสอบชิ้นส่วนมนุษย์ที่พบเป็นดีเอ็นเอเดียวกัน คาดคนร้ายชาวญี่ปุ่นทั้ง 2 คน ยังอยู่ในไทย คาดต้นเหตุของการฆาตกรรมมาจากปมแค้นของแก๊งยากูซ่า
...

ไขปมฆาตกรแก๊งยากูซ่า แรงแค้นจูงใจฆ่า
รศ.นพ.วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) กล่าวกับทีมข่าวเจาะประเด็น ไทยรัฐออนไลน์ ว่า หากวิเคราะห์ถึงพฤติกรรมของคนร้ายชาวญี่ปุ่น จากข้อมูลพบว่า ส่วนใหญ่แก๊งยากูซ่า จะแก้แค้นโดยใช้วิธีทรมาน แต่ไม่ใช้วิธีฆาตกรรมแบบหั่นศพ

กรณีการหั่นศพคดีนี้ น่าจะมีเหตุจูงใจมาจากการอำพรางคดีของคนร้าย เพื่อประสงค์ที่จะทำให้มีเวลาในการหลบหนีออกนอกประเทศ ซึ่งต่างจากอดีต ที่คนร้ายแก๊งชาวต่างชาติ ใช้การหั่นศพเพื่อข่มขู่คนในแก๊ง ให้กลัวและไม่กล้าหักหลัง เช่น ในอดีตมีแก๊งลูกหมู ที่เป็นชาวจีน ทำการหั่นศพ คนที่หักหลัง ซึ่งจากข้อมูลในญี่ปุ่นและต่างประเทศ ยังไม่พบพฤติกรรมการหั่นศพของแก๊งยากูซ่า มีพฤติกรรมลงโทษด้วยการฆ่าหั่นศพมากนัก
จากพฤติกรรมการหั่นศพของคนร้าย คาดว่าไม่ใช่คนที่มีความรู้ด้านการแพทย์ หรือเคยทำงานที่เกี่ยวกับโรงฆ่าสัตว์มาก่อน แต่คนร้ายอาจมีความแค้นสั่งสม ทำให้ทำการชำแหละศพเป็นครั้งแรก เพราะจากข้อมูลพบว่า คนร้ายที่ก่อเหตุลักษณะนี้ จะมีพฤติกรรมการทำเป็นครั้งแรก เนื่องจากพฤติกรรมดังกล่าว มีผลต่อจิตใจ ทำให้คนทั่วไป ไม่สามารถทำได้

ความเชี่ยวชาญในการแยกชิ้นส่วนศพ ต้องยอมรับว่าไม่ใช่เรื่องง่าย ที่คนปกติจะทำได้ แต่ในโลกอินเทอร์เน็ต มีกลุ่มลับที่พูดคุยกันเรื่องนี้ ซึ่งคนทั่วไปค่อนข้างทำยากในการจะเจาะเข้าไปในกลุ่มดังกล่าว ขณะเดียวกัน ผู้ต้องหาบางคดีก็รับสารภาพว่า ได้ความรู้เหล่านี้จากภาพยนตร์หรือซีรีส์
...
“สภาพจิตใจของผู้ก่อเหตุ แบ่งได้ 2 กลุ่มคือ 1.คนที่มีสภาพจิตปกติ ส่วนใหญ่มีความแค้นระหว่างบุคคล หรือภายในแก๊ง และต้นเหตุจากความรัก 2.กลุ่มที่มีปัญหาทางสุขภาพจิต หูแว่ว ประสาทหลอน ทั้งนี้ คนร้ายที่อยู่ในกลุ่มคนปกติ ส่วนใหญ่มีเหตุจูงใจในการต้องการอำพรางคดี”

ตามปกติการตามสืบเพื่อจับคนร้าย ในทางนิติวิทยาศาสตร์ คนร้ายที่ก่อเหตุฆ่าหั่นศพ จะมีดีเอ็นเอของผู้ตาย ปะปนอยู่บนเสื้อผ้าของคนร้าย หรือร่างกายของผู้ก่อเหตุ ซึ่งตำรวจจะนำพยานหลักฐานเหล่านี้มาประกอบกับพยานแวดล้อม เพื่อใช้เป็นสำนวนทางคดีในการมัดตัวคนร้าย
คดีนี้เป็นอีกบทเรียนที่ทำให้เจ้าหน้าที่รัฐ ต้องมีความเข้มงวดในการตรวจจับชาวต่างชาติ ที่เป็นแก๊งต่างๆ ที่มาก่อเหตุในไทย ซึ่งสิ่งสำคัญต้องมีการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุ เพราะถ้าเกิดเหตุขึ้นจะส่งผลต่อภาพลักษณ์ประเทศได้.