แพทย์ห่วง น้ำสงกรานต์ไม่สะอาด อาจทำป่วยหลายโรค ชี้อากาศร้อนจัดเสี่ยงเป็นฮีตสโตรก แนะประชาชนเลิกเล่นน้ำเย็น เหตุเสี่ยงป่วยง่ายและอันตรายจากน้ำแข็ง ฝากใส่ใจสุขภาพช่วงหน้าร้อน ก่อนร่างกายจะทรุดในระยะยาว

"วันนี้เป็นวันสงกรานต์ หนุ่มสาวชาวบ้านเบิกบานจิตใจจริงเอย…" ในที่สุดเทศกาลสาดความสนุกก็กลับมาแล้ว! ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ ต้องขอสวัสดีวันปีใหม่ไทย หรือวันมหาสงกรานต์ 2567 อีกครั้ง เราเชื่อว่าตอนนี้หลายคนกำลังเตรียมตัวออกไปเล่นน้ำ หรือบางคนอาจจะกำลังจิ้มอ่านข่าวผ่านซองกันน้ำอยู่ก็เป็นได้ 

...

อย่างไรก็ตาม ช่วงเวลาแบบนี้หลายคนอาจจะสนุก จนเผลอลืมใส่ใจสิ่งที่เรียกว่า 'สุขภาพ' ทำให้ละเลยบางจุดเล็กๆ ที่ส่งผลเสียต่อร่างกาย ทั้งระยะสั้นและระยะยาว

ด้วยความห่วงใยถึงชาวไทยทุกคน ทีมข่าวฯ จึงได้ยกโทรศัพท์หา 'พญ.อภิชญา ธันยาวุฒิ' แพทย์ผู้เชี่ยวชาญตจวิทยา (แพทย์ผิวหนัง) โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท ให้มาช่วยมอบความรู้เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย สำหรับการดูแลตัวเองช่วงสงกรานต์นี้

เราหวังว่าเนื้อหาต่อจากนี้ จะช่วยกระตุกจิตและย้ำเตือนใจผู้อ่านทุกคน ให้ระมัดระวังสุขภาพตัวเองช่วงมหาสงกรานต์มากขึ้น ถ้าพร้อมแล้ว… ก็เลื่อนลงอ่านเนื้อหาช่วงต่อไป ก่อนออกไปสนุกกันได้เลย!

น้ำสงกรานต์ไม่สะอาด อาจทำป่วยหลายโรค : 

สำหรับประเด็นสุขภาพร่างกายโดยรวม พญ.อภิชญา กล่าวว่า การเล่นน้ำช่วงสงกรานต์ ถือว่าเสี่ยงต่อการเกิดหลายโรค ซึ่งอาการที่พบบ่อยมักจะเป็นไข้หวัด หรือปอดอักเสบ เนื่องจาก ช่วงที่เล่นน้ำอยู่ ร่างกายของเราจะเจอกับการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิตลอดเวลา เดี๋ยวเปียก เดี๋ยวแห้ง เดี๋ยวเย็น เดี๋ยวร้อน อากาศสลับไปมาอย่างรวดเร็ว เรื่องนี้จึงเป็นหนึ่งในปัจจัยที่นำไปสู่อาการป่วย

ยังมีโรคที่เกี่ยวกับ 'ดวงตา' เช่น โรคตาแดง ซึ่งโรคนี้เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย ในกรณีนี้อาจมาจากน้ำโดยตรง ดวงตาไปสัมผัสกับน้ำที่ไม่สะอาด ระยะแรกจะเกิดการระคายเคือง จนก่อให้เกิดการอักเสบของเยื่อบุตา หากปล่อยทิ้งไว้จะทำให้เกิดอาการตาแดงได้

"น้ำที่เราสาดกันไปมา เราแทบจะไม่มีทางรู้ได้เลยว่า สะอาดหรือเปล่า เพราะหากไม่สะอาดแล้วเข้าตา ร่างกายก็จะเสี่ยงเหมือนที่ได้บอกไป" แพทย์ผู้เชี่ยวชาญตจวิทยา กล่าวกับเรา

พญ.อภิชญา กำชับเพิ่มเติมว่า ยิ่งหากใครโดน 'ดินสอพอง' หรือ 'แป้ง' ประเภทต่างๆ ป้ายหน้า ต้องรีบล้างเลยทันที อย่าปล่อยให้อยู่บนผิวนาน เพราะผิวอาจจะระคายเคือง และเข้าดวงตาได้ เนื่องจากดินสอพองเป็นสารเคมี มีเชื้อโรค และมีสิ่งแปลกปลอมอยู่แล้ว 

อากาศร้อนเสี่ยงฮีตสโตรก : 

แน่นอนว่าถ้าคุณต้องการจะเล่นสงกรานต์ เราขอฟันธงว่า คุณแทบจะหลีกหนีอากาศร้อนระอุ ของดวงอาทิตย์ในเดือนเมษาไปไม่ได้เลย ช่วงที่ยังไม่ใช่เทศกาลการออกไปอยู่ข้างนอกแค่แป๊บเดียว! ก็ทำให้ร่างกายร้อนมากอยู่แล้ว แต่ช่วงสงกรานต์แบบนี้ ต้องอยู่กลางแจ้งนานกว่าปกติ พญ.อภิชญา จึงเป็นห่วงว่าหลายคนอาจจะเป็น โรคลมแดด หรือ ฮีตสโตรก (Heat Stroke)

...

"โรคนี้เป็นโรคยอดฮิตช่วงหน้าร้อน ซึ่งเราจะได้ยินกันอยู่บ่อยๆ เพราะเราเอาร่างกายตัวเองไปอยู่ที่อุณหภูมิสูงเป็นเวลานาน แม้ว่าโดยปกติร่างกายจะมีระบบรักษาสมดุลโดยธรรมชาติ แต่ถ้าเหงื่อออกมากๆ จนร่างกายเกิดภาวะขาดน้ำ (Dehydration) ก็จะทำให้ร่างกายทนต่อสภาพอากาศร้อนไม่ไหว และแดดประเทศไทยช่วงเมษา ก็ถือว่ารุนแรงมากเหลือเกิน"

พอร่างกายของเราขาดน้ำ ก็จะมีอาการต่างๆ ตามมา เช่น อาการเพลียแดด และอาจจะลามไปถึงการเป็นลมแดด หรือ ฮีตสโตรก ซึ่งเป็นภาวะที่ร่างกายมีอุณหภูมิสูงมากกว่า 40.5 องศาเซลเซียส หากใครได้ตามข่าว ก็จะเห็นโรคนี้อยู่เป็นระยะๆ ซึ่งบางคนก็เสียชีวิตจากโรคนี้ 

แต่ก่อนที่คุณผู้อ่านจะเสี่ยงกับการเป็นลมแดด ทีมข่าวฯ ได้ขอให้โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท แนะนำวิธีการดูแลตัวเองเบื้องต้นไว้ก่อนแล้ว

พญ.อภิชญา ธันยาวุฒิ แนะนำว่า อย่างแรกอยากให้พก 'น้ำดื่ม' ติดตัวไว้เสมอ ควรดื่มน้ำเป็นระยะ เพื่อรักษาระดับน้ำภายในร่างกาย นอกจากนั้น ควรใส่เสื้อสีอ่อนหรือไม่เข้มจนเกินไป เพราะเสื้อจะดูดแสงจนทำให้ร่างกายเราร้อนมากกว่าเดิม 

...

ไม่จำเป็นต้องใส่เสื้อผ้าที่หนามาก เน้นผ้าโปร่ง ไม่รัดรูป น้ำหนักเบา ระบายอากาศได้ดี จะช่วยให้ร่างกายของเรารู้สึกสบายมากขึ้น อีกทั้งต้องไม่ลืมใส่อุปกรณ์ป้องกันแดด เช่น หมวก แว่น เป็นต้น ไม่ควรเล่นน้ำกลางแจ้งเป็นเวลานาน และที่สำคัญมาก อย่าลืมทาครีมกันแดด อย่างน้อย 20 นาทีก่อนจะออกไปผจญภัย 

อันตรายของ น้ำเย็นเจี๊ยบ กับ อากาศร้อนจัด! :

ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ เชื่อว่าผู้อ่านหลายคนน่าจะต้องเจอเหตุการณ์ลักษณะนี้ กำลังสาดน้ำอยู่ดีๆ อีกฝ่ายโต้กลับมาด้วยอาวุธร้ายแรงอย่าง 'น้ำเย็น' ส่งผลให้ฝ่ายเราปราชัยในสงครามสาดน้ำครั้งนี้ ต้องเดินหลบหนีออกมา เพราะจากร้อนๆ กลับรู้สึกหนาวขึ้นมาทันที!

...

อ่านแล้วก็คงเหมือนจะสนุก แต่เรื่องนี้ชวนทุกข์กว่าที่คิด พญ.อภิชญา แสดงความคิดเห็นว่า ช่วงเมษามหาสงกรานต์ เราจะรู้กันอยู่แล้วว่าอากาศ 'ร้อนมาก' คราวนี้หลายคนเลยเข้าใจว่า 'เอาน้ำแข็งมาผสมน้ำ' ดีกว่า น่าจะช่วยให้เย็นขึ้น แถมยังลดความร้อนได้ด้วย

"แต่นั่นอาจจะเป็นความคิดที่ไม่ถูกต้องสักเท่าไร เพราะจะส่งผลเสียต่อร่างกาย และทำให้ไม่สบายได้ในที่สุด"

แพทย์หญิงของเรากล่าวต่อว่า ในสภาพอากาศที่ร้อนจัด อุณหภูมิร่างกายก็จะสูงไปด้วย แต่อยู่ดีๆ มีน้ำเย็นเข้ามากระทบกะทันหัน จะทำให้ร่างกายปรับอุณหภูมิไม่ทัน เกิดอาหารเป็นหวัด ไม่สบาย เราจึงไม่แนะนำให้ใช้น้ำเย็น หรือน้ำแข็งมาเล่นสงกรานต์ ช่วงที่อากาศร้อนมากๆ แบบนี้ ใช้น้ำประปา หรือน้ำที่สะอาดทั่วไป ในการเล่นจะดีกว่า

"อีกเรื่องที่อันตรายของการเอานำแข็งไปใส่ คือ ถ้าน้ำแข็งละลายไม่หมด แต่เราเผลอตักสาดคนอื่น เราไม่มีทางรู้เลยว่า ก้อนน้ำแข็งจะไปโดนใคร โดนตรงไหน อาจเกิดอุบัติเหตุต่อร่างกายคนอื่นอีก"

นอกจากเรื่องของ 'น้ำเย็น-น้ำแข็ง' แพทย์หญิงของเรายังอยากให้ระวังเรื่องน้ำผสมสีต่างๆ อีกด้วย

พญ.อภิชญา กล่าวว่า แม้ว่าจะใช้สีผสมอาหารที่กินได้มาผสมน้ำ แต่กระบวนการของการผสม เรามั่นใจได้เต็มร้อยหรือไม่ว่า สะอาดจริง 100% แค่บางทีมือเราที่จุ่มไปก็อาจจะไม่สะอาดอยู่แล้ว 

"จริงๆ อาจจะไม่ได้ห้ามส่วนนี้ แต่ต้องบอกว่าน้ำสามารถเกิดการปนเปื้อนได้ เพราะปกติน้ำก็อาจจะไม่สะอาดอยู่แล้ว ยิ่งเรามีกระบวนการผสมนู่นนี่เข้าไปมากเท่าไร มันก็ยิ่งมีโอกาสปนเปื้อนของเชื้อโรคมากเท่านั้น เลยอยากย้ำว่า ใช้น้ำเปล่าน่าจะดีที่สุด"

ระวังให้ดีก่อนหยิบของกินเข้าปาก! : 

พญ.อภิชญา ได้เตือนเรื่องการเตรียมตัวเล่นน้ำไปแล้ว แต่คุณหมอของเรายังมีอีกเรื่องที่อยากจะเตือน นั่นก็คือ 'การกิน' เพราะหากเรากินอาหารไม่สะอาดเข้าไป จะเสี่ยงต่ออาการอาหารเป็นพิษ ท้องร่วงหรือท้องเสียได้ 

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญตจวิทยา ให้ความเห็นว่า ช่วงสงกรานต์แบบนี้จะมีโรคที่มาจากอาหาร ทั้งอาหารเป็นพิษ ท้องร่วง ท้องเสีย สาเหตุมาจากช่วงที่เราพัก หรือเลิกเล่นน้ำสงกรานต์ จะรู้สึกหิวและเหนื่อย คราวนี้ ตามเส้นทางการเล่นน้ำจะมีของกินให้เลือกมากมาย และเราก็จะเลือกซื้อกิน

"อย่างไรก็ตาม คนเราอาจจะลืมนึกไปว่า ช่วงที่เล่นน้ำ สาดน้ำกัน น้ำอาจจะกระเด็นมาโดนอาหาร ซึ่งบางครั้งเป็นน้ำที่ไม่สะอาด จึงต้องระวังตัวเองให้ดี"

โดยปกติ ถ้าอาหารโดนน้ำจริงๆ ก็คงจะไม่สะอาดแล้ว แต่ช่วงนี้มีกาศร้อนเข้ามาอีก พวกเชื้อโรคเติบโตได้เร็ว ส่งผลให้อาหารเกิดการปนเปื้อนง่ายขึ้น บูดเสียง่ายขึ้นโดย โดยเฉพาะอาหารที่มีส่วนผสมเป็นนมหรือกะทิ หากเลี่ยงได้ก็ควรจะเลี่ยง

อย่าไปคิดว่าเล่นแค่แป๊บเดียว : 

อาจจะมีคนคิดว่า '1 ปีมีครั้ง ก็น่าจะเต็มที่ไปเลยสิพี่!' หรือ 'เล่นแป๊บเดียวไม่เป็นอะไรหรอก!' แต่ในความเป็นจริงแล้ว พญ.อภิชญา ธันยาวุฒิ ถึงกับเอ่ยปากว่า "อย่าไปคิดว่าเป็นแป๊บเดียวเดี๋ยวก็หาย"

ทุกคนควรใส่ใจสุขภาพของตัวเองให้มากๆ ถึงแม้บางอย่างจะดู 'แป๊บเดียว' แต่เราไม่มีทางรู้เลยว่ามันจะส่งผลระยะยาวไหม หรือจะทำให้เกิดอะไรขึ้นบ้าง เช่น เป็นหวัด ถ้าเป็นหวัดเล็กน้อยแล้วไม่ลงปอด ก็ถือว่ายังดีไป แต่ถ้าลงปอดเมื่อไร ร่างกายจะมีความเสี่ยงเป็นอย่างอื่นอีก โดยเฉพาะเด็กหรือผู้สูงอายุ ยิ่งต้องใส่ใจมากๆ

"ไม่อยากให้คิดว่าเป็นแป๊บเดียว มันอาจจะส่งผลกระทบระยะยาว เล่นได้ สนุกได้ แต่ต้องระวังและป้องกันตัวเองด้วย ทุกวันนี้เชื้อโรคก็มีวิวัฒนาการของมัน เชื้อโรคเยอะขึ้น ก่อให้เกิดโรคได้ง่ายขึ้น" แพทย์ผู้เชี่ยวชาญตจวิทยา ฝากผ่านเราถึงทุกคน

ทิ้งท้ายก่อนไปเล่นสงกรานต์กันต่อ : 

แพทย์โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท ฝากถึงผู้เล่นน้ำทุกคนว่า อยากให้ดูก่อนว่าคนที่เราจะสาดน้ำ เขาอยากเล่นกับเราหรือเปล่า ไม่อยากให้ไปสาดคนที่เขามีธุระ นอกจากนั้น การสาดแต่ละครั้งก็ต้องระวังเรื่องอุบัติเหตุด้วย อย่าสาดแรง ค่อยๆ ราดลงไปจะดีกว่า

ส่วนใครที่ใช้ปืนฉีดน้ำ ก็อย่าใช้แบบแรงดันสูง เพราะเดี่ยวจะเกิดอันตรายได้ อย่าเล็งไปที่ตาของคนอื่น เพราะถ้าไปโดนตาก็อาจจะก่อให้เกิดภาวะตาอักเสบ หรือตาแดงได้อีก ในส่วนนี้ก็แนะนำว่าผู้เล่นทุกคนใส่แว่นกันน้ำไว้ก็ดี

"ท้ายนี้ก็ต้องขอสวัสดีปีใหม่ สุขสันต์วันปีใหม่ไทยถึงทุกๆ ท่าน ขอให้มีความสุข สุขภาพแข็งแรง มีจิตใจที่แจ่มใสเบิกบาน ช่วงนี้อากาศร้อน ถ้าออกไปเล่นสงกรานต์ อยากให้เล่นอย่างระมัดระวัง แล้วก็ขอให้มีสิ่งดีๆ เข้ามาในชีวิต ตลอดปีและตลอดไปทุกท่านเลยค่ะ" พญ.อภิชญา ธันยาวุฒิ กล่าวส่งท้าย

พญ.อภิชญา ธันยาวุฒิ
พญ.อภิชญา ธันยาวุฒิ

ภาพ : สงกรานต์ ณ ถนนข้าวสาร พ.ศ. 2562 #ThairathPhoto

อ่านบทความที่น่าสนใจ :