ติดตามการแก้วิกฤติลิงลพบุรี หลังลงนามความร่วมมือ MOU ผ่านไป 1 เดือน ชาวบ้านโอดยังทุกข์ใจ และปัญหายังไม่คลี่คลายย้อนกลับไปเมื่อ 7 ก.พ. 2567 บริเวณพระปรางค์สามยอด จ.ลพบุรี ได้เกิดภาพแห่งความหวังขึ้นอีกครั้ง หลังจากที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้ลงนาม MOU ร่วมกับเทศบาลเมืองลพบุรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมมือกันแก้ไขปัญหา 'ลิงลพบุรี' ปัญหาระดับจังหวัด ที่โด่งดังไปทั่วประเทศ ชนิดที่ว่าถ้าเสิร์ชในอินเทอร์เน็ต คุณสามารถเจอข่าวนี้ได้แทบทุกปีอ่านเพิ่มเติม : รออีก 1 ปี ย้ายลิงลพบุรีเข้ากรง กับงบ 30 ล้าน ที่ยังไร้คำตอบ?นับจากวันเซ็น MOU จนวันนี้ (14 มีนาคม 2567) ก็ผ่านมากว่า 36 วัน หรือเดือนนิดๆ แล้ว ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ จึงตัดสินใจลงพื้นที่อีกครั้ง เพื่อติดตามว่าสถานการณ์เป็นอย่างไร มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลงบ้างหรือไม่ พร้อมสอบถามความคิดเห็นประชาชนในพื้นที่ ถึงปัญหาที่กำลังเจออยู่ 1 เดือนผ่านไป มีอะไรเปลี่ยนแปลงบ้าง? : ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ เริ่มต้นสอบถามที่ร้านเบิร์ด ร้านขายเสื้อผ้าวินเทจซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามกับพระปรางค์สามยอด นี่ถือเป็นครั้งที่ 3 ที่เราได้เข้ามาทักทาย และสนทนาเรื่องปัญหาลิงกับคุณลุงเจ้าของร้านแต่ครั้งนี้ต่างออกไปจาก 2 ครั้งที่ผ่านมา เนื่องจากเขาคุยกับเราเพียงเล็กน้อย พร้อมให้เหตุผลว่า "เหนื่อยจะคุยแล้ว ปัญหาเหมือนเดิม ออกข่าวไม่รู้กี่ช่องแล้ว นายก็เห็นใช่ไหมล่ะ" ทีมข่าวฯ จึงถามต่อว่าแล้วหลังจากเซ็น MOU ผ่านมา 1 เดือน มีอะไรเปลี่ยนแปลงบ้างหรือไม่ คุณลุงตอบว่า "ก็เหมือนเดิมนะ ทุกอย่างเหมือนเดิม ยังไม่เห็นการเปลี่ยนแปลง"เราเดินต่อไปตามทางเท้า ผ่านบรรดาเจ้าจ๋อตัวน้อยใหญ่ ที่นั่งโชว์ตัวตามอิริยาบถต่างๆ ก่อนจะมาหยุดที่ร้านชโยวานิช เพื่อพูดคุยกับ 'สุภาพร ตันติวงศ์' หรือ 'คุณน้อง' ผู้ประกอบการร้านแห่งนี้ ทีมข่าวฯ ถามคุณน้องด้วยคำถามเดียวกันกับคุณลุง เธอตอบว่า เห็นตอนนี้เขาบอกว่ากำลังทำอยู่ ก็คงต้องค่อยๆ ปรับปรุง อาจจะต้องมีการเปลี่ยนโครงสร้างข้างในใหม่ เห็นว่าต้องเทปูนเพิ่ม เลยคิดว่าอาจจะต้องใช้เวลา ส่วนกรมอุทยานฯ เขาจะมานับจำนวนลิง และทางเทศบาลก็มาทำความสะอาดพื้นถนนอยู่เป็นประจำแม้คุณสุภาพรจะบอกเล่าเช่นนั้น แต่ตามพื้นทางเดินยังมีอุจจาระของลิงให้เห็นอยู่บ้าง อีกทั้งยังส่งกลิ่นเหม็นและกลิ่นอับ ถือว่าชวนเวียนหัวพอสมควร อย่างไรก็ตาม เธออธิบายเหตุผลเรื่องนี้ให้ทีมข่าวฯ ฟังว่า "พื้นอาจจะยังดูสกปรก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่า บางครั้งรถติดขบวนรถไฟ ลิงก็จะขึ้นไปหาของหลังรถลงมากินแล้วลากขยะลงมาด้วย ดังนั้น จะให้กวาดหรือเก็บตลอด 24 ชั่วโมง คิดว่าคงเป็นไปไม่ได้ ทางเจ้าหน้าที่เขามาทำแทบตลอด อาจจะมีหยุดบ้างบางวัน แต่อย่างเมื่อเช้าเขาก็มาทำไปแล้ว"ไม่ไกลจากร้านชโยวานิชมากเท่าไรนัก มีร้านขายจิวเวลรีและเครื่องประดับแสนสวย ซึ่งมองดูแล้วค่อนข้างขัดกับพื้นที่ข้างร้าน ที่กลายเป็นที่รกร้างไปแล้ว… หน้าร้านแห่งนี้มี 'อรรถพล แพ่งพันธ์' หรือ 'ลุงช่วย' วินมอเตอร์ไซค์ ที่กำลังนั่งเฝ้าหน้าร้าน พร้อมหนังสติ๊กคู่ใจ เตรียมไว้ขู่ลิงไม่ให้เข้ามายุ่ง ทีมข่าวฯ จึงถือโอกาสเข้าไปพูดคุยกับคุณลุง ลุงอรรถพลเล่าทบทวนความทรงจำให้เราฟังว่า ในอดีตบริเวณนี้คนเดินพลุกพล่าน แม้จะมีลิงแต่ไม่ได้กวนหรือเยอะเท่านี้ เมื่อก่อนตึกไม่ว่างเพราะมีคนอยู่ แต่พอลิงมากขึ้นคนก็ย้ายออก คราวนี้ตึกว่างลิงก็มาอยู่อาศัย ออกลูกออกหลาน "ร้านที่ปิดไปเพราะเขาขายไม่ได้ ไม่มีใครอยากมาเช่า คนที่อยู่คือเจ้าของเดิมทั้งนั้น ยุคนี้ลิงเยอะเกินไป ทำให้ตอนนี้คนเดือดร้อนมาก แล้วมันก็แยกกลุ่มกันเต็มไปหมด ตอนนี้เห็นเขาบอกว่าโครงการที่วัดพระบาทน้ำพุเสร็จแล้ว ปัญหาตอนนี้อยู่ที่ว่า เขาจะจับลิงไปปล่อยยังไง เขาก็ยังดูเฉยๆ กันอยู่ เราก็ยังมองไม่ออกว่าเขาจะทำกันยังไง"เราถามคุณลุงช่วยว่า เมื่อเคยเห็นอดีตที่เมืองรุ่งเรือง อีกทั้งเห็นปัญหาปัจจุบัน แล้วในอนาคตอยากเห็นเมืองเป็นแบบไหน?ลุงอรรถพล ตอบเราว่า อนาคตเหรอ… อนาคตพูดไม่ถูก ไม่เห็นภาพเลย ตอนนี้เป็นอย่างนี้จะไปเห็นภาพได้ยังไง เรามองไม่เห็นภาพว่าเขาจะทำให้ลิงในเมืองน้อยลงได้ยังไง แต่ผมคิดว่าเขาทำได้ อยู่ที่จะทำกันไหมก็แค่นั้นเอง ซึ่งทุกหน่วยงานต้องมาร่วมกัน ไม่ใช่ปล่อยให้เป็นของใครคนเดียว ความทุกข์หน้าตลาด : ห่างจากพระปรางค์สามยอดประมาณ 500 เมตร ใช้เวลาเดินเพียงประมาณ 7 นาที เป็นที่ตั้งของ 'ตลาดสดเทศบาล' ซึ่งมีป้ายสโลแกนตัวใหญ่อยู่ด้านหน้าว่า "ตลาดปลอดโรค ผู้บริโภคปลอดภัย"ประมาณช่วงบ่ายของวันที่ทีมข่าวฯ ลงพื้นที่ (14 มีนาคม 2567) เราเดินไปหยุดหน้าตลาดแล้วพยายามสังเกตโดยรอบ ตอนแรกก็ต้องยอมรับว่ายังไม่เห็นอะไร แต่เมื่อจ้องและสังเกตดีๆ กลับพบว่ากลางตลาดมีลิงเดินอยู่! ก่อนจะเข้าไปตรวจสอบสถานการณ์ในตลาด บริเวณหน้าทางเข้ามีแผงผลไม้ของ 'คุณป้าสว่าง พูลทวี' ตั้งอยู่ หากคิดเล่นๆ ก็พอจะเดาได้ว่า คุณป้าต้องเจอปัญหาเรื่องลิง เพราะของที่ขายเป็นอาหารโปรดน้องจ๋อทั้งนั้น และเมื่อได้พูดคุยกันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ… คุณป้าสว่าง บรรยายความทุกข์ที่ผ่านมาให้ ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ ฟังว่า ปัญหาตอนนี้คือลิงอย่างเดียวเลย คนมาซื้อของไม่ได้เพราะซื้อก็โดนแย่ง ปัญหานี้มันมีมานานแล้วไม่ใช่เพิ่งเจอ"ตอนนี้มันเหนื่อยนะ เครียดเพราะขายของไม่ได้ แล้วยังมาเจอเรื่องลิงอีก ลูกค้าขาประจำบอกเลยว่า ไม่มาตลาดลพบุรีแล้ว ไปห้างดีกว่า เพราะไม่โดนลิงแย่งของ คือถ้าเขามีรถนี่ยังโอเค เพราะเขาซื้อแล้วรีบเดินขึ้นรถได้ แต่ถ้าเดินถือไป ไม่ทันไร เสร็จทุกรายไม่มีเหลือ ลูกค้าหายหน้าหมดเลย""มีหลายคนบอกว่าอย่าไปทำมันเลย สงสารมัน แต่เขาไม่มาตรงนี้ เขาไม่รู้หรอกว่าเราเดือดร้อน ของกินกลายเป็นอาหารลิงหมด ของที่จะได้กำไรลิงก็แย่งไปหมดแล้ว กล้วยสุกขายไม่ได้เลย ขนาดตีมันยังไม่หยุดเลย ทุเรียนก็ไม่ได้ขายมา 2 ปี เพราะโดนมันแย่ง ทุเรียนมันแพงเอามาก็ขาดทุน แล้วตอนนี้ในตลาดแม่ค้าก็เลิกขายกันไปเยอะเลยนะ" คุณป้า พรั่งพรูความในใจต่อว่า ที่เรายังมาขายของ เพราะต้องกินต้องใช้ เราไม่มีอาชีพ จะไปรับจ้างใคร เขาก็ไม่จ้างแล้วเพราะเราแก่ ตอนนี้เหมือนคนอยู่ในกรงจริงๆ นะ เห็นแล้วมันก็ไม่น่าเป็นแบบนี้ ตลาดก็ไม่น่าจะเป็นอย่างนี้ มันเหมือนตลาดร้างไหมล่ะ บางคนเขาไม่เคยมาก็นึกว่าตลาดร้าง "แต่ก่อนขายได้ทั้งวัน แม่ค้าตั้งเป็นแถว ตอนนี้พอ 11.00 น. ของเกลี้ยงเลย ไม่มีขายได้สักคน เราก็จะไม่ไหวแล้ว แต่ก็ยังต้องทน จ้างป้ามานั่งคนนึง ป้าแกอาจจะไล่ไม่ค่อยไหว แต่ก็ต้องยอมเพราะเราคนเดียวก็ไม่ทัน ขายน้อยกำไรก็ไม่พอกิน"คุณป้าสว่าง ฝากถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า ป้าเหนื่อย… อยากให้หน่วยงานมาจัดการ ถ้าเขาเอาลิงไปไว้ที่อื่นได้ แล้วจะมาเก็บค่าอาหารลิงเราก็ยอมให้นะ เราเชื่อว่าแม่ค้าทุกคนยอม และเราให้จริงๆ แค่อย่าให้ลิงมารบกวนเรา ที่ผ่านมาเคยเห็นเขาจับไปทำหมัน จับเสร็จก็เอามาปล่อยที่เดิม คนเลยแกล้งพูดกันว่า ลิงต้องอยู่กับคน แต่จริงๆ ตอนนี้คนสมควรไปอยู่ในป่า ส่วนลิงต้องยู่ในเมือง เพราะคนจัดการอะไรไม่ได้ ความทุกข์ในตลาด : หลังจากกล่าวลาคุณป้าสว่าง ทีมข่าวฯ เดินเข้าไปในพื้นที่ตลาด บรรยากาศค่อนข้างเงียบเหงา มีร้านเปิดอยู่ไม่กี่ร้าน บางร้านกำลังทยอยเก็บของ เรา 'คิดว่า' อาจจะเพราะเข้าสู่ช่วงบ่ายแล้วด้วย จึงทำให้ "ตลาดวาย"ระหว่างทางเดิน เสียงหลังคาดังเป็นระยะ เพราะมีลิงกระโดดไปมา ตามพื้นและตามลูกกรงก็มีลิงกำลังนั่งให้เห็นอยู่เต็มไปหมด เราพยายามเดินหลบสายตา เพราะกลัวลิงคิดว่าหาเรื่อง และเมื่อเดินมาถึงจุดหนึ่ง เราก็พบกับกลุ่มแม่ค้าที่กำลังเก็บของ จึงได้ถือโอกาสนี้เข้าไปพูดคุย'คุณป้าสมหวัง จันทร์เลิศ' เล่าว่า ปัญหานี้เป็นมาปีกว่าแล้ว ลิงขโมยทุกอย่าง ชอบขึ้นไปขย่มหลังคาจนแทบจะพัง ทุกวันนี้ช่วง 11.00 น. มันจะเริ่มทยอยออกมาหาของกิน มันคว้าทุกอย่างที่คว้าได้ ทำให้ประมาณ 11.00 น. ต้องรีบเก็บของหนีลิง "ตอนนี้ก็ทยอยเก็บไปบ้างแล้ว เพราะขายไปก็ไม่เป็นสุข คนไม่มาซื้อกัน เขาไปซื้อตลาดข้างนอก เพราะลิงไม่ไปข้างนอก" ป้าสมหวังกล่าวกับเราคุณป้าเล่าให้ทีมข่าวฯ ฟังต่อ พร้อมกับมือที่พลางรัดเครื่องต้มยำว่า เรื่องเซ็น MOU แว่วๆ มาเหมือนกัน แต่ไม่รู้ว่าเขาจะไปทางไหน ตอนนี้ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง รู้แค่ว่าเขาไม่ให้เลี้ยงลิง แต่สุดท้ายมันก็หิวโซ พอหิวมันก็มาคว้าของ เราก็ไล่ไม่ทัน ไล่ไม่ไหว เพราะมันมาเป็นฝูง ส่วนตัวเราก็ไม่รู้ว่าเขาจะจับไปใส่กรงที่ไหน เห็นเขาพูดเหมือนกัน แต่ก็ยังไม่มาทำสักที "ตอนนี้ก็ซื้อของน้อยลง น้อยสุดๆ จากเคยขายดีๆ ตอนนี้คนไม่เข้าตลาด พอจะขายได้ช่วงเช้าหน่อยนึง ลิงมันเยอะขึ้นทุกวัน" ระหว่างสนทนากับคุณป้า ทีมข่าวฯ ก็เห็นคาตาว่า ลิงวิ่งเข้ามาคว้าถั่วฟักยาว ก่อนจะกระโดดหนีไปทางด้าน 'คุณป้าสมหวัง รัตนอำภา' ที่กำลังนั่งเด็ดผักกระเฉด ได้เปิดใจกับทีมข่าวฯ ว่า ลิงมาสร้างปัญหาประมาณปีกว่าแล้ว เมื่อก่อนในตลาดไม่มี แต่ตอนนี้มากันเป็นร้อย ที่จริงเยอะกว่าที่เห็นด้วยซ้ำ พอมันมาถึงก็จะมารื้อของกิน มีอะไรก็รื้อหมด ลึกๆ เข้าใจมุมที่มันหิว แต่อีกมุมนึงเราก็เดือดร้อน เนื่องจากมาแย่งของทุกวัน เราต้องเก็บให้หมด เพราะบางทีมันมากระโจนใส่แล้วคว้าไปเลย "จากคนไม่ค่อยมาซื้อกันแล้ว เพราะเศรษฐกิจไม่ดีด้วย เจอลิงเข้ามาอีก ปัญหาเลยผสมกันไป เราเห็นเทศบาลพยายามจัดการอยู่ เขาก็พยายามไม่ให้เราให้อาหารลิง แต่สุดท้ายลิงมันก็มาเพราะมันมีของกิน"คุณป้าสมหวัง ฝากความหวังผ่านทีมข่าวฯ ว่า อยากให้มาจับออกไปหน่อย ให้เหลือน้อยก็ยังดี อันนี้มันเยอะไปหน่อย หรืออย่างข่าวที่ผู้หญิงโดนลิงถีบหลัง ก็ต้องให้หน่วยที่เกี่ยวข้องมาช่วยเหลือ มาดูแลส่วนนี้ด้วย 'นันทนา เหมือนเผ่า' หรือ 'คุณเมย์' กำลังทยอยเก็บถุงลูกชิ้น และอาหารแปรรูปเตรียมกลับบ้าน แต่เธอก็ยังให้เราสัมภาษณ์ เพราะอยากสะท้อนปัญหาในส่วนนี้คุณเมย์ ยืนยันอีกเสียงว่า "ปัญหาลิงมีมานานแล้ว" มันเข้ามาขโมยของเพราะหิว จะกินได้หรือไม่ได้มันไม่รู้หรอก แต่มันเอาไปก่อน และมันเอาทุกอย่าง น้ำยาล้างจานมันก็เอา ฮอตดอกมันก็เอา ทีแรกมันไม่เยอะขนาดนี้หรอก แต่ตั้งแต่เขามีที่ให้อาหารสำหรับลิง ลิงบางพวกมันก็ไปกินตรงจุดนั้นไม่ได้ พวกมันก็ต้องหากินเอง "ทุกวันนี้มันไปทุกจุดที่มันไปได้ อย่าง เราโดนขโมยของแทบทุกวัน เมื่อวานวางกับข้าวไว้ตรงนี้ มันก็หยิบขึ้นไปกินบนหลังคา ซึ่งแม่ค้าโดนทุกคน เราก็เดือดร้อนนะ แต่ยังไงก็ต้องมาขายของ"คุณนันทนา เล่าต่อว่า คนที่มาซื้อของน้อยลง หรือแทบไม่มีเลย แต่ปัญหาลิงเราแก้เองไม่ได้ ไม่รู้จะทำยังไง ตอนนี้ต้องระวังกันเอาเอง เพราะเผลอแป๊บเดียวมันก็เอาไปเลย อยากให้หน่วยงานมาช่วยเหลือ ให้เราหากินกันได้ปกติ เราไม่รู้วิธีหรอกว่าต้องทำยังไงแต่อยากให้เขาช่วย ปรับตัวและเข้าใจ : กลับมาส่วนบทสัมภาษณ์ของ 'สุภาพร ตันติวงศ์' หรือ 'คุณน้อง' ร้านชโยวานิชอีกครั้ง โดยส่วนนี้เป็นเหมือนการสะท้อนความหวังและแนวทาง ที่คุณน้องคิดว่าจะสามารถช่วยทำให้คนและลิงอยู่ด้วยกันได้คุณสุภาพร กล่าวว่า พี่เปิดร้านอยู่ที่นี่ เราอยู่เป็นบ้านจะไปไหนไม่ได้ เลยอาศัยการทำประตูกรง ซึ่งสมัยก่อนยังไม่มี แต่มีเพื่อป้องกันคนช่วงโควิด ตอนนี้ได้อนุญาตให้ลิงบางตัวเข้าไปกินอาหาร พอเสร็จแล้วก็ออกมา ทีมข่าวฯ ถามต่อว่า อยู่กับลิงได้ใช่หรือไม่ แล้วมันไม่สร้างปัญหาหรือ?คุณน้อง ตอบกลับว่า ค่อยๆ ปรับตัว อยู่กันไปอาศัยการป้องกันตัวเองไปด้วย ที่บ้านจะฉีดยาป้องกันไว้หมด เพราะบางทีเขาเกิดอุบัติเหตุ อาจจะรถชน แล้วเราเข้าไปดึงกลับเข้ามา บางตัวเขาหวงฝูง เขาก็อาจจะมากัด มาข่วนเรา เมื่อเราถามว่า ตอนนี้ลพบุรีเหมือนเมืองร้างแล้ว อยากให้ดีขึ้นอย่างไรบ้าง คุณสุภาพร แสดงความคิดเห็นว่า ก็อยากให้มันดีขึ้น แต่เรื่องเมืองร้างเรามองว่ามันเกิดจาก 2 กรณี คือ 'หนึ่ง' จำนวนลิงเยอะ พอมันเยอะจัด อาหารการกินน้อยลง มันเริ่มแตกฝูง เลยเริ่มไปตามตึก และ 'สอง' เรื่องโควิด โควิดทำให้ทุกอย่างพังจริงๆ มันไม่ใช่แค่โซนเมืองที่เงียบ นอกโซนเมืองที่ไม่มีลิงก็เงียบผู้ประกอบการร้านชโยวานิช กล่าวต่อว่า พวกพี่เคยเลี้ยงลิงกันมายี่สิบสามสิบปีแล้ว ก็เลยผูกพัน เวลามีเรื่องอะไร ลิงที่นี่จะขึ้นชื่อว่า ลิงตึกชโยวานิช สิ่งที่เราต้องการคือ ถ้าเขามีจำนวนเยอะขนาดนี้ เราก็ต้องการสถานที่ ที่จะย้ายเขาไป ซึ่งสถานที่นั้นต้องมีประสิทธิภาพ กรงมีประสิทธิภาพ คนที่ดูแลมีประสิทธิภาพ "เวลาเรารักสัตว์ เราก็อยากให้เขาไปอยู่ในที่ที่ดี เพราะเราก็รู้ว่าอยู่ในเมืองไม่ปลอดภัย รถเยอะขึ้น ไฟฟ้ามากขึ้น โดนรถชน ไฟฟ้าช็อต บางครั้งก็มีการปะทะระหว่างคนกับลิงด้วย เรื่องนี้ยังไงก็หนีไม่รอด เลยมองว่าถ้ามีที่ทางให้อยู่ แล้วปลอดภัยกับเขา จะช่วยลดแรงปะทะระหว่างคนกับลิง""เราก็เข้าใจความรู้สึกของบางคนที่เขามีผลกระทบจากลิงจริงๆ บ้านเขา ทรัพย์สินเขา เราก็เข้าใจ เราพยายามที่จะไม่ทะเลาะกับใคร เราพยายามหาคนละครึ่งทาง"ส่วนเรื่องการรักษาความสะอาด บางทีมีคนเอาอาหารมาให้ เขาเลือกเอาอาหารที่มีเปลือก เช่น ผลไม้ ถุงขนม หรือน้ำ ซึ่ง สัญชาตญาณของลิง พอมันได้ของแล้วมันจะวิ่งขึ้นบ้านคนอื่น แล้วมันก็จะไปทิ้งขยะในบ้านเขา อยากบอกถึงคนที่เอาอาหารมาให้ว่า คุณต้องให้ตามจุดที่เขากำหนด และให้เป็นอาหารเม็ด ขนมปัง ถั่วลิสง หรืออะไรก็ได้ที่ไม่สร้างขยะ ช่วงท้ายของการสนทนา คุณน้อง กล่าวว่า อยากประชาสัมพันธ์คนที่มาในเมือง ถ้าคุณมาก็ให้มีกระเป๋าใหญ่ๆ มาสักใบนึง เวลาไปซื้อของก็เอาของใส่กระเป๋าไว้ แล้วก็มีร่มสักคันนึง เพราะป้องกันลิงได้ กันแดดได้ บางคนขี่รถมอเตอร์ไซค์มา ลิงมันหิวก็ไปกระชาก พอไปกระชากก็เกิดอุบัติเหตุ คราวนี้เขาก็เจ็บ ยิ่งทำให้คนมองลิงไม่ดีอีก เซฟเราดีที่สุด… จุดให้อาหารลิง = ป้องกันลิงเข้าเมือง : หลังจากรับฟังทุกข์ของคนในพื้นที่ รวมถึงความคิดเห็นจากทุกคนที่มีโอกาสได้พูดคุย ทีมข่าวฯ ได้เดินไปหลังพระปรางค์สามยอด เพื่อเก็บภาพจุดให้อาหารลิงมาให้คุณผู้อ่านได้ชมกัน และเหมือนทุกอย่างจะลงล็อกไปหมด เพราะระหว่างกำลังเดินเข้าพื้นที่ 'ป้ามาลี' ก็เดินออกมาทักทายเราหลังจากได้สนทนากับคุณป้ามาลีไม่กี่ประโยค ก็ทำให้เรารู้ว่าคุณป้าเป็นคนคอยให้อาหารเจ้าจ๋อเหล่านี้ แต่ระหว่างยืนคุยกัน เรายอมรับว่าค่อนข้างพะวงหน้าระแวงหลังพอตัว เพราะมีลิงอยู่ตรงนี้เต็มไปหมด!!! แต่คุณป้ามาลี ได้เอ่ยขึ้นมาว่า "ไม่ต้องกลัว ลิงตรงนี้เขาอิ่ม เขาจะไม่กวน" คุณป้าเล่าว่า อาหารที่เอามาให้ลิง เราจะจ้างคนไปเก็บเศษผัก อะไรที่ดีก็คัดมาให้ลิงกิน ส่วนอันไหนที่เรารู้ว่าเขาไม่กินแน่ๆ เราจะไม่เอามา ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายตรงนี้ ได้เงินมาจากน้าสาวที่อยู่กรุงเทพฯ ค่าอาหาร ค่าขน ค่าเก็บ อาหารเม็ดอีก 10 กระสอบ ตกเดือนละประมาณหมื่นแปดทีมข่าวฯ ถามว่า ทำไมถึงเลือกที่จะมาทำตรงนี้? ป้ามาลี ยิ้มรับก่อนตอบกลับว่า เรามั่นใจว่ายิ่งให้ยิ่งได้ และจะทำจนกว่าไม่ไหว เลี้ยงแบบนี้เกือบ 15 ปีแล้ว อีกอย่างนะ… ถ้าเราไม่ทำอย่างนี้ในเมืองอาจจะแย่ "ถ้าเราไม่ให้อาหาร พวกลิงจะไปฝั่งนู้นมากขึ้น เพราะเขาไม่มีอะไรกิน การที่เราทำอย่างนี้เหมือนเป็นการป้องกันให้ลิงไม่ไปสร้างปัญหาเพิ่ม เพราะในเมืองก็เยอะอยู่แล้ว ดังนั้น ถ้าไม่ทำแบบนี้ในเมืองลิงจะเยอะ และอาจจะขยับออกไปสร้างปัญหาที่อื่น"แสดงว่าคุณป้ามองว่าลิงเป็นปัญหาของลพบุรี?"เป็นปัญหาแน่นอน แค่จุดนี้มีปัญหาน้อย แต่ในเมืองปัญหาเยอะมาก เพราะเขาอด พออดเขาก็แย่งของ เหมือนพวกโจรวิ่งราวทรัพย์ ซึ่งลิงเขาก็อยากอยู่ป่าแหละ เขาไม่อยากอยู่ในเมืองหรอก แต่เขาเกิดตรงนี้ จะทำยังไงได้"คุณป้ามาลี แสดงความคิดเห็นว่า ใจเราก็อยากให้เขาหาที่อยู่ให้ลิง เพราะถ้ายังจัดการไม่ได้ ปัญหาอาจจะขยายวงกว้างกว่านี้ และเรามองว่าถ้าทำดีๆ ลิงจะเป็นตัวทำเงินให้ลพบุรีได้เลย ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงานภาพ : ศรันย์ พงษ์สวัสดิ์ #ThairathPhotoอ่านวิกฤติสกู๊ปลิงลพบุรี : (1) วิกฤติลิงลพบุรี! กระทบชาวบ้าน ชีวิตเหมือนอยู่ในกรงขัง (คลิป)(2) อัปเดตประชากรลิงลพบุรี รหัสแรกสู่การแก้ไขปัญหา(3) นิคมลิงลพบุรี 40 ล้านที่ไม่ได้ใช้ กับคำตอบที่บอกให้ 'รอ'(4) ทำหมัน 'ลิงลพบุรี' การทำงาน 10 ปี กับงบที่ไม่เพียงพอ(5) 90% คนลพบุรี หนุนลดจำนวนลิง ความปรารถนาที่รอกรมอุทยานฯ(6) 'ลิงลพบุรี' ยกเลิกคุ้มครองไม่ใช่ทางออก MOU พร้อม...แต่ยังไม่ได้เซ็น(7) จับลิงลพบุรี จ่ายปีละ 6 ล้าน แค่ค่าเลี้ยงดู(8) 'ลิงลพบุรี' ยังวุ่น ตรวจกรงนิคมลิงยังไม่ได้มาตรฐาน(9) สรุป 'วิกฤติลิงลพบุรี' ปัญหาที่ยังไม่คลี่คลาย(10) นิคมลิงลพบุรี 40 ล้านยังไม่ได้ใช้ กับ 6 แสนที่ซ่อมเพิ่ม(11) รออีก 1 ปี ย้ายลิงลพบุรีเข้ากรง กับงบ 30 ล้าน ที่ยังไร้คำตอบ?