ทำความเข้าใจ กฎหมายครอบครองปรปักษ์ มีไว้ทำไม

กลายเป็นเรื่องเศร้า เมื่อคดีพิพาท ในการแย่งบ้านที่ดิน โดยการ “ครอบครองปรปักษ์” มาจบลงด้วยการจากลาของ 1 ชีวิต และคดีนี้ก็ยังไม่สิ้นสุด และต้องไปว่ากันต่อในกระบวนการยุติธรรม อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ครั้งนี้ ถือเป็นสิ่งที่ประชาชนจำนวนมาก ให้ความสนใจในและตั้งคำถามว่า กฎหมาย เกี่ยวกับการครอบครองปรปักษ์ นั้นมีไว้ทำไม... ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ ได้สกัดข้อกฎหมาย รวมถึงสัมภาษณ์ กูรูทางด้านกฎหมาย คือ นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง อธิบดีอัยการคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน มาให้ความรู้ในมุมของกฎหมาย และ มุมรัฐศาสตร์การปกครอง

มุมกฎหมาย :

นายโกศลวัฒน์ อธิบายว่า การครอบครองปรปักษ์ ในหลักของกฎหมายเขียนไว้ชัดเจน คือ ครอบครองโดยสงบ เปิดเผย มีเจตนาเป็นเจ้าของ นี่คือ มุมที่จะมาแย่งกรรมสิทธิ์

กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 บุคคลใดครอบครองทรัพย์สินของผู้อื่นไว้ โดยความสงบ และโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ ถ้าเป็น “อสังหาริมทรัพย์” ได้ครอบครองติดต่อกันเป็นเวลาสิบปี ถ้าเป็น “สังหาริมทรัพย์” ได้ครอบครองติดต่อกัน เป็นเวลาห้าปีไซร้ ท่านว่าบุคคลนั้นได้กรรมสิทธิ์

สงบ เปิดเผย เจตนาเป็นเจ้าของ

กับกฎหมายครอบครองปรปักษ์

สงบ :

ครอบครองอยู่ได้โดยไม่ได้ถูกกำจัดให้ออกไป หรือถูกฟ้องร้องมีคดีความกัน หรือโต้เถียงกรรมสิทธิ์กัน เช่น ต่างฝ่ายต่างหวงห้ามต่อกันโดยอ้างว่าตนเป็นเจ้าของจะถือว่าเป็นการครอบครองโดยความสงบไม่ได้ 

เปิดเผย :

ไม่ได้มีการปิดบังอำพราง หรือซ่อนเร้นเข้ายึดถือครอบครองทรัพย์สินของผู้อื่น เช่น สร้างฐานรากของโรงเรือนซึ่งเป็นส่วนที่ฝังอยู่ใต้ดินรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของผู้อื่น โดยมีเจตนาเพื่อซ่อนเร้นปกปิดการกระทำที่ไม่ชอบของตน ไม่อาจถือว่าครอบครองที่ดินส่วนที่รุกล้ำโดยเปิดเผย ตามมาตรา 1382

เจตนาเป็นเจ้าของ

การยึดถือครอบครองทรัพย์สินของผู้อื่นนั้น มิใช่เพียงแต่ยึดถือครอบครองเพื่อตนเองอย่างสิทธิครอบครองเท่านั้น แต่จะต้องมีการยึดถือครอบครองด้วยเจตนาเป็นเจ้าของทรัพย์สินนั้นด้วย เช่น ต้องมีการทำประโยชน์ใช้สอยทรัพย์สินนั้น, มีการขัดขวางห้ามบุคคลอื่นเข้ามายุ่งเกี่ยวข้องกับทรัพย์สินนั้น และไม่เป็นการครอบครองโดยอาศัยสิทธิ หรือยอมรับอำนาจกรรมสิทธิ์ของเจ้าของทรัพย์นั้นด้วย

ความเป็นมาของกฎหมายและการครอบครองปรปักษ์

ความเป็นมาของกฎหมายและการครอบครองปรปักษ์

นายโกศลวัฒน์ เล่าย้อนถึงที่มาของกฎหมายไทยว่า พระพุทธเจ้าหลวง หรือ รัชกาลที่ 5 ได้ส่งลูกหลานไปเรียนหนังสือที่ต่างประเทศ จากนั้นเมื่อเรียนหนังสือกลับมา ก็เริ่มมีการพัฒนาประเทศ มีการก่อตั้งกระทรวง ทบวง กรม หรือ ศาลยุติธรรม 

กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ “บิดาแห่งกฎหมายไทย” พระองค์ท่านก็จบกฎหมายที่ ออกซ์ฟอร์ด เมื่อท่านได้ร่ำเรียนหนังสือกลับมา ท่านก็ได้มีการก่อตั้งระบบยุติธรรมของไทย และปรับใช้ในทิศทางที่เป็นมาตรฐานโลก และตรงนี้เอง คือ จุดเริ่มต้น ในการบังคับใช้กฎหมายต่างๆ ที่สำคัญ การบังคับใช้กฎหมาย คือ สิ่งที่บ่งบอกเจตนารมณ์ 

ดังนั้นเจตนารมณ์ “การครองปรปักษ์” เป็นการบ่งบอกเจ้าของที่ดินว่า ไม่ควรทอดทิ้งเกิน 10 ปี กฎหมายนี้ จึงเปรียบเสมือนการกำหนดแนวทางที่เป็น “มาตรฐานขั้นต่ำ” 

เจตนารมณ์ของกฎหมาย มีไว้เพื่อให้เราได้อยู่ร่วมกันอย่างปกติสุข และมีไว้เพื่อเป็นกติกาสังคม ดังนั้น กรณีที่เกิดขึ้น ที่ทั้งสองฝ่ายต้องหันกลับมามองว่า กฎหมายว่าไว้อย่างไร..

มุมของเจ้าของ กับการรักษาสิทธิ์

อธิบดีอัยการคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน กล่าวว่า หากมีการโตแย้งในประเด็นที่ดินลักษณะนี้ กฎหมายคือแพ่งและพาณิชย์ นี้จะเป็นการรับรองและกำกับ

ในมุมคนเป็นเจ้าของที่ดิน : ต้องเข้าไปดูแลที่ดิน ไม่ปล่อยปละละเลย หรือ ทิ้งบ้าน ที่ดิน เกิน 10 ปี 

อย่างน้อย คุณกลับไปดูบ้าง เช่น เรื่องง่ายๆ คือ จ่าย “ภาษีบำรุงท้องที่” ก็ต้องเสียภาษีตามที่กฎหมายกำหนด ฉะนั้น แปลว่า การที่ท่านจะทิ้งบ้านหรือที่ดินเกิน 10 ปี ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เหมือนกัน  

“หากท่านได้กลับไปดูแลบ้างแล้ว พบว่ามีการบุกรุก ท่านก็สามารถแจ้งความดำเนินคดีกับคนผู้นั้นได้ โดยเจ้าหน้าที่จะมีการตามตัวเพื่อมาเจรจากัน” 

หากเป็น ที่ดินที่ไม่ใช่โฉนด เช่น นส.3 หรือ หนังสือรับรองการทำประโยชน์ ใช้ระยะเวลาแค่ 1 ปีเท่านั้น! 

“เป็นไปได้ หากท่านมีบ้าน หรือ ที่ดิน จำนวนมาก แนะนำให้ทำสัญญาเช่าไว้ดีกว่า” 

 

กฎหมาย ล้าสมัย? กับการใช้ประโยชน์จากข้อมูลคลาดเคลื่อน!

นายโกศลวัฒน์ มองว่า มุมผม ผมว่าไม่ล้าสมัย เพราะ หากเด็กยุคใหม่ ได้มรดกเป็นสมบัติมากมาย แล้วเขาไม่ดูแล หรือ ทิ้งขว้าง คนอื่นเข้ามาครอบครองปรปักษ์ 10 ปี ต่อน้ำ ต่อไฟใช้ เขาก็มีสิทธิ ดังนั้น สิ่งที่ควรทำคือ อย่าปล่อยเกิน 10 ปี 

เมื่อถามว่า หลายๆ เคสที่เกิดขึ้นในสังคม มีทนายบางรายให้ข้อมูลไม่ครบ หรือ คลาดเคลื่อน นายโกศลวัฒน์ ชี้ว่า “ผมเป็นอธิบดีอัยการคุ้มครองสิทธิช่วยเหลือกฎหมายกับประชาชน บางคนเดินทางมาปรึกษา แต่ให้ข้อมูลไม่ครบ มีบางเรื่องพยายามปิดบัง 

บางเคสที่เกิดขึ้น พยายามโกงสมบัติลูกหลาน พอเราบอกว่า “ช่วยไม่ได้” แต่กลับไปบอกนักข่าวว่า “เราไม่ช่วย” ซึ่งสื่อมวลชนก็ไม่ทราบรายละเอียด ว่าคนที่มาถามอัยการ ถาม หรือ พูดอะไรกับเรา 

“หากมาพบอัยการคุ้มครองสิทธิทางกฎหมาย เรามีความเป็นมืออาชีพ ที่เราจะรักษา “ตราชั่งให้ตั้งตรง ยุติธรรม” ไม่ใช่ว่าใครมาปรึกษาก่อนแล้วจะชนะ  

สำนักงานอัยการสูงสุด เราคือ ทนายแผ่นดิน ไม่ใช่ทนายส่วนตัวหรือรับจ้างใคร เรากินเงินภาษีจากประชาชนคนทั้งประเทศ ตราชั่งให้ตั้งตรง ยุติธรรม กฎหมายเป็นอย่างไร เราว่าอย่างนั้น โดยไม่รับจ้างใคร เพราะเราไม่ใช่ทนายฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง” 

นายโกศลวัฒน์ เล่าว่า ปัจจุบัน มีคดีมากมายที่เกิดขึ้น บางกรณี “ลูก” มาหลอกเอาที่ดินจากพ่อแม่ก็มี อ้างว่าจะไปทำการปรับปรุง หลอกให้โอนที่ดินให้ 

ถ้าคุณพ่อคุณแม่ จะเอาที่ดินให้ลูกไปทำอะไรแล้วไม่มั่นใจ หรือ แม้แต่ประชาชนทั่วไป จะเอาที่ดินมอบให้ใคร เพื่อทำอะไรสักอย่างหนึ่งแล้วไม่มั่นใจ สามารถไปหาอัยการคุ้มครองสิทธิใกล้บ้านได้ เขาจะแนะนำให้ทำอย่างไร ไม่ถูกหลอก ถูกโกง หากทำแบบนี้ คนไม่รู้จัก จะหลอกเราได้ยากมาก หรือ คนรู้จัก ที่เคยไว้ใจ ก็มีโอกาสหลอกเราได้มาก 


“เคยมีกรณี ลูกมาบอกพ่อว่าจะสร้างบ้านให้ใหม่ พูดแบบนี้พ่อดีใจไหม หากโอนโฉนดเป็นชื่อลูกแล้ว จะได้เอาเงินไปกู้แบงก์สร้างบ้านให้ แต่พอโอนให้แล้ว ก็ไม่สร้างให้ เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นแล้วในสังคมไทย ดังนั้น หากมาหาเรา เราจะแนะนำว่าให้ลูกไปกู้เงินเลย แล้วพ่อก็จะไปกู้ร่วมและเอาโฉนดค้ำให้โดยที่ไม่ต้องโอน...” 

แต่เชื่อว่า มักจะมีคำอ้างว่า เพื่อให้งานมันสะดวกยิ่งขึ้น? นายโกศลวัฒน์ ตอบว่า เราจะอธิบายให้ท่านฟังว่า หลังความสะดวกแล้ว พ่อลูกอาจจะเจออะไรบ้าง สิ่งที่เราแนะนำ คือ เราอยากให้ครอบครัวอบอุ่น อยู่กันได้

ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน 


อ่านข่าวที่น่าสนใจ 

ซอง เฮือง มิน การให้อภัยเพื่อขอโอกาสให้อนาคตเกาหลีใต้

เริ่มจาก AI สู่ 'เสื้อ-กางเกงไก่ชน' กับแนวคิดเข้าใจตัวตนเท่ากับยั่งยืน

"ทุกคนมีฝัน เราจึงต้องเข้าไป" เปิดใจครู สกร.ยี่งอ ทุ่มชีวิตเพื่อการศึกษา

ร้อนเร็ว แล้งหนัก เหลื่อมล้ำรุนแรง!

Share

เราใช้คุ้กกี้ 

เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น

อ่านเพิ่มเติมคลิก (Privacy Policy) และ (Cookie Policy)

รับทราบ