ไฟป่า น้ำมือมนุษย์ ทุกวัน จนท.เสี่ยงตายคุมเพลิง 13 ครั้ง

ไฟไหม้เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ

นายนฤพนธ์ ทิพย์มณฑา ผู้อำนวยการสำนักป้องกัน ปราบปราม และควบคุมไฟป่า กล่าวกับทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ พร้อมอธิบายปัญหาไฟป่า ว่า กรณี “สลักพระ” นั้น เราสังเกตพบว่า ไฟเริ่มไหม้ตั้งแต่ประมาณ 4 วันก่อน (วันที่ 3 ก.พ.) และมันเริ่มลุกลามอย่างมากในวันที่ 6 ก.พ.

ที่สำคัญคือ จุด Hotspot ยิ่งปรากฏมากในช่วงตอนกลางคืน ซึ่งตรงนี้เองคือสิ่งที่ชัดเจนว่า ไม่ใช่ไฟป่าที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ และเป็นฝีมือคนแน่นอน ที่สำคัญคือในช่วงกลางวัน เรามีการลาดตระเวนโดยเฮลิคอปเตอร์ โดรน ยานพาหนะ (จยย.) รวมถึงการเดินเท้า ก็ไม่พบสิ่งผิดปกติ กลับกันเวลากลางคืนกลับเกิดจุด Hotspot

เผาป่าล่าสัตว์ สาเหตุหลัก “ไฟป่า” ระดม จนท.เกือบ 300 ดับไฟสลักพระ

น้ำมือมนุษย์...สาเหตุหลักไฟป่า

เผา..เพื่อล่า

สาเหตุหลักของไฟป่า เกิดมาจาก “พรานป่า” เข้าไปล่าสัตว์ กรณี “สลักพระ” นั้นเชื่อว่า “เป้าหมาย” คือ สัตว์ขนาดเล็ก เช่น กระรอก กระแต โดยใช้วิธีการทำ “กับดัก”

สัตว์ใหญ่ ใช้ปืน!

"ขณะที่ “สัตว์ใหญ่” นั้นล่าได้ยาก เพราะว่าหากมีเสียงปืน เจ้าหน้าที่ก็จะรู้ได้ และสัตว์ก็จะหนี ถามว่ามีไหม ก็มี แต่เกิดขึ้นน้อยกว่า" นายนฤพนธ์ กล่าว 

 

แผนรับมือ

นายนฤพนธ์ กล่าวว่า กรณี “สลักพระ” ได้ระดม “ชุดเสือไฟ” จาก 3 ศูนย์ ประกอบด้วย ฉะเชิงเทรา นครราชสีมา และอุทัยธานี เข้ามาช่วยทำแนวกันไฟ และดับไฟ ซึ่งเดิมมีกำลังเจ้าหน้าที่ในพื้นที่อยู่ราว 200 นาย และมีการระดมเพิ่มเข้ามาอีก 60 นาย 

สถิติ 5 ปี ไฟป่า

จากข้อมูลของ สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA ประจำวันที่ 8 ก.พ. พบว่า ในพื้นที่ประเทศไทยพบจุดความร้อน 943 จุด แบ่งเป็น พื้นที่ป่าอนุรักษ์ 305 จุด ป่าสงวนแห่งชาติ 268 จุด พื้นที่เกษตร 162 จุด เขต ส.ป.ก. 101 จุด ชุมชนอื่นๆ 100 จุด และพื้นที่ริมทางหลวง 7 จุด

สถิติข้อมูลย้อนหลัง 5 ปี โดยกรมป่าไม้ ระบุว่า ป่าไม้ในประเทศไทยที่ได้รับความเสียหาย และเสียสมดุลทางระบบนิเวศ เกิดจากหลายสาเหตุ หนึ่งในสาเหตุคือ “ไฟป่า” ทั้งการเกิดจากธรรมชาติ และการกระทำของมนุษย์ ส่งผลต่อความสมดุลของระบบนิเวศ และความหลากหลายทางชีวภาพ รวมถึงส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของมนุษย์ด้วย 

ในปี พ.ศ.2565 พบว่า มีการดับไฟป่า 2,371 ครั้ง พื้นที่ถูกไฟไหม้ 38,245.6 ไร่ ลดลงจากปี พ.ศ.2564 ที่มีการดับไฟป่า 4,311 ครั้ง และมีพื้นที่ถูกไฟไหม้ 100,704.3 ไร่ 

สาเหตุหลักของการเกิดไฟป่ามาจากการเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ที่ดิน การหาของป่า และการเผาไร่ เมื่อพิจารณาพื้นที่ที่มีการดับไฟป่าในแต่ละภูมิภาค พบว่า พื้นที่ภาคเหนือถูกไฟไหม้มากที่สุด รองลงมา คือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลางและภาคตะวันออก และภาคใต้ ตามลำดับ

2023 ไฟไหม้ป่าหนักสุดรอบ 5 ปี เสียหาย 12 ล้านไร่

ในปี 2023 มีการเกิดไฟป่ามากที่สุดในรอบ 5 ปี สาเหตุเพราะความแห้งแล้งค่อนข้างสูง ส่งผลให้มีใบไม้ร่วงหล่นเยอะ กลายเป็น “เชื้อเพลิง” อย่างดีให้เกิดไฟป่า ในขณะที่พื้นหญ้าก็มีสภาพแห้ง ทำให้ติดไฟได้ง่าย 

ดังนั้น ชาวบ้านที่เข้าไปหาของป่า เขาก็คิดว่าจุดไฟแล้วจะเกิดเพลิงไหม้ไม่เยอะ แต่ด้วยที่มีเชื้อเพลิงอย่างดีมีมาก จึงทำให้เกิดไฟป่ามาก กลายเป็นว่าหนักที่สุดในรอบ 5 ปี

“โดยเฉพาะปีที่แล้ว ภาพรวมที่ “สลักพระ”เสียหายจากไฟป่าราว 2.3 แสนไร่ แต่ภาพรวมทั้งประเทศเสียหายมากกว่า 12 ล้านไร่” นายนฤพนธ์ กล่าวกับทีมข่าวเฉพาะกิจ 

ไฟไหม้ป่าบนเขาชะพูล-ขาแหลม จ.นครนายกไฟไหม้ป่าบนเขาชะพลู-เขาแหลม จ.นครนายก

สำหรับพื้นที่ที่ถูกเผามากที่สุด นายนฤพนธ์ เผยกับทีมข่าวเฉพาะกิจ ว่า อยู่ในพื้นที่ภาคเหนือ โดยเฉพาะรอยต่อจังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน ตาก โดยเฉพาะที่อุทยานแห่งชาติแม่ปิง, อมก๋อย, ศรีน่าน, แม่ยม จ.แพร่ 

เมื่อถามว่า จากปัญหาไฟป่า กี่เปอร์เซ็นต์ที่เกิดจากฝีมือมนุษย์ ผู้อำนวยการสำนักป้องกัน ปราบปราม และควบคุมไฟป่า นิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วตอบว่า “มนุษย์เกือบ 100%” 

ซิงเกิลคอมมานต์

ในปีนี้สิ่งที่เราวางแผนไว้คือ การเฝ้าระวังไม่ให้เกิดไฟป่าโดยฝีมือมนุษย์ เรามีการตั้งจุดสกัด จุดเฝ้าระวัง โดยมีชาวบ้านร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ ช่วยกันดำเนินการโดยมีเครือข่ายอาสาสมัคร หลายเครือข่ายมาช่วย เรียกว่า อส.อส. (อาสาสมัครพิทักษ์อุทยานแห่งชาติ) เวลาเกิดเหตุ หัวหน้าอุทยานฯ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า และ หัวหน้าสถานีไฟป่า จะต้องร่วมกันเป็น “ซิงเกิลคอมมานต์” โดยมีหัวหน้าสั่งการ 1 คน คือ หัวหน้าอุทยานฯ หรือ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เป็นผู้สั่งการให้เข้าไปดับไฟ หากเหตุการณ์บานปลาย คุมไฟไม่อยู่ภายใน 2 วัน หัวหน้าระดับ “สำนัก” จะต้องลงพื้นที่ดูแลด้วยตัวเอง ถ้าหากยังคุมไม่ได้ ก็จะรายงานไปยัง ผู้ว่าราชการจังหวัด หรือระดม กรม

ความร่วมมือ

ความร่วมมือ : ฝ่ายปกครองเข้ามาร่วมพูดคุยกับชาวบ้าน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เพราะหากให้ความร่วมมือก็จะส่งผลดีในภาพรวม “ยอมรับว่า บางจุด ที่เจ้าหน้าที่จะ “ชิงเผา” ก่อน เพื่อทำแนวกันไฟป้องกันไม่ให้ลุกลาม ดีกว่าเกิดไฟป่าแล้วควบคุมไม่ได้ การชิงเผาดังกล่าว คือ ต้องรายงานสภาพทุกอย่างก่อน ว่าสภาพอากาศเป็นอย่างไร จะเผาในพิกัดไหน เนื้อที่ครอบคลุมเท่าไร ปีนี้ค่าฝุ่นควัน มลพิษ รุนแรงมาก หากยังมีการเผา และลุกลามเข้าไปในป่า ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นนั้นส่งผลเสียกับทุกฝ่าย...

ผลกระทบ

ชาวบ้าน : ได้รับผลกระทบจากควันพิษ ทำให้ส่งผลต่อสุขภาพ หลายพื้นที่ต้องใส่หน้ากากอนามัยป้องกัน เพราะ “ค่ามลพิษ” ในอากาศเพิ่มขึ้น สัตว์ป่า : หนีเตลิด เสียชีวิตในป่า ธรรมชาติ : ระบบนิเวศเสียหาย เกิดความแห้งแล้ง สูญเสียพื้นที่ซับน้ำ ต้องใช้เวลานานกว่าจะฟื้นฟู

“อยากจะขอความร่วมมือกับทุกคนว่า “ขอเถอะ” อย่าเผาป่าเลย...”

Share

เราใช้คุ้กกี้ 

เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น

อ่านเพิ่มเติมคลิก (Privacy Policy) และ (Cookie Policy)

รับทราบ