3 ปรากฏการณ์ของสังคมไทย ในปี 2566 กับการตั้งคำถาม เสรีภาพ ความเชื่อ กับสังคมที่บิดเบี้ยว...

ผ่านไปอีกปี แก่ขึ้นอีกขวบ สำหรับ ปี พ.ศ. 2566 ปีนี้ถือเป็นปีหฤโหดพอสมควร เนื่องจากมีเหตุการณ์ใหญ่เกิดขึ้นมากมาย โดยเฉพาะเหตุกราดยิงของเด็กชายวัย 14 ปี เกิดสงครามระหว่าง อิสราเอล-ฮามาส มีผู้สังเวยชีวิตนับหมื่นคน

สำหรับ สิ่งที่เปลี่ยนแปลงชัดเจนปีนี้ เห็นทีจะมาจาก “ข่าวการเมือง” เพราะการเลือกตั้งทั่วไป ได้นายกรัฐมนตรีคนใหม่ คือ นายเศรษฐา ทวีสิน, อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ได้กลับบ้าน  

แต่...สิ่งที่เหมือนเดิม และไม่เปลี่ยนไปเลย บนหน้าข่าวสื่อฯ ทุกวันนี้ ก็คือเรื่อง “ความเชื่อ” และปรากฏการณ์แปลกๆ บางอย่าง และวันนี้ ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ ขอหยิบยกมา 3 ประเด็น มาเล่าสั่งลาปีกระต่าย

ปรากฏการณ์ “ลุงพล” ตื่น...เสียที

เรื่องนี้อาจจะไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะเป็นคดีเก่าที่ค้างคามายาวนานหลายปี สำหรับการ “เสียชีวิต” อย่างปริศนาของ “น้องชมพู่” หลังหายตัวไปจากบ้านและไปพบเป็นศพบนเขาภูเหล็กไฟ

...

ตำรวจใช้เวลาสืบคดีนี้อย่างยาวนาน ถึงขั้นส่งคนไปฝังตัวในหมู่บ้านกกกอก นอกจากนี้ ยังมีกองทัพสื่อมวลชน ทั้งสื่อกระแสหลัก กระแสรอง หรือแม้แต่การแจ้งเกิดยูทูบเบอร์ก็มี

สิ่งที่เกิดขึ้น เมื่อแสงสปอตไลต์สาดส่อง หมู่บ้านแห่งนี้จึงเปลี่ยนไป คล้ายเป็น “โรงละคร” โรงใหญ่ ที่มีผู้คนเฝ้าดูอยู่ทั่วประเทศ จนหลงลืมไปว่า ในหมู่บ้านแห่งนี้ มีหนึ่งในคนร้ายที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้...

จาก “ผู้ต้องหา” คดีอุกฉกรรจ์ กลายเป็น “เซเลบ” ดึงดูด แร้ง กา ตามเกาะกระแส ปลุกปั้นให้ “ลุงพล” หรือ นายไชย์พล วิภา ผู้ต้องสงสัย (ขณะนั้น) กลายเป็นคนดังชั่วข้ามคืน แม้จะมีผู้คนบางส่วน จะทักท้วงแล้ว แต่ก็ดูเหมือนมันจะ “หน้ามืดตามัว” กันไป กลายเป็นแฟนคลับ คอยถ่าย หาเงิน โดยไม่สน “หัวจิตหัวใจ” พ่อแม่และครอบครัวเหยื่อที่ต้องสูญเสียลูกสาวอันเป็นที่รัก   

กระทั่ง เมื่อศาลชั้นต้น อ่านคำพิพากษา เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม ที่ผ่านมา โดยสั่งจำคุก ใน 2 ข้อหา ฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย จำคุก 10 ปี และฐานพรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากบิดามารดาโดยปราศจากเหตุอันสมควร จำคุก 10  ปี รวม 20 ปี  

เหล่า FC ลุงพล...ก็ยังไม่หยุด มีการต่อว่าต่อขาน แม้ พล.ต.ท.เรวัช กลิ่นเกษร อดีตผู้บัญชาการปราบปรามยาเสพติด อดีตนายตำรวจ มือดี ที่ออกปากเตือนว่า “อย่าทำให้สังคมบิดเบี้ยว”

“ลูกเขาตาย แต่ถ้าพวกมึงไปสร้างคอนเทนต์ สร้างความเคลือบแคลงเข้าใจผิด แบบนี้มัน 'สังคมวิบัติ' แล้ว คนจะเป็นสื่อมันต้องมีจรรยาบรรณ และมนุษยธรรม ควรรู้ว่าอะไรผิดถูก และอย่าทำอะไรที่คลุมเครือ สร้างสงครามข่าวสาร ทั้งหมดนี้ คือ การพูดรวมถึงสื่อทีวีด้วย ฝากไปถึงทุกช่อง”

เตือนแล้ว ไม่หยุด แถมด่า...ก็โดนสิครับ ล่าสุด 2 อดีตตำรวจ อย่าง พล.ต.ท.เรวัช และมือปราบหูดำ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ เอาจริง มีการแจ้งความดำเนินคดีกับเหล่า FC ลุงพล ไม่นาน ก็เหมือนโดนถอดปลั๊ก ช่องต่างๆ ที่เคยได้เงิน ก็ “ปลิว”

สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ แม้ระยะเวลาของคดีจะยาวนาน แต่เชื่อว่า ผู้คนในสังคมนี้ คงได้เปิดตา หรือตื่นขึ้นมาบ้าง...

ปรากฏการณ์ “เทิดทูน” เด็ก

ความเชื่อ กับความแปลก ของสังคม เราก็เห็นกันมาเยอะ แต่สิ่งที่ไม่เคยเห็น คือ การ “เทิดทูน” เด็ก อายุไม่ถึง 10 ขวบ ได้นั่งเทศน์ สอนผู้ใหญ่มากมาย และมีการอวดอ้างว่ากลับชาติมาเกิด เกี่ยวข้องกับพระพุทธเจ้า หรือนาคราช

ความเชื่อ ในการเทิดทูนเด็กนั้น เราเคยเห็นความเชื่อนี้ จากกรณี “กุมารี” (Kumari : कुमारी) เด็กหญิงตัวน้อยผู้ถูกขนานนามว่าเป็น 'Living Godness' หรือ 'เทวีผู้มีลมหายใจ' 

ที่มาความเชื่อนี้ มาจากรากฐานความเชื่อเรื่อง “เทพเจ้า” เล่ากันว่า ในอดีต นครกาฐมาณฑุยังไร้ซึ่ง 'กุมารี' ชาวเมืองให้ความเคารพนับถือเทวีชื่อ 'ตาเลจูภวานี' (Taleju Bhawani) ศรัทธาดั้งเดิม เชื่อกันว่าพระองค์ทรงเป็นร่างอวตารของพระนางทุรคา ศักติแห่งพระศิวะ เทวีตาเลจูทรงเป็นผู้คุ้มครองกาฐมาณฑุ และพระองค์จะสื่อสารเรื่องราวต่างๆ ผ่าน 'กษัตริย์'

...

“ตาเลจู” เป็นเทวีที่มีรูปร่างสวยงดงาม กระทั่งมีกษัตริย์องค์หนึ่งคิดเชิงชู้สาว และสร้างความไม่พอใจกับ “ตาเลจู” และมีหรือ องค์เทพฯ จะไม่รู้ความคิดชั่วร้ายนี้ จึงลงโทษกษัตริย์ดังกล่าว โดยตรัสว่าจะไม่มาสถิต ณ เทวสถานนี้เอง กษัตริย์จึงอ้อนวอน กระทั่ง “ตาเลจู” เมตตา ตรัสกับกษัตริย์ว่า แม้จะไม่ลงมา...แต่สิ่งที่ท่านทำได้ คือ การคัดเลือกเด็กหญิง มาเป็นร่างประทับ และเป็นที่มาของความเชื่อ “กุมารี” (อ่านต่อ 'กุมารี' ความเชื่อ เทิดทูนเด็ก และเบื้องหลังชีวิตจริงที่ต้องแลก)

กลับจาก “เนปาล” มาที่ดินแดนด้ามขวานของไทย ความเชื่อเรื่องเทิดทูนเด็ก ที่เป็นปรากฏการณ์ หลังมีการเผยแพร่คลิป คำสอน ของเด็ก กลายเป็นว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้แสดงความเป็นห่วง ในประเด็น “สิทธิเด็ก” และมีการตั้งคำถามมากมายถึง “ผู้ใหญ่” ที่คอยเลี้ยงดู ไม่รู้ว่าผลจากการเทิดทูนครั้งนี้จะจบลงอย่างไร เด็กที่จะโตเป็นผู้ใหญ่ จะเป็นอย่างไร...

เพราะเมื่อมองไปที่ “กุมารี” ตอนอยู่ในตำแหน่งได้รับการดูแลดังเทพเจ้า แต่เมื่อวันหนึ่งต้องหลุดพ้นจากการเทิดทูนนั้น พบว่า หลายคนมีปัญหาชีวิต ไม่กล้าเข้าสังคม ใช้ชีวิตประจำวันแทบไม่ได้ ต้องเริ่มเรียนรู้ใหม่ทั้งหมด

...

ปรากฏการณ์ครูกายแก้ว 

เพราะฉันคือ “คนไทย” คนไทยแปลว่า “อิสระ” จึงไม่มีเหตุปิดกั้นความเชื่อ เพราะเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานและส่วนบุคคล (ขอแค่ไม่ละเมิดคนอื่น)

ปรากฏการณ์ “ครูกายแก้ว” ถูกพูดถึงในช่วงเดือนสิงหาคม ที่ผ่านมา หลังพบรูปปั้นสัมฤทธิ์ขนาดใหญ่ เป็นชาย ลักษณะมีเขี้ยว มีปีก ครึ่งคนครึ่งนก ตาแดง เล็บมือ เล็บเท้าสีแดง ถูกขนขึ้นรถเพื่อนำมาส่งที่โรงแรมแห่งหนึ่งย่านรัชดาฯ แต่ไปยังไม่ทันถึง ส่วนหัวไปติดตรงสะพานลอย ทำให้เกิดรถติดแบบวินาศสันตะโรไปชั่วขณะ ด้วยเหตุนี้จึงกลายเป็น “ข่าว” เผยแพร่ทั่วประเทศ ทำให้ผู้คนได้รู้ว่า “ครูกายแก้ว” คืออะไร...

“ปรากฏการณ์ครูกายแก้ว” ถูกมองออกเป็น 2 ทาง ทางแรก คือ ศรัทธา จาก “ความเชื่อ” ตามคำบอกเล่าว่า เป็น “บรมครูผู้เรืองเวท” ประทานพรความสำเร็จและความร่ำรวย...

แต่อีกทางหนึ่ง คือ นักวิชาการสายประวัติศาสตร์ ก็มาให้ข้อมูลว่า ไม่น่าจะเป็นเทพ ความเชื่อดังกล่าว มาจากลัทธิบูชาผีหรือปิศาจ แต่เรื่องแบบนี้ สุดท้ายมันก็ขึ้นอยู่ที่ความเชื่อของแต่ละคน เพราะความเชื่อเหล่านี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งของสิ่งที่ใช้ยึดเหนี่ยวจิตใจ

แต่...หลังจากที่ติดตั้งที่หน้าโรงแรมดังกล่าว ผ่านไป 4 เดือน ก็มีอันต้องย้ายออก เหตุเพราะการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้มีคำสั่ง ให้ย้าย โดยให้ครูกายแก้ว ไปพร้อมกับ รูปปั้นนางพญาจิ้งจอกเก้าหาง ภายใน 30 วัน พร้อมสั่งปรับอีก 1.3 ล้าน เพราะเป็นพื้นที่ห้ามก่อสร้าง เกี่ยวข้องกับกฎหมายควบคุมอาคาร

ทั้ง 3 เรื่อง ถือเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในสังคมไทย 2566 ที่บางเรื่องถูกตั้งคำถามว่า "บิดเบี้ยว" หรือไม่ ส่วนปีหน้า 2567 จะมีอะไรเกิดขึ้น ก็คงต้องเฝ้าจับตาดูกันต่อไป...

...

ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน

อ่านบทความที่น่าสนใจ