นับถอยหลังเข้าสู่เทศกาลปีใหม่ 2567 ใครๆ ก็อยากสมหวังในเรื่องต่างๆ โดยเฉพาะอาชีพการงานในการสร้างรายได้ให้มีอยู่มีกินอย่างสบาย แต่ถ้าไม่พัฒนาปรับปรุงเปลี่ยนแปลงให้ทันกับยุคสมัย ก็น่าจะลำบาก ท่ามกลางการแข่งขันสูง ควรต้องรู้เพื่อการรับมือเตรียมความพร้อมว่าเทรนด์อาชีพใดจะโดดเด่นมาแรงในปี 2567 ปีมังกรทอง และสิ่งใดควรระมัดระวัง เป็นคำเตือนว่าอย่าประมาท

ก่อนจะเปลี่ยนอาชีพ ก็ควรรู้เทรนด์อาชีพปี 2567 จะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร อาชีพใดได้ไปต่อหรือพอแค่นี้? จากการวิเคราะห์ของ ”ดร.ภูษิต วงศ์หล่อสายชล” ผู้อำนวยการหลักสูตร aMBA มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ในฐานะนักการตลาดมือฉมัง เริ่มจากเทรนด์อาชีพมาแรง ด้านเอไอ (AI) และเทคโนโลยี Chat GPT หรือแชตบอต จะสร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างแน่นอนในปีหน้า เพราะจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับทุกธุรกิจ และทุกอาชีพ สำหรับคนที่ใช้เอไอเป็น

อย่างสมัยก่อนอาชีพมาร์เก็ตติ้ง งานการตลาด ต้องมีทีมโปรดักชัน แต่ตอนนี้มีเอไอ สามารถเขียนคอนเทนต์แคมเปญต่างๆ ไม่ต้องใช้คนมาก หรืองานวิจัยของอาจารย์มหาวิทยาลัย สามารถได้คำตอบที่อยากได้ในการใช้ Chat GPT แสดงให้เห็นว่าปรากฏการณ์ของเอไอ ทำให้ทุกอาชีพเปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะอาชีพที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลจำนวนมาก จากเมื่อก่อนเคยมีแอดมิน (Admin) รับผิดชอบดูแล แต่กำลังจะหายไป ทำให้การใช้คนลดน้อยลง หรือร้านอาหาร เริ่มมีโรบอต (Robot) เข้ามา อย่างในต่างประเทศ ใช้โรบอตมาปรุงอาหาร โดยสูตรอาหารที่ปรุงไม่เปลี่ยนแปลง แม้กระทั่งโรงงาน เคยใช้แรงงานจำนวนมากมาย ก็จะน้อยลง

...

เอไอมาแทนที่ สร้างอาชีพใหม่ คู่เทรนด์ความยั่งยืน

เมื่อระบบเอไอ เข้ามาแทน ทำให้เกิดอาชีพใหม่จำนวนมาก และอาชีพเก่าก็จะตายไปในทันที เช่น อาชีพแอดมิน แรงงานเด็กเสิร์ฟ พ่อครัวปรุงอาหาร จะหายไป รวมถึงพนักงานต้อนรับในโรงแรมหลายแห่ง มีระบบเช็กอิน-เช็กเอาต์ มาแทนที่ แต่ต้องใช้ระบบเอไอให้เป็น เพราะพัฒนาเร็วมากในปัจจุบัน ทั้งฟังเสียง สร้างภาพได้ผ่านไฟล์ PDF จะต้องเรียนรู้ รวมทั้งเรื่องออนไลน์ ในการไลฟ์สด เปลี่ยนมาเป็นระบบเอไอ สามารถไลฟ์สดได้ต่อเนื่อง เพราะคอนเทนต์ถูกสร้างขึ้นมาตลอด 24 ชั่วโมง

เทรนด์อาชีพที่ 2 เกี่ยวข้องกับความยั่งยืน (Sustainability) เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ด้านสิ่งแวดล้อม ธรรมาภิบาล ซึ่งทุกบริษัทต้องปรับตัว และต้องยอมรับว่าโลกร้อนขึ้น มีการเปลี่ยนแปลงมากขึ้น ต้องกลับไปมองในเรื่องดูแลสิ่งแวดล้อม ดูแลสังคมให้มากขึ้น และดูแลธรรมาภิบาล ป้องกันการทุจริตให้มากขึ้น โดยธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการรีพอร์ต รายงานการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ การปล่อยน้ำเสีย จะเริ่มเข้ามาเป็นบริษัทที่ปรึกษา เข้ามาดูแลมีบทบาทมากขึ้น ในการทำข้อมูลการปลูกป่า การทำโซลาร์ฟาร์ม การรีไซเคิล ตามหลัก 3R หรือ 4R และการจัดการของเสีย

“ทั้งหมดจะเข้ามาอย่างเป็นก้อน ทั้งเรื่องพลังานทดแทน การวิเคราะห์ประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ และผลิตภัณฑ์ Eco-friendly เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม หรือเส้นใยเสื้อผ้าสามารถ Circular นำมาใช้ซ้ำได้”

ธุรกิจผู้สูงอายุ เติบโต อาชีพด้านสุขภาพ น่าจับตา

เทรนด์อาชีพที่ 3 เกี่ยวข้องกับผู้สูงอายุ เพราะวันนี้ประเทศไทยมีตัวเลขผู้สูงอายุอยู่ในระดับสูงมาก 15.2% ของจำนวนประชากรทั้งหมด และคาดว่าปี 2100 จะเพิ่มขึ้น 39.17% ทำให้อาชีพที่เกี่ยวข้องกับการดูแลผู้สูงอายุเติบโตขึ้นอย่างมาก ทั้งบ้านพักผู้สูงอายุ การดูแลรักษา เนอสเซอรี่ผู้สูงอายุ บุคลากรทางการแพทย์ พยาบาล และแพทย์ ดูแลผู้สูงอายุ

หรืออาชีพพาไปโรงพยาบาล อย่างปัจจุบันมีแท็กซี่รับจ้างพาไปโรงพยาบาล ดังนั้นเมื่อผู้สูงอายุเกิดขึ้นกับคนทั่วโลก เป็นโอกาสที่ผู้สูงอายุอยากย้ายมาอาศัยอยู่ต่างประเทศมากขึ้น เช่น ผู้สูงอายุญี่ปุ่น และยุโรป อยากย้ายมาอยู่เมืองไทย จะส่งผลดีต่อผู้ทำอาชีพที่เกี่ยวข้อง

...

เทรนด์อาชีพที่ 4 เกี่ยวข้องกับรถอีวี รถไฟฟ้า มาแรงแน่นอน ทำให้คนทำอาชีพวิศวกรออกแบบไอซี (IC) จะน้อยลง เปลี่ยนรูปแบบมาดูแลเรื่องแบตเตอรี่ทั้งหมด รวมถึงอาชีพที่เกี่ยวข้อง เช่น การตั้งสถานีชาร์จเจอร์ จะเข้ามาเกี่ยวข้อง และอู่ต่างๆ ที่ดูแลรถอีวี

เทรนด์อาชีพต่อไปอันดับ 5 เกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพ ซึ่งปัจจุบันหลายโรงพยาบาลให้ความสำคัญในด้านสุขภาพของผู้ป่วย ต้องมีบุคลากรทางการแพทย์เข้ามาดูแล อีกทั้งโรคแปลกๆ ได้เข้ามามากขึ้น นอกจากนั้นยังมีอาชีพฟิตเนส พิลาทิส ในการดูแลสุขภาพ รวมทั้งเทคโนโลยี เช่น นาฬิกาจับชีพจร โดยเฉพาะอาชีพสอนพิลาทิส รายได้ 4-5 หมื่นบาทต่อเดือน เป็นเทรนด์อาชีพน่าจับตามองในการดูแลสุขภาพ ป้องกันการเจ็บป่วย รวมไปถึงวิตามินต่างๆ ขายดีมาก ทั้งพวกไฟเบอร์ พรีไบโอติก และเวย์โปรตีน จะเห็นการเปลี่ยนแปลงในปีหน้า

อาชีพใหม่ป้องกันโจรไซเบอร์ ขายออนไลน์ยังฮอต

เทรนด์อาชีพอันดับ 6 ด้านไซเบอร์ ซีคิวริตี้ (Cyber Security) วางระบบความปลอดภัยทางไซเบอร์ จะเข้ามามากขึ้น และดาต้าเซ็นเตอร์ มีวิศวกรที่เกี่ยวข้องกับการดูแลความปลอดภัยในการป้องกันมัลแวร์ และโปรแกรมต่างๆ ไม่ให้เข้ามาส่งผลกระทบ แม้แต่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่สร้างปัญหา ก็เกิดจากดาต้าเซ็นเตอร์หลุดออกมาจากการเก็บข้อมูลไม่ดี จะเกิดอาชีพใหม่ในการป้องกันมากขึ้น ถือเป็นอาชีพเฉพาะเจาะจง ซึ่งค่าตัวจะแพงมาก

...

เทรนด์อาชีพโดดเด่นปี 2567 อันดับที่ 7 คงไม่พ้นเรื่องดิจิทัลทั้งหมด ยังแรงต่อเนื่อง รวมถึงค้าขายออนไลน์ ธุรกิจ E-commerce ได้สร้างติ๊กต่อกเกอร์ (TikToker) เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะเด็กวัยรุ่นชอบมาก เพราะสร้างทั้งชื่อเสียงและเงินทอง ทำให้มีพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์เกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก ไม่ว่ายูทูบเบอร์ และติ๊กต่อกเกอร์ ส่วนคนทำแพลตฟอร์มในเรื่องนี้จะเข้ามาเกี่ยวข้องมากขึ้น ในการสร้างคอนเทนต์ ทำกราฟิก เป็นก๊อปปี้ไรเตอร์ และโมบายแอปฯ

ความโดดเด่นด้านเทคโนโลยีดิจิทัล ทำให้เกิดผู้ประกอบการคนเดียว (Sole proprietor) หรืออาจมีลูกน้องบ้างคอยช่วยงาน แต่คนอาชีพนี้จะเต็มไปหมด รวมถึงคนแนะนำสินค้า ซึ่งเด็กรุ่นใหม่ให้ความสนใจ จนไม่อยากทำงานประจำ หรืออยากเวิร์กฟรอมโฮม เพื่อจะทำงานได้หลายจ๊อบมากขึ้นด้วยการบริหารเวลาให้เป็นในการทำงานประจำ คู่กับงานฟรีแลนซ์

อาชีพบันเทิง ธุรกิจสัตว์เลี้ยงมาแรง คนเลี้ยงแมวพุ่ง

เทรนด์อาชีพต่อไป คงหนีไม่พ้นธุรกิจด้านบันเทิง การจัดอีเวนต์ จัดคอนเสิร์ต และออร์แกไนซ์ ในการสร้างกิจกรรมใหม่ให้กับคนที่อยากหาประสบการณ์ใหม่ มีการจัดคอนเสิร์ตในร้านอาหารมากขึ้น ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้มีการสกรีนไปในตัวแล้ว จากความสามารถด้านกำลังซื้อที่พร้อมจะจ่ายเงิน

ส่วนเทรนด์อาชีพต่อไป อาจไม่เรียกเทรนด์อาชีพก็ได้ จากที่นักธุรกิจและคนไทยรู้สึกว่าต้องการที่ปรึกษา หรือโค้ชชิ่ง ให้คำแนะนำ แต่ปัจจุบันมีทั้งโค้ชจริงและโค้ชปลอม อย่างการสอนเทรดหุ้น หากเจอโค้ชดีก็ดีไป หากเจอไม่ดีก็รับผลกระทบ เป็นอาชีพที่เติบโตสูง อยู่บนพื้นฐานเส้นบางๆ ระหว่างถูกกับผิด บางคนทำตัวเป็นผู้เชี่ยวชาญ จนกลายเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นในขณะนี้ เพราะทุกคนเป็นอาจารย์หมด

เทรนด์อาชีพท้ายสุด เกี่ยวข้องด้านสัตว์เลี้ยงมาแรง เพราะปัจจุบันมีผู้เลี้ยงสุนัขประมาณ 8-10 ล้านตัว และโดยเฉพาะแมว 2 ล้านตัว เป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นมหาศาล มาจากช่วงโควิดทำให้คนเลี้ยงสัตว์มากขึ้น และคนอาศัยในคอนโดฯ ขี้เหงา นิยมเลี้ยงแมวมากขึ้น เพราะเลี้ยงง่ายกว่าสุนัข ส่งผลให้อาชีพสัตวแพทย์ การทำฟาร์มสัตว์ ขายอาหารสัตว์ คลินิกรักษาสัตว์ กำลังมาแรงมาก

...

คำเตือนเศรษฐกิจ ปี 67 ย่ำแย่ ต้องหาอาชีพเสริม

สุดท้ายอยากส่งเสียงสะท้อนให้คนระมัดระวังด้านเศรษฐกิจในปีหน้า อยู่ในสถานการณ์ไม่เอื้ออำนวยต่อการเติบโต และไม่เกี่ยวกับการทำงานของรัฐบาล แต่เกิดจากปัจจัยหลักที่หนีไม่พ้นจากการที่ดอกเบี้ยปรับสูงขึ้น ทำให้คนติดหลุม เพราะผ่อนบ้าน ผ่อนรถ นำไปสู่หนี้สาธารณะ และหนี้ครัวเรือน เพิ่มขึ้นมา 90% ของจีดีพี จากเดิม 50% จนคนไม่สามารถกู้หนี้เพิ่มขึ้นได้ และแบงก์ไม่ยอมปล่อยกู้

ขณะที่รายได้เกษตรกรก็ลดลง อย่างปี 2566 ขยายตัวติดลบติดต่อกัน 3 ไตรมาส ดัชนีรายได้เกษตรกร ติดลบ 1.9% ยกเว้นดัชนีผลผลิตที่เพิ่มขึ้น และเมื่อดอกเบี้ยแพง หนี้ครัวเรือนพุ่ง รายได้เกษตรกรลดลง ค่าแรงขั้นต่ำกำลังจะปรับขึ้น ก็จะเกิดเงินเฟ้อ ทำให้คนเดือดร้อน ส่วนดัชนีตลาดหลักทรัพย์ ก็ร่วงระเนระนาด ไทยตกต่ำมากสุดในอาเซียนทั้งหมด และภาพรวมของบริษัท ธุรกิจต่างๆ ไม่ได้ดีอย่างที่คิด อยากให้ประหยัด หรือใครมีภาระหนี้สิน ก็ต้องหาวิธีชำระหนี้ให้หมดเร็วที่สุด

“เป็นคำเตือน อาจรุนแรงอย่างที่ประเทศไทยไม่เคยรุนแรงมาก่อน นักท่องเที่ยวเข้ามาน้อย พึ่งไม่ได้เต็มที่ และส่งออกก็ติดลบ ฝากทุกคนให้ตระหนักแต่อย่าแพนิก อย่าตกใจ ขอให้เตรียมวางแผนให้พออยู่เพียงพอ และพอเพียง พยายามหารายได้หลายๆ ทาง อย่าก่อหนี้เพิ่ม ยิ่งดอกเบี้ยสูง จะกระทบกับรากหญ้า คนมีรายได้ไม่พอกินในยุคข้าวยากหมากแพง อย่างเดือนธันวานี้เห็นชัดมาก การจับจ่ายใช้สอยเงียบมาก เมื่อไม่มีนโยบายมากระตุ้น ก็ต้องประหยัดกันให้มาก”

ในการแก้หนี้นอกระบบของรัฐบาลเป็นเรื่องดี จะทำให้คนใช้สอยมากขึ้น จากเคยพึ่งพาการส่งออก ต้องสร้างของใหม่วางนโยบายแก้ราคาสินเกษตรตกต่ำ และสร้างคุณภาพสินค้าให้ดีขึ้น เปลี่ยนวิธีคิดให้มากขึ้น เปิดทางให้ต่างชาติเข้ามาถ่ายทอดเทคโนโลยี เพื่อดึงดูดอุตสาหกรรมใหม่ให้เข้ามาลงทุน ต้องมองแบบการตลาด และสิ่งที่บอกไปอย่าเพิ่งหมดหวัง ทุกอาชีพยังมีทางรอด แม้จะรู้ว่าเศรษฐกิจไม่ดี แต่อย่าตกใจ จะต้องเตรียมแผนรองรับ หาอาชีพใหม่เพิ่มขึ้น จะทำให้เรารอดได้.