สำรวจ 'ปากคลองตลาด' ช่วงไฮซีซั่น นักท่องเที่ยวกลับมา แต่เศรษฐกิจยังซบเซา ผู้ประกอบการเศร้า กำลังซื้อน้อย ชาวต่างชาติเผย ดอกไม้สวยถูกใจ แต่ "ไม่รู้จะซื้อไปทำอะไร"...
เดินทางมาถึง 'ไฮซีซั่น' หรือ 'ฤดูท่องเที่ยวไทย' อีกครั้ง ในช่วงเดือนพฤศจิกายน (จรดปลายเดือนเมษายน) พร้อมกับเทศกาลเลื่องชื่ออย่าง 'ลอยกระทง' สกู๊ปท่องเที่ยวไทยวันนี้ ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ จึงเลือก 'ปากคลองตลาด' สถานที่ติดลิสต์รายชื่อแหล่งท่องเที่ยวไทย ที่ชาวต่างชาติต้องมาเยือนสักครั้ง!
เราเดินทางสู่ตลาดดอกไม้เมื่อวันศุกร์ ก่อนลอยกระทงประมาณ 3 วัน เพื่อไปลัดเลาะสำรวจ พูดคุยกับผู้ประกอบการ ถึงเศรษฐกิจช่วงเริ่ม 'ไฮซีซั่น' นี้ ว่าเป็นอย่างไรบ้าง และดูกันว่า 'นักท่องเที่ยว' เริ่มเดินทางเข้าประเทศแล้วหรือยัง?
ก่อนถึง ปากคลองตลาด :
ก่อนจะถึง 'ปากคลองตลาด' ทีมข่าวฯ ได้แวะไปที่โฮสเทล ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตลาดมากนัก 'คุณนกุล พรวณิช' ผู้ประกอบการ AMA Hostel Bangkok เผยว่า ปีนี้นักท่องเที่ยวต่างชาติเริ่มกลับมาเข้าพักมากขึ้น และค่อนข้างเห็นได้ชัดเจน อาจจะเพราะเข้าสู่ไฮซีซั่นแล้ว
...
"ต่างชาติที่เข้ามาพักส่วนใหญ่ จะเป็นโซนยุโรปและอเมริกา ทางโฮสเทลของผมไม่มีคนจีนเข้ามาพัก ผมเดาว่าตอนนี้คนจีนค่อนข้างมีเงิน มีกำลังจ่ายสูง เขาจะไม่เลือกโฮสเทล แต่จะไปโรงแรมระดับ 4-5 ดาว เพราะอย่างที่บ้านมีค้าขายกับคนจีน เขาก็จะพัก เช่น Grand China Bangkok
ผมเป็นที่ปรึกษา (Consult) ให้กับโรงแรมแถวข้าวสารด้วย ต่างชาติที่พักบริเวณนั้นจะเป็นเกาหลี จีน ผมเห็น DATA ของเขา ดูแล้วก็เลยรู้ว่ามันไม่เหมือนของเราเลย
คนจีนไม่ได้เป็นสายเที่ยววัฒนธรรมสักเท่าไร กลุ่มเป้าหมายตอนตั้งโฮสเทล ผมมองถึงสายวัฒนธรรมโซนยุโรป ลูกค้าของผมส่วนใหญ่ก็เป็นช่างภาพที่มาถ่ายรูป เพื่อนำไปไว้ขายในเว็บขายรูป เช่น ShutterStock"
ทีมข่าวฯ สอบถาม 'คุณตูน' พนักงานของ AMA Hostel Bangkok ว่าปกติแล้ว ชาวต่างชาติเคยให้แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวหรือไม่ คุณตูนตอบว่า "เคย" เราจึงถามว่า เคยแนะนำที่ไหนไปบ้าง ซึ่งคำตอบของคุณตูนมี 'ปากคลองตลาด' อยู่ในนั้น
ปากคลองตลาด ถนนจักรเพชร :
พาคุณผู้อ่านแวะที่อื่นมาสักพัก จนอาจจะสงสัยว่า ทำไมต้องไปโฮสเทลด้วย? ก็เพราะว่า 'สถานที่พัก' ใกล้แหล่งที่เรามาเยือน เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่พอจะสะท้อนได้ว่า 'ชาวต่างชาติ' กลับมามาก-น้อยแค่ไหน
อย่างไรก็ดี… ตอนนี้เราเดินทางถึง 'ปากคลองตลาด' กันแล้ว!
...
เบื้องหน้าของทีมข่าวฯ ตลอด 2 ข้างทางเต็มไปด้วย 'ร้านดอกไม้' สีสันจากดอกไม้นานาพันธุ์เหล่านั้น สลับสับเปลี่ยนสร้างความสดใส ให้ตลาดแห่งนี้ดูมีชีวิตชีวาอย่างบอกไม่ถูก
จำนวนผู้คนเดินจับจ่ายกันพอสมควร แต่ไม่ได้มากจนรู้สึกแน่นขนัดตา ชาวต่างชาติมีให้เห็นเป็นบางช่วง และส่วนใหญ่จะมาเป็น 'กลุ่ม' พร้อมไกด์ถือธงเดินนำ
หากมองจำนวนคนทั้งหมดที่มาตลาดแบบ 'เผินๆ' ก็อาจจะพอคิดได้ว่า 'เศรษฐกิจดี' แต่ถ้าจะให้แน่ใจ เราก็ต้องเข้าไปคุยกับผู้ประกอบการให้รู้ความ!
ขายของไม่ดี เศรษฐกิจซบเซา :
เมื่อทีมข่าวฯ เดินเข้าไปแนะนำตัวที่ ร้านหมวยดอกไม้สด เพียงแค่เอ่ยว่าอยากจะพูดคุยด้วย ช่วงนี้เป็นอย่างไรบ้าง 'เจ๊อั้ง' เจ้าของร้าน ก็กล่าวขึ้นทันทีว่า "เศรษฐกิจไม่ดี ไม่ดีเลย เจ๊นั่งขายของอยู่หน้าร้าน เราเห็นหมดว่าอะไรเป็นยังไง ลอยกระทงปีนี้ก็เงียบ ขายของได้ไม่ดีสักเท่าไร ขายไปได้แค่ 2 ถึง 3 คน ก็ต้องกลับมานั่งกันอีกแล้ว"
เจ๊อั้ง กล่าวต่อด้วยสีหน้าที่ค่อนข้างเบื่อว่า ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรให้ขายของได้ดีขึ้น ทุกวันนี้ก็แย่กันทั้งหมด เราแย่ คนอื่นก็แย่ หวังว่าจะให้ขายดี ก็ยังไม่เห็นหนทางเท่าไร ก็ต้องประคับประคองกันไปเรื่อยๆ ถ้าไม่สู้เดี๋ยวจะล้ม
...
ฝั่งเดียวกัน ถัดจากเจ๊อั้งไม่ไกลนัก 'พี่นก' ที่กำลังจัดดอกไม้ตามออเดอร์ของลูกค้าอยู่ เธอเผยความรู้สึกถึงเศรษฐกิจที่ซบเซากับเราว่า รายได้ลดลงอย่างเห็นได้ชัด ทุกวันนี้ขายของแบบเดือนชนเดือน ให้พออยู่พอกินไปวันๆ ยังดีกว่าไม่ได้อะไรเลย ออเดอร์ที่เข้ามาก็น้อยลงอย่างเห็นได้ชัด จากเมื่อก่อนเคยดีๆ ตอนนี้ 'แย่'
"เงียบลงไปเยอะมากๆ เป็นแบบนี้มานานแล้ว คนมาซื้อดอกไม้ไปขายก็ยังมี แต่ไม่ได้มากเหมือนก่อนจะมีโควิด-19 ยกตัวอย่างง่ายๆ อย่างช่วงรับปริญญา ปกติแม่ค้าจะมาซื้อดอกกุหลาบกันไปเป็นลังๆ เลยนะ แต่ปีนี้ซื้อไปคนละกำ สองกำเอง จำนวนคนมาซื้อไปขายก็ลดลงด้วย" พี่นกกล่าว
ทีมข่าวฯ เดินข้ามถนนไปอีกฝั่ง ฝั่งนี้เต็มไปด้วยร้านขายพวงมาลัย รวมไปถึงดอกไม้สดของเมืองไทย เช่น ดอกดาวเรือง ดอกรัก ดอกมะลิ ใบตอง ฯลฯ ซึ่งหากมองรวมๆ แล้ว จะเห็นว่าค่อนข้างครึกครื้นกว่าอีกฝั่ง อาจจะเพราะเป็นช่วง 'ลอยกระทง' ด้วย
...
พื้นราบหน้าห้องแถว พวงมาลัยน้อย-ใหญ่ วางขายบนฝาลังโฟม มี 'พี่แสง' นั่งบนเก้าอี้ไม้เล็กๆ มือของเขากำลังร้อยเรียงดอกรัก สลับกับดอกบานไม่รู้โรย เพื่อทำเป็น 'อุบะ' เตรียมไว้ ก่อนจะประกอบเข้าเป็นพวงมาลัยช่อใหญ่สวยงาม
ระหว่างที่บรรจงรังสรรค์ผลงาน พี่แสงได้พูดคุยกับเรา พร้อมเล่าให้ฟังแบบเปิดใจว่า ช่วงนี้ขายไม่ค่อยดีสักเท่าไร แม้จะเป็นช่วงลอยกระทง ตอนค่ำๆ คนขายจะมาเยอะกว่านี้อีก เพราะเป็นช่วงเทศกาล ซึ่งใครๆ ก็อยากขายของ แต่ปัญหาอยู่ที่คนขายมีเยอะ แต่คนซื้อไม่มี
ยิ่งไปกว่านั้น ราคาดอกไม้ก็แพงขึ้น อย่าง 'ดอกมะลิ' น้ำหนัก 7 ขีด ราคา 700 บาท กิโลนึงก็เป็นพัน 'กล้วยไม้ม่วง' ก็เพิ่งขึ้นราคา เป็นกิโลกรัมละ 100 บาท
"ทุกอย่างมันแพงไปหมด ของขายยาก เราก็งงเหมือนกันนะว่าคนที่เคยซื้อของเขาหายไปไหนหมด ตอนนี้มันแย่ลงเรื่อยๆ เคยได้เต็ม 100 ตอนนี้ลดลงมาเหลือ 10 เราขายมาประมาณ 5-6 ปี แต่ก่อนมันดีกว่านี้มากๆ" พี่แสงกล่าว
ต่างชาติเริ่มกลับมามากขึ้น แต่ไม่ได้ซื้อของ :
ในขณะที่กำลังเดินสำรวจ ทีมข่าวฯ ก็ต้องสะดุดตาเข้ากับร้านพวงมาลัยแผงลอยร้านหนึ่ง เนื่องจากมีไกด์พาชาวต่างชาติแถบยุโรปไม่ต่ำกว่า 10 คนแวะชมร้านนี้ พร้อมอธิบายถึงเรื่องราวของ 'ดอกไม้ไทย' พร้อมกับหยิบพวงมาลัยช่อเล็กที่วางอยู่ แจกจ่ายให้ชาวต่างชาติแทบจะทุกคน
เมื่อกลุ่มพวกเขาเดินจากร้านไป เราจึงถือโอกาสนี้เข้าสอบถาม 'พี่เปิ้ล' ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่นี้ เธอเล่าว่า ช่วงนี้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ เริ่มเดินทางกลับมามากขึ้น แต่ก็แค่มาเดินชมดอกไม้ ไม่ได้มาซื้อ ฐานลูกค้าส่วนใหญ่ยังคงเป็นคนไทย
"ทัวร์ต่างชาติกลับมาก็จริงนะ แต่ก็แค่มาเดินดู อย่างที่เห็นเขาถือพวงมาลัยกันเมื่อกี้ ไกด์ซื้อแจก คนต่างชาติไม่ได้ซื้อเอง แต่ก็ไม่ได้แจกทุกคน อย่างที่ผ่านมาที่เคยเห็น ถ้าใครมาเป็นคู่ ไกด์ก็ซื้อแจกคนเดียว
ไม่ใช่ว่าไกด์ทุกคนจะซื้อของให้แขก บางคนก็ไม่ได้ซื้อให้ เพราะส่วนใหญ่แล้วจะพาต่างชาติมาเดินดูดอกไม้ พออธิบายเสร็จแล้วก็ไป เราขายตรงนี้มา 20 กว่าปี มันเป็นแบบนี้มาตั้งนานแล้ว"
คำบอกเล่าของ พี่เปิ้ล ค่อนข้างตรงและสอดคล้องกับคำบอกเล่าจากผู้ประกอบการคนอื่น ที่ทีมข่าวฯ ได้คุยมาก่อนหน้านี้
ในส่วนของ 'พี่แสง' บอกว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติมาเยอะมาก เยอะจริงๆ แต่มาก็ไม่ได้ซื้อของกัน มีไกด์มาแวะตรงที่เราขายประจำ เขาก็พูดแนะนำให้ชาวต่างชาติฟัง ส่วนใหญ่เป็นฝรั่ง ไม่ใช่คนจีน ช่วงนี้ไม่ค่อยมีคนจีนแล้ว
ระหว่างที่กำลังคุยเรื่องนี้กับพี่แสง เราก็พบเหตุการณ์จริงต่อหน้า คือ ไกด์พานักท่องเที่ยว 2 คน แวะหน้าร้านของพี่แสง พร้อมชี้มาที่เขาขณะที่กำลังร้อยพวงมาลัย ไกด์ยืนอธิบายอยู่ประมาณ 5 นาที ก่อนที่จะเดินจากตรงนั้นไป
ทางด้าน 'พี่บี' ซึ่งอยู่ร้านเดียวกับ 'พี่นก' ได้พูดถึงประเด็นนี้ไว้ว่า ชาวต่างชาติเริ่มกลับมาก็จริงแหละ แต่มาก็มาผ่านๆ ไม่ได้มาซื้อของกัน เขามาเดิน 'ฉาบฉวย' เฉยๆ มากันเป็นช่วงๆ ไกด์ก็เดินแนะนำไป ส่วนใหญ่ก็เป็นชาวยุโรป คนจีนน้อยมาก แทบจะไม่มีเลยด้วยซ้ำ
"ผมมองว่าทัวร์มาลงที่ปากคลองตลาดเยอะก็เท่านั้นนะ ไม่ค่อยมีผลกับพ่อค้าแม่ค้าสักเท่าไร อย่างลอยกระทงนี่ก็ไม่ได้เยอะ เขามาเดินดู ไม่ได้มาเดินซื้อ การมาของพวกเขา ทำให้เราเห็นว่ามาเยอะเฉยๆ"
คนไทยเข้าใจ ต่างชาติไม่ซื้อดอกไม้ :
อย่างไรก็ดี 'พี่แสง' ก็ยังกล่าวอย่างเข้าใจในเหตุที่ชาวต่างชาติไม่ได้ซื้อของว่า "ที่เขาไม่ซื้อ คงเพราะไม่รู้จะซื้อไปทำอะไร เขามาเที่ยว ไม่รู้จะแบกไปไหน ซื้อไปเดี๋ยวก็ทิ้ง คนไทยศาสนาพุทธ ยังซื้อไปไหว้พระ"
ส่วน 'คุณนกุล' ผู้ประกอบการ AMA Hostel Bangkok บอกว่า จริงๆ แล้ว 'ปากคลองตลาด' ก็ขึ้นชื่อ แต่ชาวต่างชาติจะเน้นไปเดินมากกว่าเลือกซื้อของ ดูนิดหน่อยก็กลับกันแล้ว ที่เคยเจอมา พวกเขาจะสนใจเยาวราช หรือสำเพ็งซะมากกว่า
"การเที่ยวของคนยุโรปไม่เหมือนคนไทย เราไปต่างจังหวัด หรือไม่ก็ต่างประเทศ ไปไม่นานก็กลับ แต่พวกเขามา มากันเป็นเดือน หรือมากกว่านั้น นี่อาจจะเป็นอีกเหตุผล ที่ทำให้เขาไม่รู้ว่าจะซื้อไปทำไม เพราะไม่กี่วันก็อาจจะเหี่ยวแล้ว"
ทางด้าน 'คุณตูน' พนักงาน AMA Hostel Bangkok บอกว่า จากที่สังเกตเห็น คนต่างชาติที่กลับมาจากปากคลองตลาด จะไม่ได้ซื้อดอกไม้กลับมา มักจะไปเดินดูบรรยากาศแล้วก็กลับ
"คิดว่า... เขาคงไม่รู้จะซื้อไปไว้ไหน อีกอย่างที่นั่นก็เหมาะกับการเดินเที่ยวมากกว่า ไม่ได้มีร้านอาหารมากมาย หรือจุดพักให้นักท่องเที่ยวนั่งด้วย อีกอย่างประเทศเราขึ้นชื่อเรื่องอาหาร เลยคิดว่าคนนิยมไปใช้เงินที่เยาวราชมากกว่า"
ชาวต่างชาติเผย ไม่รู้จะซื้อดอกไม้ไปทำอะไร :
เพื่อให้คนไทยและผู้ประกอบการเข้าใจ 'ชาวต่างชาติ' มากขึ้น ทีมข่าวฯ จึงเข้าสอบถามความคิดเห็นของนักท่องเที่ยว ถึงเหตุผลที่พวกเขาไม่เลือกซื้อดอกไม้จากปากคลองตลาด ทำให้ได้ข้อสรุปสั้นๆ อย่างเข้าใจง่ายว่า "ไม่รู้จะซื้อดอกไม้ไปทำอะไร"
หนุ่มจากประเทศสวีเดน นามว่า 'Gustab' แสดงความคิดเห็นว่า ที่นี่อาจจะไม่ใช่แหล่งท่องเที่ยวไปซะทีเดียว มันเป็นตลาดที่เหมาะกับการมาเลือกซื้อของมากกว่า แต่ผมในฐานะนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ คงไม่ได้ซื้อดอกไม้กลับไป เพราะมีสถานที่อื่นต้องไปต่อ ถ้าซื้อแล้วไม่นานก็คงเหี่ยว บ้านเราไม่ได้อยู่ที่ประเทศไทย จะซื้อกลับไปบ้านก็ไม่ได้
คู่รัก 'Nico' และ 'Douga' จากปารีส เมืองหลวงแห่งฝรั่งเศส เดินมาจากวัดโพธิ์ที่อยู่ไม่ไกลมากนัก พวกเขาเดินปากคลองตลาดได้สักพัก Douga บอกว่า ที่ไม่ได้ซื้อดอกไม้ เพราะ "ไม่รู้จะซื้อไปทำอะไร" จึงเลือกเดินชมบรรยากาศมากกว่า
"หากตลาดแห่งนี้อยู่ใกล้บ้าน ฉันอาจจะซื้อพวกมันกลับก็ได้ แต่นี่เราไม่สามารถนำกลับประเทศได้ จึงไม่ได้อุดหนุน" Douga กล่าว
ทางด้าน 'Teea' สาวจากฟินแลนด์ เธอคิดว่าอาจจะเป็นเรื่องยาก ที่จะให้ชาวต่างชาติซื้อดอกไม้ ยกตัวอย่างเช่นตัวเธอเอง เธอจะเที่ยวที่กรุงเทพฯ เพียง 3 วัน ก่อนจะไปต่อที่จังหวัดอื่น เธอจึงไม่รู้ว่าตนเองจะซื้อดอกไม้ไปทำอะไร หรือไปให้ใคร
"ดอกไม้ในตลาดนี้สวยมากนะ ราคาก็ไม่แพงด้วย แต่ฉันคิดว่าหลายๆ คนอาจจะรู้สึกเหมือนกัน คือไม่รู้จะซื้อพวกมันไปทำไม หลายประเทศก็มีกฎหมายห้ามนำพันธุ์ไม้ต่างถิ่นเข้าประเทศ ดังนั้น จะซื้อกลับก็คงไม่ได้อีก"
คำชื่นชม และข้อเสนอแนะจากชาวต่างชาติ :
แม้ว่า 'Gustab' จะไม่ได้เลือกซื้อดอกไม้ติดไม้ติดมือกลับไป แต่เขาก็กล่าวชื่นชมปากคลองตลาดไว้ว่า เป็นสถานที่ใจกลางเมืองที่น่าสนใจ การร้อยพวงมาลัยที่เขาได้เห็น ถือว่าเป็นศิลปะไทยที่สวยงามมาก ผสมผสานศิลปะและความเป็นไทยได้อย่างลงตัว หากในอนาคตมีโอกาส เขาจะพาครอบครัวมาเที่ยวอย่างแน่นอน
"สิ่งที่ผมอยากเสนอเพิ่มเติม คือ อยากให้มีที่นั่งพักสำหรับนักท่องเที่ยว เพราะบริเวณนี้หาที่นั่งพักสาธารณะยากมาก มีร้านคาเฟ่อยู่ไม่กี่แห่ง ซึ่งบางทีเราต้องการนั่งพัก แต่ไม่ได้ต้องการเข้าไปซื้อของ ถ้าปรับตรงนี้ได้ก็จะดีมากเลย"
"มันคุ้มค่าที่จะมาเยือนสักครั้ง" คำชมจากปากของ 'Douga' เธอรู้สึกว่าการได้มาเดินที่ปากคลองตลาด ทำให้เธอตกหลุมรักดอกไม้ สีสันของพวกมันสร้างความสดชื่น และความประทับใจให้กับเธอ
"มันเป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมมาก พวกเราได้เห็นดอกไม้ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน บางชนิดให้กลิ่นหอมมาก ทำให้เราอยากจะเอากลับไปด้วย แต่ก็ทำไม่ได้"
ส่วน 'Teea' บอกว่า ที่นี่เป็นสถานที่ที่รวมความแตกต่างเอาไว้อย่างสวยงาม ด้านหนึ่งของถนนจะพบกับดอกไม้ประจำถิ่น แปลกตา สวยงาม บางชนิดไม่เคยเห็นมาก่อน ซึ่งดอกไม้ส่วนใหญ่มีจุดประสงค์เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนา แต่หากมาที่อีกฝั่งของถนน จะพบกับดอกไม้จากหลายแห่งทั่วโลก
"ฉันไม่แน่ใจว่ามีร้าน หรือพื้นที่ให้ชาวต่างชาติ ลองทำงานฝีมือเกี่ยวกับดอกไม้ไหม เช่น ร้อยพวงมาลัย แต่ถ้าตอนนี้ยังไม่มี และในอนาคตสามารถจัดกิจกรรม ให้ชาวต่างชาติได้เรียนรู้วัฒนธรรมเหล่านี้ น่าจะดึงดูดความสนใจได้มากขึ้น และพวกเขาอาจจะยอมจ่ายเงิน เพื่อซื้อของที่ตัวเองทำ นี่น่าจะเป็นอีกวิธีที่สร้างรายได้ให้กับคนไทยด้วย"
ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน
ภาพ : วัชรชัย คล้ายพงษ์ #ThairathPhoto
อ่านบทความที่น่าสนใจ :