เที่ยว 'ตลาดน้ำดำเนินสะดวก' และมุมสะท้อนจากชาวต่างชาติ ที่รู้สึก 'ไม่สะดวก' ดั่งชื่อ...

การมุ่งหวังที่จะสะท้อนความคิดเห็น ปัญหา และมุมมองจากผู้เกี่ยวข้อง เพื่อสร้าง 'ความยั่งยืนของการท่องเที่ยวไทย' ทำให้วันนี้ ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ เลือก 'ตลาดน้ำดำเนินสะดวก' แหล่งท่องเที่ยวอันเลื่องชื่อของ จ.ราชบุรี เป็นจุดหมายปลายทาง!

เบื้องหน้าของ ทีมข่าวฯ เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวจากเอเชียและยุโรป เสียงเรียกเชิญซื้อของจากพ่อค้าแม่ขายปะปนกันไปหมด ความวุ่นวายเหล่านี้เกิดขึ้นทั้งบนบกและในน้ำ ที่ต่างก็มีพื้นที่ไม่มากนัก 

แม้จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาไม่ขาดสาย แต่ชาวบ้านส่วนใหญ่กลับมองว่า ยังไม่มากเท่ากับช่วงก่อนการแพร่ระบาดของ โควิด-19 

'ป้าณี' หนึ่งในแม่ค้าที่เลิกขายของ เพราะพิษของโควิด เล่าว่า ก่อนโควิดตนเคยขายน้ำมะพร้าวได้วันละเกือบร้อยลูก ทำให้มีเงินพอที่จะจ่ายค่าต้นทุนในแต่ละวัน แต่เมื่อตลาดกลับมาเปิดหลังจากสถานการณ์คลี่คลายลง เธอก็ขายได้ไม่ถึงวันละ 20 ลูก หรือบางวันได้ไม่ถึง 10 ลูกด้วยซ้ำ ทำให้ต้องตัดสินใจลาขาดจากการเป็นแม่ค้า เพราะฝืนไปก็ไม่ได้กำไรพอดำรงชีวิต

...

ความสะอาดของคลอง :

ขึ้นชื่อว่าตลาดน้ำ 'น้ำ' ถือเป็นหนึ่งปัจจัยหลักของการท่องเที่ยว แต่วันที่ทีมข่าวฯ ไปเยือน น้ำของตลาดแห่งนี้ค่อนข้างดำ มีผักตบชวา และขยะลอยให้เห็นบางจุด แม้บางช่วงจะมีเรือแน่นคลอง แต่ก็ไม่สามารถบดบังสิ่งเหล่านั้นได้หมด ซึ่งนี่น่าจะเป็นอีกสิ่งที่ทำให้ตลาดน้ำสูญเสียทัศนียภาพ

จากการสอบถามผู้เดินเรือและแม่ค้า ถึงสาเหตุที่น้ำดำเช่นนี้ ได้รับคำตอบว่า เนื่องจากฝนที่ตกลงมา ทำให้ปริมาณน้ำเพิ่มขึ้น และไปรวมตัวกับน้ำเสียตามพื้นที่เกษตรกรรมริมคลอง ทำให้น้ำที่เคยใสดูเสียไปหมด ส่วนผักตบชวาและขยะที่ลอยไปมา ชาวบ้านบอกว่า บางวันจะมีเจ้าหน้าที่ของเทศบาลพายเรือคอยเก็บให้

อีกอย่างที่ทีมข่าวฯ เห็น และรู้สึกว่าน่าจะส่งผลไม่ดีต่อดำเนินสะดวก เห็นจะเป็นผลจากกิจการริมน้ำของชาวบ้านบางคน เช่น การเทน้ำล้างของ หรือการทิ้งเศษอาหารลงคลอง แม้จะเป็นส่วนเล็กๆ แต่ก็ถือเป็นส่วนหนึ่งที่ส่งผลไม่ดีสักเท่าไร หากชาวบ้านที่กระทำการเช่นนี้อยู่ ลด ละ เลิก ได้ อย่างน้อยก็อาจจะช่วยให้ภาพคลองน่ามองมากขึ้น

ถึงเนื้อถึงตัวนักท่องเที่ยว :

ขณะที่ทีมข่าวฯ กำลังเดินสำรวจต้นตลาด ท่ามกลางนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่เดินหลั่งไหลเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย ได้เห็นนักท่องเที่ยวชายหญิงคู่หนึ่งต้องหยุดชะงัก เพราะแม่ค้าแบกตะกร้าขายของเข้าชาร์จแบบกะทันหัน 

...

แม่ค้าจับตัวสาวต่างชาติพร้อมหยิบยาหม่องขึ้นมาถูที่แขนและขมับ ประมาณว่าให้ลองใช้ผลิตภัณฑ์ตัวนี้ เธอได้แต่ยืนยิ้มไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบแม่ค้า ส่วนชายหนุ่มที่มาด้วยก็ยืนดูการกระทำนั้นแบบงงๆ

หลังจากทั้งคู่ปลีกตัวออกได้ ทีมข่าวฯ เข้าไปสอบถาม 'Alis' ถึงเหตุการณ์เมื่อสักครู่นี้ เธอยอมรับว่าค่อนข้างตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น เนื่องจากไม่เคยเจอการกระทำลักษณะนี้ที่แคลิฟอร์เนีย ยังดีที่คนเข้าหาเธอเป็นผู้หญิง ไม่อย่างนั้นเธอคงสลัดตัวออกแล้ว ด้าน 'Bryant' แฟนหนุ่ม รู้สึกตกใจเช่นกัน ถึงจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำสักเท่าไร…

การกระทำที่เข้าถึงตัวชาวต่างชาติ ไม่ได้เกิดขึ้นแค่กับ Alis แต่จากการสังเกตพบว่ามีสถานการณ์ลักษณะคล้ายกันเกิดขึ้นกับคนอื่นๆ อีกด้วย

ช่วงที่เรือของนักท่องเที่ยวต่างชาติกำลังค่อยๆ เคลื่อนตัว ร้านริมน้ำบางร้าน จะหยิบไม้ขึ้นมาเกี่ยวเรือดึงเข้าหาร้าน พร้อมทั้งพยายามขายสินค้าของเขา ซึ่งส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวจะปฏิเสธการซื้อจากการขายลักษณะนั้น

...

อันตรายจากเรือยนต์ :

คลองดำเนินสะดวกแห่งนี้ ไม่ได้มีเพียงเรือพายเท่านั้น แต่ยังมีเรือยนต์ที่พานักท่องเที่ยวนั่งชมตลาดน้ำอีกด้วย ซึ่งเรือยนต์เหล่านั้น มาทั้งจากท่าเรือในพื้นที่และนอกพื้นที่ 

ประมาณเวลา 10.00 น. จากคลองที่มีเรือพายขายของไม่มากนัก ก็มีเรือยนต์พานักท่องเที่ยวเข้ามาในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เพียงไม่กี่นาทีหลังจากนั้น บนน้ำก็แน่นขนัดไปด้วยเรือ

...

แม้จะดูเป็นสิ่งที่ทำให้ตลาดมีชีวิตชีวา แต่สิ่งที่ตามมา คือ เสียงเครื่องยนต์ที่ค่อนข้างดัง เมื่อหลายลำรวมกัน ความดังจึงเกิดขึ้นให้เห็นจนเป็น 'ปกติ' นอกจากนั้นยังมีควันที่ส่งกลิ่นเหม็นถูกปล่อยออกมาอีกด้วย

ความดัง และกลิ่นควัน ชัดเจนมากยิ่งขึ้น เมื่อทีมข่าวฯ ตัดสินใจนั่งเรือชมตลาด เรือของเราเบียดเข้ากับเรือท่องเที่ยวอื่นเป็นระยะ ทำให้ความดังที่กล่าวถึงชัดยิ่งขึ้นไปอีก นอกจากนั้นพวกเรา ยังได้สูดดมควันบ่อยครั้งแบบเลี่ยงไม่ได้

อีกสิ่งที่ค่อนข้างอันตรายจากเรือยนต์ คือ 'หางเสือและใบพัด' ด้วยลักษณะที่ค่อนข้างยาว และใช้พื้นที่พอสมควรเมื่อโผล่พ้นน้ำ จนเกือบจะฟาดเรือของทีมข่าวฯ ด้วยครั้งหนึ่ง 

ทีมข่าวฯ รู้สึกว่าสิ่งนี้ต้องระวังให้ดี เพราะแม้คนขับเรือจะชำนาญในการบังคับหางเสือมากแค่ไหน แต่อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้เสมอ ใบพัดนั้นอาจจะไปโดนนักท่องเที่ยวบนเรือลำอื่นก็เป็นได้ 

เรื่องใบพัด กลิ่นควัน และเสียงดัง ดูจะสร้างความ 'ไม่ประทับใจ' ให้กับนักท่องเที่ยว จากอังกฤษอย่าง 'Dan' และ 'Rosie' เท่าไรนัก ทั้งสองคนรู้สึกว่ามันสร้างบรรยากาศที่ไม่ค่อยดีให้ตลาดแห่งนี้สักเท่าไร การใช้เรือพายอาจจะทำให้มีเสน่ห์และสร้างประสบการณ์นั่งเรือที่ดีกว่า และ Rosie ยังเล่าว่าขณะที่นั่งเรืออยู่ ใบพัดจากเรือลำข้างๆ เข้าใกล้เรือลำของเธอ จนทำให้รู้สึกไม่สบายใจ เกรงว่าจะเกิดอันตรายขึ้นได้ 

ทางด้าน 'Jack' ที่มาด้วยกัน เห็นด้วยกับความคิดของทั้งคู่ แต่ก็เข้าใจว่านี่เป็นการท่องเที่ยว อย่างไรก็ตามหากจัดระเบียบการเดินเรือให้ดีขึ้น ก็น่าจะทำให้บรรยากาศน่าชมมากขึ้น 

นอกจากนั้น หลายครั้งเรือยนต์ที่สัญจรบนผิวน้ำ มักจะไปเบียดเข้ากับเรือพายขายของของชาวบ้าน ซึ่งอาจทำให้เกิดอันตรายขึ้นได้ ชาวบ้านต้องคอยใช้มือดันเรือให้ห่างออกจากกัน ซึ่งเหตุการณ์แบบนี้ก็เกิดขึ้นจากเรือที่ทีมข่าวฯ นั่งด้วยเช่นกัน เพราะหลังจากออกตัวได้ไม่นาน เรือของเราก็เบียดกับเรือของแม่ค้าขายผลไม้ จนเรือของเธอโคลงเคลงเกือบเสียการทรงตัว กระทั่งแม่ค้าต้องตะโกนให้เบี่ยงตัวเรือออกไป

จากคำบอกเล่าของ พี่อ้อ เจ้าของท่าเรือเจริญสุขโข ทำให้ทีมข่าวฯ ทราบว่าในอดีตนั้นเรือยนต์ไม่สามารถเข้ามาในพื้นที่นี้ได้ จนมีการปรับเปลี่ยนให้เข้ามาได้หลังจาก 11.00 น. กระทั่งปัจจุบันที่ข้อกำหนดในอดีตเริ่มจางหายไป ทำให้เรือยนต์สามารถสัญจรเข้ามาได้ตลอด  

ราคาแพง? :

ขณะที่ทีมข่าวฯ กำลังนั่งเรือล่องไปตามคลอง ได้ยินเสียงการต่อราคาระหว่างนักท่องเที่ยวกับแม่ค้าร้านขายของฝากเกิดขึ้น เราไม่ทราบแน่ชัดว่าของที่ชาวต่างชาติถูกเสนอขายนั้นคืออะไร แต่เมื่อแม่ค้ากดเครื่องคิดเลขยื่นให้สาวชาวต่างชาติที่นั่งอยู่หน้าสุดของเรือ เธอกล่าวว่า "500 Baht, It’s expensive." น้ำเสียงและสีหน้าที่เราเห็น ให้ความรู้สึกประมาณว่า "500 บาท เหรอ มันแพงนะ!"

หลังจากขึ้นท่าเรียบร้อย ทีมข่าวฯ ได้ลองสอบถามเรื่องราคาสินค้ากับชาวต่างชาติคนอื่นๆ พบว่า เรื่องราคาอาหารและเครื่องดื่ม อยู่ในราคาที่โอเคและไม่แพง ส่วนของฝากราคาค่อนข้างสูง บางชิ้นอยู่ที่ประมาณ 300-500 บาท ส่วนบางอย่างอาจจะหนัก ชิ้นใหญ่ หรือไม่รู้จะนำไปใช้อะไร ทำให้ไม่สะดวกต่อการเดินทาง พวกเขาจึงไม่นิยมซื้อ แต่ถ้าเลือกซื้อ ก็อาจจะเป็นพัดหรือของชิ้นเล็กๆ 

ตัวอย่างของราคาสินค้าและเครื่องดื่มภายในตลาด เช่น น้ำเปล่า 10 บาท, ก๋วยเตี๋ยว 30 บาท, ข้าวแห้ง 40 บาท พิเศษ 50 บาท, ไอศกรีมกะทิใส่ลูกมะพร้าว ลูกละ 50-60 บาท ซึ่งถือว่าเป็นราคาปกติ ที่สามารถพบเห็นได้ทั่วไป ส่วนราคาของฝากจะอยู่ที่ประมาณ 100-500 บาท แล้วแต่สินค้า จากความคิดเห็นของทีมข่าวฯ คาดว่าของฝากบางชิ้นเป็นงานหัตถกรรม จึงมีราคาที่ค่อนข้างสูง

การแก้ไขปัญหาเบื้องต้น :

'นางปาลิกา อภิโชครุ่งเรือง' นายกเทศมนตรี เทศบาลตำบลดำเนินสะดวก รับทราบถึงปัญหาข้างต้นเรียบร้อย ที่ผ่านมาทางเทศบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พยายามเข้าไปมีส่วนร่วม ให้ความรู้ และประสานงานเพื่อแก้ไขปัญหาเบื้องต้นบ้างแล้ว แต่ปัญหาก็ยังไม่ได้หมดไป คุณปาลิกากล่าวระบุในทุกปัญหาที่สนทนากับทีมข่าวฯ ว่า "อาจจะต้องให้เวลาชาวบ้านหน่อย"

การกระทำกิจกรรมที่อาจส่งผลต่อความสะอาดของคลอง คุณปาลิกามองว่า "เกิดจากความเคยชิน" ของชาวบ้าน ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาทำความเข้าใจ และปรับปรุงพฤติกรรม 

เรื่องการถึงเนื้อถึงตัวกับชาวต่างชาติ เทศบาลเคยได้รับแจ้งเช่นกัน และเคยประสานงานกับกรมการท่องเที่ยว เพื่อลงพื้นที่ให้ความรู้กับผู้ค้า ถึงการกระทำที่ควรและไม่ควรแล้ว แต่ก็ยอมรับว่า บางครั้งอาจจะมีเหตุการณ์ที่เล็ดลอดสายตาไปได้ จึงทำให้ปัญหาเหล่านี้ยังคงมีอยู่ 

สาเหตุหลักของการกระทำลักษณะนี้ คาดว่าเกิดจากความต้องการขายสินค้าของชาวบ้าน ซึ่งในส่วนของราคาสินค้าและบริการ ที่นักท่องเที่ยวมองว่า 'แพง' ทางพาณิชย์จังหวัด ก็เคยได้ลงมาร่วมดูแลและพูดคุย แต่ก็ยังแก้ปัญหาไม่ได้ทั้งหมด

ในส่วนของอันตรายจากเรือยนต์ เทศบาลและกรมเจ้าท่า เคยเรียกประชุมผู้ประกอบการ ทั้งยังได้พูดคุยและให้ความรู้ รวมถึงแจ้งให้ระมัดระวังถึงการเดินเรือ และอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้

คุณปาลิกา ระบุว่า เทศบาลไม่มีอำนาจในการดำเนินคดี บางเรื่องอาจจะต้องขึ้นอยู่กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมเจ้าท่า, ตำรวจท่องเที่ยว ฯลฯ แต่ทางเทศบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ ตอนนี้ทำการติดกล้องวงจรปิดทั่วตลาดน้ำ หากได้รับการร้องทุกข์ ก็จะใช้ภาพจากกล้องวงจรปิดเป็นหลักฐานประกอบคำร้องนั้น

"อยากจะเชิญชวนให้นักท่องเที่ยว มาเที่ยวตลาดน้ำดำเนินสะดวกให้เยอะๆ เหมือนแต่ก่อน ส่วนปัญหาที่ท่านอาจพบ แม้เราจะไม่มีหน้าที่ดำเนินคดี แต่หากมีปัญหาสามารถติดต่อได้ที่เทศบาลดำเนินสะดวกค่ะ"

ติดต่อเทศบาลตำบลดำเนินสะดวก โทร. 0 3225 4976 

ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน

ภาพ : ศรันย์ พงษ์สวัสดิ์ #ThairathPhoto

อ่านบทความที่น่าสนใจ :