การบุกค้นบ้านบิ๊กโจ๊ก รุ่งเช้าวันนี้ (25 ก.ย.66) ตามหมายศาลเพื่อค้นหาบุคคลที่มีความเชื่อมโยงกับเว็บพนันออนไลน์ แต่เมื่อทำการค้นไม่เจอสิ่งผิดปกติ หลังจากนั้น บิ๊กโจ๊ก ออกมายืนยันว่า การบุกค้นบ้านเป็นการดิสเครดิตความน่าเชื่อถือ มีการทำงานเป็นขบวนการ เกี่ยวโยงกับการเมืองในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ด้านนักวิชาการมอง วงการตำรวจ มีการเมืองที่เกี่ยวโยงกับการแต่งตั้ง ผบ.ตร.คนใหม่ นายกฯ ควรเข้ามาจัดการ ไม่ให้เกิดปัญหาบานปลาย

เวลา 06.00 น. วันที่ 25 ก.ย. ตำรวจนำกำลังพร้อมอาวุธครบมือ เข้าตรวจค้นบ้านพักของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. หรือบิ๊กโจ๊ก ภายในหมู่บ้านแห่งหนึ่งหลังสโมสรตำรวจ ซอยวิภาวดีรังสิต 60 แขวงตลาดบางเขน เขตหลักสี่ กทม. สำหรับการตรวจค้นครั้งนี้ ทางตำรวจมีข้อมูลพบความเชื่อมโยงกลุ่มพนันออนไลน์

จากกระแสข่าวที่ลูกน้องคนสนิทบิ๊กโจ๊ก ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเว็บพนัน และมีชาวโซเชียลขุดรูปงานเลี้ยงที่มีหญิงรายหนึ่งถูกกล่าวหากรณีทำผิดเว็บพนัน มาในงานเลี้ยงเดียวกับบิ๊กโจ๊ก ช่วงเที่ยงวันเดียวกัน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. หรือบิ๊กโจ๊ก ออกมาชี้แจงว่า ในหมายค้นไม่มีชื่อตน ดังนั้นการขอหมายค้นโดยหลอกศาล เป็นความไม่สุจริต โดยในหมายมีการบอกแค่เลขที่บ้าน แต่การค้นไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย ต่อจากนี้จะไล่ดำเนินคดีทั้งหมด ส่วนตำรวจที่ถูกออกหมายจับ เป็นลูกน้อง ต้องมีการตรวจพิสูจน์ หากกระทำผิดจริงต้องดำเนินคดี

...

"ต้องยอมรับว่า มีการเมืองใน ตร. แต่การขอหมายค้นรอบนี้ เป็นการขอหมายค้นที่ไม่ปกติ คนที่ขอหมายศาลไม่บอกศาลว่าเป็นบ้านผม แสดงถึงความไม่โปร่งใส ศาลเองก็ไม่รู้ว่าเป็นบ้านผม ตอนนี้ยังหาคนสั่งหมายค้นไม่ได้ ส่วนประเด็นการเมืองใน ตร. ยังไม่ขอระบุ เพราะที่ผ่านมาทำคดีเยอะ จึงต้องรับแรงกดดันแบบนี้

สำหรับคนที่ค้นบ้านผมโดยมิชอบก็ต้องต่อสู้กันต่อไป ถือเป็นการดิสเครดิตทำให้ผมเสียชื่อ โดยเรื่องลักษณะนี้เจอมาเยอะแล้ว และจะไม่มีการเอาคืนทั้งสิ้น อันไหนทำถูกก็ต้องดำเนินการต่อ แต่ถ้าทำไม่ถูกก็ต้องดำเนินการทางคดี การค้นบ้านผมก็ต้องการให้ผมเสียเครดิต จากการมีภาพปรากฏว่าไปกินเลี้ยงกับเจ้าของเว็บพนัน โดยวันดังกล่าวเป็นงานเลี้ยงลูกน้อง โดยหญิงคนดังกล่าวผมไม่รู้จัก ไม่มีการเชื่อมโยงกัน ถ้าลูกน้องทำไม่ดีก็ต้องไปดำเนินคดี

จากเหตุนี้ ไม่มีผลกระทบต่อการทำงานด้านคดีที่มีอยู่ ตราบใดก็ตามที่ศาลยังไม่พิพากษาถือเป็นผู้บริสุทธิ์ ลูกน้องต้องพิสูจน์ตัวเองให้ได้ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับตัวผม ซึ่งการทำครั้งนี้มีการตระเตรียมการไว้ก่อนแล้ว แต่ต้องตั้งหลักอยู่ในความเป็นธรรม ไม่หวั่นไหว"

ศึกดิสเครดิต บิ๊กโจ๊ก ทำคดีต่อมีสะดุด

แม้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. หรือ บิ๊กโจ๊ก ออกมายืนยันว่า เหตุการณ์นี้ไม่น่าเกี่ยวกับการแต่งตั้ง ผบ.ตร.คนใหม่ แต่ในมุมของ รศ.พ.ต.ท.ดร.กฤษณพงค์ พูตระกูล ผู้ช่วยอธิการบดี และประธานกรรมการคณะอาชญาวิทยา มหาวิทยาลัยรังสิต ต้องข้อสังเกตกับทีมข่าวเจาะประเด็น ไทยรัฐออนไลน์ ว่า การเมืองในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ย่อมมีเป็นเรื่องปกติที่มีทุกหน่วยงาน สิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้คือ บิ๊กโจ๊ก มีชื่อในแคนดิเดตชิงเก้าอี้ ผบ.ตร.คนใหม่ จึงทำให้สังคมตั้งคำถามค่อนข้างมาก

“ในกระบวนการตรวจสอบลูกน้องบิ๊กโจ๊ก ควรมีการสร้างความชัดเจนโปร่งใส มีการตรวจสอบนายตำรวจระดับสูงคนอื่นด้วย เพราะการปัดกวาดบ้านให้สะอาด ไม่ควรทำแค่ห้องเดียว ควรทำทั้งบ้าน รัฐบาลควรทำทุกอย่างให้โปร่งใสตรวจสอบได้ การออกหมายจับลูกน้องคนสนิทบิ๊กโจ๊ก ที่อาจกำลังทำคดีสำคัญ มีผลทำให้คดีนั้นสะดุดได้ แม้ได้รับการประกันตัว แต่จะไม่ได้รับมอบหมายให้ทำคดีสำคัญนั้นต่อ”

ภาพการบุกค้นบ้าน บิ๊กโจ๊ก ส่งผลต่อความน่าเชื่อถือ แต่อยากให้เชื่อมั่นว่า ถ้ามีการทำงานที่โปร่งใส ก็ไม่ต้องกลัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เส้นทาง บิ๊กโจ๊ก หลังมีการบุกค้นบ้าน จะส่งผลต่อภาพลักษณ์ เพราะท่านเป็นนายตำรวจระดับสูง ประกอบกับจะมีการแต่งตั้ง ผบ.ตร.คนใหม่ ในอาทิตย์นี้ ส่งผลต่อเส้นทางของท่านได้ทั้งทางตรง และทางอ้อมต่อจากนี้

...

“ความขัดแย้งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ คนที่ควรเข้ามาแก้ไขคือ นายกรัฐมนตรี ที่เป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรง เพราะหากให้ ผบ.ตร.ที่กำลังใกล้จะเกษียณอายุ การแก้ปัญหาก็จะไม่ประสบความสำเร็จในระยะยาว โดยนายกฯ ต้องเข้ามาบัญชาการให้มีการตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมา และต้องมีหน่วยงานอื่นเข้ามาร่วมตรวจสอบด้วย เพื่อสร้างความเป็นธรรมให้กับทุกฝ่าย”.