พาเที่ยวอันซีนสมุทรสงคราม 'ตลาดร่มหุบ' แหล่งขายของสุดหวาดเสียวริมรางรถไฟสถานีแม่กลอง และความหวังต่อการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว ที่ผู้ค้ารอคอย...
ไทยแลนด์ดินแดนอะเมซิ่ง ยังมีแหล่งท่องเที่ยวมากมายให้คุณได้เยี่ยมชม หนึ่งในนั้น คือ 'ตลาดร่มหุบ' หรือ 'ตลาดแม่กลอง' เสน่ห์สุดอันซีนแห่งเมืองแม่กลอง จังหวัดสมุทรสงคราม หรือที่ชาวบ้านชอบเรียกกันว่า 'ตลาดเสี่ยงตาย'
ที่มีชื่อน่ากลัวแบบนั้น เพราะว่าตลาดตั้งติดกับรางรถไฟสถานีแม่กลอง และจะมีรถไฟวิ่งผ่านกลางตลาด เมื่อรถไฟขับผ่านพ่อค้าแม่ค้าจะต้องหุบร่มและกันสาด รวมทั้งหยิบของหลบเพื่อให้รถไฟสามารถขับผ่านไปได้ และพอรถไฟผ่านไปแล้ว ก็สามารถกางร่มเพื่อขายของต่อได้เหมือนเดิม ซึ่งความหวาดเสียวและน่าตื่นตานี้เอง ที่สามารถดึงดูดชาวต่างชาติและนักท่องเที่ยวให้มาเยือนได้
ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ ได้เดินทางสู่ตลาดแห่งนี้ เพื่อไปเยี่ยมชมอันซีนเลื่องชื่อแห่งแม่กลอง ถึงจะรู้มาก่อนว่าตลาดร่มหุบ มีชาวบ้านตั้งร้านขายของ ติดกับรางรถไฟ แต่เมื่อเดินทางไปถึงต้องก็รู้สึกตะลึงกับสถานที่มากกว่าที่เคยเห็นในรูปถ่าย เพราะของที่วางขายใกล้รางรถไฟจนเกือบจะไปวางอยู่บนราง ตลอดระยะทางประมาณ 100 เมตร ตามแนวยาว 2 ฝั่ง ของรางรถไฟสาย บ้านแหลม-แม่กลอง
...
ทีมข่าวฯ คิดว่า หากไปยืนตรงจุดดังกล่าว ขณะที่มีรถไฟวิ่งผ่าน น่าจะได้แนบใกล้ไหล่ชิดกับขบวน จนรู้สึกร่างกายกำลังจะเป็นส่วนหนึ่งของมัน หากมองแบบผ่านๆ นี่คงเป็นความหวาดเสียว ที่สามารถดึงดูดชาวต่างชาติและนักท่องเที่ยวให้มาเยือนได้ แต่หากลองมองให้ลึกกว่านั้น กลับมีคำถามขึ้นมาในหัวว่า "มันปลอดภัยจริงหรือ"
ความปลอยภัยที่ (ไม่) น่ากังวล :
ช่วงที่เราไปถึงเป็นเวลาประมาณ 09.30 น. ซึ่งจะทันรถไฟรอบ 11.10 น. ระหว่างที่รอรถไฟขับผ่าน เราจึงเดินเข้าไปพูดคุยกับพ่อค้าแม่ขายภายในตลาด เพื่อสอบถามถึงความคิดเห็น ที่มีต่อ 'ความปลอดภัย' ของตลาดแห่งนี้
"ที่ผ่านมาไม่ค่อยมีอุบัติเหตุ รถไฟไม่ได้มาเร็ว เขามีสัญญาณแจ้งเตือนก่อน พอมาถึงก็จะบีบแตร เต็มที่นักท่องเที่ยวอาจจะทะเล้นหน่อย ออกไปถ่ายรูปตอนรถไฟมา เราก็อยากให้เขาเข้าใจกฎระเบียบหน่อย เข้าใจว่าทุกคนมาเที่ยวกัน แต่ชาวบ้านเขาเป็นห่วง
ส่วนมากจะมีรถไฟกำลังมา จู่ๆ กระโดดขวางรถไฟเพื่อไปถ่ายรูป หรือบางทีลงไปนอนกลางราง ทั้งหมดเป็นชาวต่างชาติ ไม่มีคนไทยทำแบบนี้ ปกติคนขายของจะบอกกันอยู่แล้วว่าให้ยืนหลังเส้นแดง ถ้าเตือนให้ทำตามกฎแล้วนักท่องเที่ยวฝ่าฝืนจนเกิดอุบัติเหตุ ก็จะถือว่าเป็นความผิดของนักท่องเที่ยว หากสิ่งไหนเป็นความผิดของทางรถไฟ เขาก็ยินดีจะรับผิดชอบ" พนักงานร้านอาหาร Yellow one เล่าให้ทีมข่าวฯ ฟัง
เจ้าของร้านขายของฝากท้ายตลาด กล่าวว่า "เรื่องความปลอดภัยเราไม่กลัว เพราะร้านค้าช่วยกันดูแล เราแนะนำช่วยเหลือเขาทุกอย่าง ขาพี่เข้าเฝือกเพราะลูกค้าจะล้มแล้วพี่ไปดึงไว้ เขาอยากถ่ายรูป แต่อาจจะไม่รู้ระยะว่าขนาดไหน คนไหนที่มากับไกด์ ไกด์ก็ช่วยดูแล เราช่วยกันแบบนี้ เพราะถ้าเกิดเรื่องขึ้นมา มันจะส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยว"
ด้าน 'คุณบอล' ร้านขายของฝากช่วงกลางตลาด ก็กล่าวทำนองเดียวกัน "ผมอยู่มาก็ไม่มีอุบัติเหตุอะไรนะ เวลารถไฟมาผมก็ให้คนเข้ามาหลบในร้าน ทุกร้านก็ทำอย่างนี้เหมือนกัน"
ดูเหมือนว่าความกังวลต่อเรื่องความปลอดภัยสำหรับผู้ขายแล้วจะ 'ไม่มี' หรือมีก็ 'น้อยมาก' ต่างมองว่าพวกเขาต้องช่วยกันดูแลนักท่องเที่ยวตลอดแนวรางอยู่เสมอ เนื่องจากไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ไม่ดีจนเป็นข่าว เพราะนั่นอาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของตลาดร่มหุบ ซึ่งอาจทำให้นักท่องเที่ยวหดหาย
...
โปรดระวังรถไฟ! :
ช่วงที่ทีมข่าวฯ เดินทางไปถึงและเดินพูดคุยกับร้านค้า มีนักท่องเที่ยวเดินให้เห็นไม่เท่าไร แต่เมื่อยิ่งใกล้เวลาที่รถไฟจะมา นักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทำให้ทางเดินที่แคบอยู่แล้ว ยิ่งดูแคบขึ้นไปอีก
"ระวังอุบัติเหตุจากขบวนรถไฟที่อาจจะเกิดขึ้นได้ โปรดยืนห่างจากรางหลังเส้นสีแดง ด้วยความปรารถนาดีจากกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว" ประมาณ 11.06 น. สัญญาณประกาศแจ้งเตือนดังขึ้นผ่านลำโพงที่ถูกติดไว้ทั่วตลาด เพื่อให้ทราบว่าความอันซีนของตลาดแห่งนี้ กำลังจะเคลื่อนผ่านให้ทุกท่านได้ยลโฉม และเป็นสัญญาณให้ทุกคนระวังตัว! และเก็บของ
ผ้าใบที่กางไว้ตลอดทางทยอยหุบด้วยความชำนาญ ของที่วางขายและโต๊ะตั้งสินค้าถูกเลื่อนเข้าภายในร้านอย่างรวดเร็ว หากสังเกตจะเห็นว่าที่วางของจะมีล้อติดและรางเลื่อนให้เห็นทุกร้าน ขณะเดียวกันปฏิกิริยาที่นักท่องเที่ยวตอบสนองต่อเหตุการณ์นี้ คือการหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายรูปหรือวิดีโอ ต่างมีรอยยิ้มและดูตื่นเต้น
...
เวลาประมาณ 11.10 น. รถไฟสายบ้านแหลม-แม่กลอง ค่อยๆ เคลื่อนผ่านรางในตลาดไปอย่างช้าๆ พร้อมเสียงประกาศแจ้งเตือนให้ทุกคนอยู่หลัง Red line หรือเส้นสีแดงที่ขีดอาณาเขตความปลอดภัยไว้ เสียงประกาศเตือนมีจำนวน 5 ภาษา (ไทย, อังกฤษ, ญี่ปุ่น, จีน และเกาหลี) ทีมข่าวฯ รู้สึกว่าเป็นสิ่งที่ดี เพราะค่อนข้างครอบคลุมกลุ่มนักท่องเที่ยวได้แทบจะทั้งหมด
ขณะที่รถไฟเลื่อนผ่าน นักท่องเที่ยวต่างชาติบางคนที่อยู่ห่างจากรถ ลงไปถ่ายรูปบนราง บ้างก็เอนตัวออกไปตรงราง มีเสียงเตือนจากคนไทยให้หลบเป็นระยะ รถไฟค่อยๆ เลื่อนผ่าน คนด้านล่างและคนบนขบวนโบกมือส่งเสียงทักทายยิ้มแย้มให้กัน ราวกับว่านั่นคือญาติหรือคนรู้จักที่เดินทางกลับบ้าน ทั้งที่ความจริงแล้วไม่ใช่เลย
ภาพที่ปรากฏทำให้ตลาดแห่งนี้มีสีสันและเสน่ห์แบบบอกไม่ถูก แม้ว่าตอนนี้ตัวของคนข้างล่างแทบจะแนบกับรถไฟไปแล้วก็ตาม หลังจากสถานการณ์สงบลง ผ้าใบถูกกางขึ้นอีกครั้ง ทีมข่าวฯ เดินผ่านความหนาแน่นของผู้คนที่กำลังทยอยเดินออกจากตลาด เพื่อจะเข้าไปสอบถามชาวต่างชาติ ถึงความรู้สึกที่ได้สัมผัสเมื่อสักครู่
...
ต่างชาติชอบใจ :
สาวสเปน 'Maria' บอกว่า "ฉันไม่เคยเห็นแบบนี้มาก่อน รู้สึกประทับใจที่ได้มา ตอนที่รถไฟผ่านไปมันน่าตื่นเต้นมาก แม้คนที่มาดูรถไฟจะเยอะ แต่ข้างทางก็ยังพอมีที่ให้หลบ และร้านค้าก็เรียกฉันเข้าไปหลบรถด้วย ฉันไม่รู้สึกว่ามันอันตราย เพราะว่ารถไฟเคลื่อนตัวช้ามาก และฉันเห็นว่ามีเส้นสีแดงขีดไว้ชัดเจนแล้วว่า ควรยืนอยู่ตรงไหนถึงจะปลอดภัย"
'Sam' ช่างภาพ จากเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย เขามองว่าตลาดร่มหุบมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นมาก และได้พูดถึงเรื่องความปลอดภัยไว้ว่า "ผมว่ามันดี ผู้คนยืนอยู่หลังเส้นสีแดงตอนที่รถไฟกำลังขับผ่านไปอย่างช้าๆ ซึ่งดีนะ พอรถมันไม่ไวเลยทำให้รู้สึกปลอดภัยที่จะยืนดูใกล้ๆ ชาวบ้านก็ช่วยเหลือพวกเราดีมาก นี่มันเจ๋งสุดๆ"
ส่วน 'Taylor' จากโทรอนโต ประเทศแคนาดา เธอมองว่านี่เป็นความอะเมซิ่งของเมืองไทย และได้ให้ความเห็นถึงเรื่องมาตรการความปลอดภัยอยู่ในระดับที่ใช้ได้ เพราะรถไฟขับช้า และมีเขตให้ยืนชัดเจน "แต่ก็อาจจะดีกว่านี้ ถ้ามีอะไรที่ทำให้รู้สึกมั่นใจว่ามีความปลอดภัยได้เต็มที่ เพราะตอนยืนดูรถก็แอบกังวลว่า จะมีใครได้รับอันตรายไหม"
แม้จะดูอันตรายเพียงใด แต่กลายเป็นว่าชาวต่างชาติกลับชอบใจตลาดร่มหุบ บางคนอาจจะมีความกังวลอยู่บ้าง แต่พวกเขาก็พูดคุยกับเราด้วยสายตาที่ดูตื่นเต้น ซึ่งก็ถือเป็นเรื่องดี ที่ความหวาดเสียวนี้สามารถดึงดูดให้พวกเขามายังสมุทรสงครามได้
ดูรถไฟแล้วไปไหนต่อ? :
ทีมข่าวฯ เคยมาที่นี่เป็นครั้งแรก เพื่อมาดูพื้นที่และบรรยากาศของตลาดร่มหุบ แต่หลังจากดูจบแล้วทำให้เราคิดว่า "แล้วจะยังไงต่อดี" ในเมื่อผู้คนต่างเดินทางมาตลาดแห่งนี้ เพื่อดูรถไฟขับผ่านในระยะประชิด
จากที่คุยกับ 'คุณแนน' ร้านขายของฝาก เธอเล่าว่า เมื่อก่อนนักท่องเที่ยวจะแน่นเต็มถนน แต่หลังโควิด-19 คนมาเที่ยวลดลงอย่างเห็นได้ชัด นักท่องเที่ยวที่มาตลาดเป็นชาวต่างชาติ 90% คนไทยมาน้อยมาก อาจมีมาบ้างช่วงวันหยุดยาว แต่คนไทยปกติจะเป็นชาวบ้านที่มาซื้อของสด
ซึ่งก็ตรงกับความคิดเห็นของ 'คุณม่อน' ร้านขายอาหารที่บอกว่า คนที่มาส่วนใหญ่จะเป็นชาวต่างชาติ คนไทยไม่ค่อยมาเที่ยวที่นี่ ส่วนคนไทยที่มาก็มักจะเป็นชาวบ้านทั่วไป ที่มาจับจ่ายใช้สอยซื้อของไปทำอาหาร ด้าน 'เจ๊แบงค์' ร้านขายหมูมองว่า การที่ชาวต่างชาติมาเที่ยวเป็นผลดีต่อร้านของฝาก เพราะพวกเขาก็ไม่ได้มาซื้อของสดอยู่แล้ว
ข้อมูลตรงนี้ทำให้น่าคิดว่า หากไม่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมา ตลาดแห่งนี้ก็อาจจะไม่ครึกครื้นเท่านี้หรือเปล่า แล้วพวกเขาจะยังเดินทางมาเที่ยวซ้ำอีกหรือไม่ ถ้าเคยได้เห็นรถไฟและสัมผัสความรู้สึกตื่นเต้นไปแล้ว หรือที่จริงแล้วควรมีการพัฒนาส่วนไหน เพื่อสร้างแรงดึงดูดให้นักท่องเที่ยวกลับมาอีกครั้ง
เจ้าของร้านขายของฝากท้ายตลาด บอกกับทีมข่าวฯ ว่า "อยากให้หน่วยงานท้องถิ่นรวมถึงหน่วยงานอื่นๆ เข้ามาช่วยกันดูแล ส่งเสริม และโปรโมตการท่องเที่ยว ตรงนี้มันโตเร็ว แต่ไม่ได้มีการพัฒนา ที่ผ่านมายังไม่มีใครเข้ามาช่วยจัดการ
พวกเรื่องการจราจรด้วย เราก็ไม่แน่ใจว่าหน่วยงานไหนเกี่ยวข้องบ้าง แต่อยากให้ส่วนที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแล ตรงนี้มันเป็นเมืองเล็ก การคมนาคมไม่ค่อยสะดวกอยู่แล้ว ลำพังคนในจังหวัดยังหาที่จอดรถยาก แล้วคนที่มาท่องเที่ยวเขาจะมาจอดก็ไล่เขา แล้วใครจะอยากมาเที่ยว
ในเมื่อเรามีของดีอยู่แล้ว อยากให้หน่วยงานช่วยกันพัฒนาและสนับสนุน อย่างเรื่องขยะหรือความสะอาด ชาวบ้านร้านค้าช่วยกันหมดแล้ว เพราะทุกคนอยากขายของได้ ตอนนี้มันเจริญและเป็นที่รู้จักแล้ว แต่ขาดการพัฒนา เราอยากให้ดีขึ้น ไม่อยากให้ซบเซา เพราะเราทำมาหากิน"
ส่วนร้าน Yellow one บอกว่า "อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาส่งเสริม เพราะแม่กลองเป็นเมืองเล็กๆ ไม่มีอะไรมาก ตรงนี้ที่อยู่ได้ก็เพราะมีรถไฟ อยากให้พัฒนาปรับปรุง"
คุยกับการรถไฟ :
จากข้อสงสัยเรื่องความปลอดภัย และความหวังของผู้ค้าที่มีต่อการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว ทีมข่าวฯ จึงได้ติดต่อพูดคุยกับ 'สุมิตร ชูเลิศ' สารวัตรงานเดินรถแขวงสมุทรสาคร ได้ความว่า...
"ทางการรถไฟจะจัดเจ้าหน้าที่คอยให้สัญญาณรถไฟก่อนเข้า-ออก ซึ่งเป็นการทำงานร่วมกับตำรวจท้องที่และตำรวจท่องเที่ยว ที่ทางเทศบาลจัดมาช่วยดูแล
ส่วนการดูแลความปลอดภัยในตลาดเป็นหน้าที่ของตำรวจท่องเที่ยว ขบวนรถไฟใช้ความเร็วเพียง 5 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ไม่ได้ไวมาก เพราะเป็นเรื่องความปลอดภัย และทางจังหวัดได้ขอการรถไว้ให้เดินรถด้วยความเร็วเพียงเท่านี้ ในขณะที่เคลื่อนตัวผ่านตลาด ที่ผ่านมายังไม่เคยได้รับแจ้งเรื่องอุบัติเหตุ แต่ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ เพราะมีการประชุมกับทางจังหวัดอยู่เรื่อยๆ เพราะตรงนี้เป็นการทำงานร่วมกัน"
"จริงๆ แล้วในส่วนของรถไฟ ก็อยากจัดการพื้นที่เดินรถให้โล่ง แต่ที่แห่งนี้ขึ้นอันซีนเมืองไทยไปแล้ว ทางจังหวัดจึงขอไว้ จังหวัดก็มีการเตรียมแผนงานพัฒนาไว้แล้ว เบื้องต้นคือจะมีการปรับพื้นที่ทางเดินให้เพิ่ม เพื่อให้มีความปลอดภัยมากขึ้นกว่านี้ ซึ่งก็อาจจะมีรั้วกันด้วย แต่นั่นก็เป็นเรื่องที่ต้องคุยกันอีกที"
ทีมข่าวฯ ถามต่อว่า จะมีการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเพิ่มเติม และมีจุดดึงดูดมากกว่ารถไฟหรือไม่ คุณสุมิตร บอกว่า "ตอนนี้วันเสาร์-อาทิตย์ มีตลาดริมแม่น้ำที่เลยทางรถไฟไป ที่ทางจังหวัดจัดทำขึ้นมา วันที่ 20 กันยายนนี้ ทางกระทรวงคมนาคมจะเข้ามาตรวจ คาดว่าจะมีการประชุมเกิดขึ้นอีกรอบนึง"
ส่วนเรื่องที่ผู้ค้าให้ความเห็นว่า ยังไม่มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาดูแล คุณสุมิตร ให้ความเห็นว่า "น่าจะติดงบระหว่างกระทรวง ทางจังหวัดก็อยากเข้ามาพัฒนา แต่งบประมาณเป็นของอีกกระทรวงหนึ่ง ส่วนการรถไฟก็เป็นอีกกระทรวงหนึ่ง เลยทำให้ลงมาดูแลกันได้ไม่เต็มที่ ซึ่งชาวบ้านอาจจะยังไม่ทราบในจุดนี้ด้วย"
จากที่ทีมข่าวฯ ได้เดินรอบตลาด พบว่า มีป้ายเตือนต่างๆ ที่จัดทำโดยเทศบาลเมืองสมุทรสงคราม และสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดสมุทรสงคราม เราตั้งข้อสังเกตว่า นี่คงเป็นการพยายามเข้ามามีส่วนร่วมของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่อาจจะยังไม่มากพอที่จะเป็นส่วนช่วยพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวตรงนี้ให้ยั่งยืน เพราะน่าจะติดปัญหาเรื่องประมาณต่างๆ ตามที่คุณสุมิตรให้ความเห็นไว้
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด อาจจะต้องจับเข่านั่งคุยกันอย่างจริงจัง แก้ปัญหาเรื่องการติดงบต่างๆ ให้ทันท่วงที เพราะตอนนี้คนขายของถือเป็นหนึ่งตัวแปรสำคัญที่ช่วยสร้างความอันซีน แต่ถ้าวันหนึ่งนักท่องเที่ยวลดน้อยลง และพวกเขาขายของไม่ได้จนต้องย้ายออก จะเท่ากับว่าความโดดเด่นที่คอยดึงดูดนักท่องเที่ยวทยอยหายไปหรือไม่
ดังนั้น นี่ถือว่าเป็นเรื่องที่ทางหน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องต้องระดมความคิดว่า จะพัฒนาตลาดร่มหุบ และแหล่งท่องเที่ยวโดยรอบอย่างไร ให้มีจุดดึงดูดความสนใจอื่นนอกจากรถไฟ และให้นักท่องเที่ยวอยากกลับมาอีกครั้ง ทีมข่าวฯ เชื่อว่า ชาวบ้านพร้อมร่วมมือสนับสนุนเต็มที่ และหากทุกฝ่ายช่วยกัน ความอันซีนของตลาดร่มหุบ อาจจะยิ่งใหญ่และโด่งดังกว่าที่เคยมีมาก็เป็นได้
ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน
ภาพ : วัชรชัย คล้ายพงษ์ #ThairathPhoto
อ่านบทความที่น่าสนใจ :