'Earworm' ปรากฏการณ์ที่ไม่ใช่โรค คุยกับ 'รศ.ดร.ธันยวิช วิเชียรพันธ์' ประโยชน์ ผลกระทบ และวิธีแก้ พร้อมเทคนิคทำเพลงหลอนหู...

หากคุณเคยได้ยินเพลงเหล่านี้ "ชิพกะเดล นี่สองพี่น้อง ขายของในคลอง" / "I have a pen. I have a apple. ummm Apple pen." / "Baby Shark, doo-doo, doo-doo, doo-doo" / "เจนค่ะ เจนค่ะ หนูชื่อเจน มากับนุ่น แล้วก็มากับโบว์" รวมถึงเพลงอื่นๆ ที่คุณอาจได้ยินจนติดหู แม้พยายามจะลืมก็ทำไม่ได้ กว่าจะหายไปจากหัวก็ยากซะเหลือเกิน 

ล่าสุด "คนจนมีสิทธิ์ไหมคะ คนจนมีสิทธิ์ไหมคะ มีงานให้ทำไหมคะ ปริญญาไม่มี แต่มี_นะคะ แต่มี_นะคะ" ก็สร้างปรากฏการณ์เสียงเพลงหลอนหูให้กับสังคมไทยอีกครั้งหนึ่ง 

เพลง คนจนมีสิทธิ์ไหมคะ - เดือนเพ็ญ เด่นดวง
เพลง คนจนมีสิทธิ์ไหมคะ - เดือนเพ็ญ เด่นดวง

บางคนอาจจะคิดว่านี่เป็นโรคหรือเปล่า หรือสิ่งที่เจอและรู้สึกอยู่มันคืออะไรกันแน่ หลังจากทีมข่าวฯ ได้ลองค้นหาข้อมูลเบื้องต้นพบว่า อาการนี้เรียกว่า 'Earworm' (เอียร์เวิร์ม) คือ อาการที่เรานึกถึงเพลงนั้นๆ วนเวียนซ้ำไปมาอยู่ในหัว หรือเรียกง่ายๆ ว่า อาการเพลงติดหู และนี่เป็นเพียงปรากฏการณ์ที่สามารถเกิดขึ้นได้กับมนุษย์ ไม่ใช่โรคแต่อย่างใด

...

วันนี้ ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ พร้อมจะแถลงไข และพาไปรู้จักกับ Earworm ให้มากขึ้น ผ่านการพูดคุยกับ 'รศ.ดร.ธันยวิช วิเชียรพันธ์' ผู้อำนวยการสำนักงานวิจัยและพัฒนานวัตกรรม มหาวิทยาลัยศรีปทุม วิทยาเขตชลบุรี โดยอาจารย์ได้รับทุนวิจัย จากคณะกรรมการพัฒนางานวิจัยมหาวิทยาลัยศรีปทุม วิทยาเขตชลบุรี ปี 2560 ในการทำวิจัย เรื่อง เพลงติดหูในงานโฆษณา หากพร้อมไขข้อสงสัย ก็ไปกันเลย!!!

รศ.ดร.ธันยวิช วิเชียรพันธ์
รศ.ดร.ธันยวิช วิเชียรพันธ์

Earworm คืออะไร? :

อาจารย์ธันยวิช บอกว่า Earworm เป็นอาการเสียงติดหู หรือเสียงหลอนหู ส่วนใหญ่จะเกิดกับเพลง และน้อยมากที่จะเกิดจากเสียงธรรมชาติ นอกจากคนที่รู้สึกอ่อนไหวด้านเสียงจริงๆ

"มันเป็นอาการที่ได้ยินเนื้อเพลงหรือนึกถึงเนื้อเพลงๆ หนึ่ง ซ้ำๆ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเกิดจากจิตใต้สำนึก ผ่านจิตใจของคนเรา ทั้งที่เพลงนั้นไม่ได้เล่นในขณะที่เราได้ยินเสียงอยู่ในหัว แม้จะพยายามลืม สลัดทิ้ง ก็ไม่สามารถสลัดออกได้ หนำซ้ำจะยิ่งคิดถึงกว่าเดิม ส่วนที่เรียกว่า Earworm (Ear = หู / Worm = หนอน) เพราะอาการคล้ายกับหนอนไชหู แต่คนไทยจะเรียกแบบเข้าใจง่ายๆ ว่า เพลงหลอนหู"

โฆษณา ขนมปูไทย
โฆษณา ขนมปูไทย

ตัวอย่างทฤษฎีและการศึกษา :

การศึกษาเรื่องนี้เพิ่งมีขึ้นหลังปี ค.ศ. 2005 เพราะมีคนต้องการนำมาใช้ประโยชน์ทางธุรกิจ และที่ทีมข่าวฯ ถามไปข้างต้นว่า ทำไมเรียก Earworm (หรือหนอนไชหู) อาจารย์บอกว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับทฤษฎีการรับรู้ทฤษฎีหนึ่งด้วย คือ ทฤษฎีคันทางการรับรู้ หรือ Theory of Cognitive Itchy 

ทฤษฎีนี้อธิบายปรากฏการณ์การรับรู้ของมนุษย์ผ่านสถานการณ์ต่างๆ ด้วยประสาทสัมผัสใดสัมผัสหนึ่ง จากประสาทสัมผัสทั้ง 5 [การมองเห็น (รูป–Sight), การลิ้มรส (รส–Taste), การได้กลิ่น (กลิ่น–Smell), การได้ยิน (เสียง–Hearing) และการสัมผัส (สัมผัส–Touch)] ที่มีผลกระทบหรือเข้มข้น ต่อระบบความจำและความรู้สึกอย่างมาก 

เพลง มะล่องก่องแก่ง - พจน์ สายอินดี้
เพลง มะล่องก่องแก่ง - พจน์ สายอินดี้

...

แม้ว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะผ่านไปแล้ว แต่ยังคงหวนกลับไปรู้สึก เหมือนกำลังอยู่ในเหตุการณ์เดิมซ้ำแล้วซ้ำอีก อยากจะลืมก็ยิ่งจำ คล้ายกับอาการคันที่แม้จะพยายามไม่นึกถึงและไม่ไปเกา ก็สามารถทำได้ยาก เพราะยิ่งเกาแล้วยิ่งรู้สึกดี เหมือนอาการดังกล่าวที่บังคับตัวเองฝืนไม่นึกถึง แต่ก็ไม่สามารถฝืนได้ หากแต่จะยิ่งกลับไปนึกถึงสัมผัสดังกล่าวอยู่ร่ำไป คล้ายคำพูดที่คนทั่วไปพูดกันว่าเป็น ภาพติดตา กลิ่นติดจมูก เสียงติดหู เป็นต้น 

Professor James Kellaris จากมหาวิทยาลัยซินซินเนติ (University of Cincinnati) ได้พยายามใช้ทฤษฎีคันทางการรับรู้ เพื่อตีความแนวคิดและอธิบายเกี่ยวกับการมีเพลงติดหู อย่างที่บอกไปว่า ทฤษฎีนี้พูดถึงประสาทสัมผัสทั้ง 5 แต่ที่เขาพยายามใช้ทฤษฎีนี้อธิบาย Earworm เพราะสำหรับมนุษย์ อาการที่เกิดขึ้นทางหูเป็นอาการที่พบมากกว่าประสาทสัมผัสด้านอื่น

โฆษณา แป้งโยคีในรัศมีวงกลม
โฆษณา แป้งโยคีในรัศมีวงกลม

...

Earworm เกิดกับใคร :

"อาการนี้เกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย และเกิดขึ้นได้ทั่วไป หากเจออะไรที่ไม่ชอบ เราสามารถเบือนหน้า บังคับตา ไม่ให้สนใจสิ่งนั้นได้ หากไม่อยากได้กลิ่นอะไรก็แค่เอามือปิดจมูก แต่สำหรับหู เป็นเรื่องที่ยากมาก ต่อให้เอามือปิดหูแล้ว เสียงที่เล็ดลอดเข้าไปยังคงมี ด้วยสรีระของมนุษย์ เราไม่สามารถเดินปิดหูได้ตลอด เสียงมาจากทุกทิศทาง" อาจารย์ กล่าว

โฆษณา แลคตาซอย
โฆษณา แลคตาซอย

อ้างอิงจากการวิจัยเรื่อง Identifying properties of tunes that get stuck in your head: toward a theory of cognitive itch (2010) ของ Professor James Kellaris ซึ่งเป็นการศึกษาเกี่ยวกับเรื่องของประสบการณ์การได้ยินเสียงที่ยังดังก้องหลอนอยู่ในหัว (Earworm) 

ผลการวิจัยพบว่า 98% ของคนที่เคยมีประสบการณ์ Earworm จะสามารถเกิดได้กับทั้งเพศชายและเพศหญิง กล่าวคือ ทั้งเพศชายและเพศหญิงสามารถเกิดปรากฏการณ์ Earworm ได้เท่าๆ กัน แต่เมื่อศึกษารายละเอียดในระยะยาวต่อไปอีก พบว่า ปรากฏการณ์นี้จะมีโอกาสเกิดในเพศหญิงได้มากกว่า เนื่องจากเพศหญิงเป็นเพศที่มีความละเอียด และมีการรับรู้เกี่ยวกับเพลงได้ง่ายกว่า 

...

เพลง Baby Shark Dance - PINKFONG Songs for Children
เพลง Baby Shark Dance - PINKFONG Songs for Children

เสียงติดหูทุกเสียงคือ Earworm หรือไม่ :

อาจารย์ธันยวิช บอกว่า "จริงๆ ทุกเสียงที่ติดหู เราสามารถเรียกว่า Earworm ได้หมด เพียงแต่โอกาสเกิดจากเสียงอื่นที่ไม่ใช่เพลงนั้นยากมาก และน้อยคนมากที่จะเกิด แต่ถ้าคนที่มีความพิเศษมากๆ ก็อาจจะหลอนหูจากเสียงอื่น จากงานวิจัยหลายชิ้นพบว่า เสียงติดหูทุกเสียง คือ Earworm ทั้งสิ้น แต่ขึ้นอยู่กับผู้รับเสียงแต่ละบุคคลว่า อ่อนไหวกับองค์ประกอบเสียงในรูปแบบใดมากกว่ากัน 

บางงานวิจัยกล่าวว่า คนส่วนใหญ่ เสียง จังหวะ และทำนอง มีผลต่อการเกิดอาการเพลงหลอนหูมากกว่าเนื้อเพลง ในขณะที่บางงานวิจัยก็กล่าวว่า เนื้อร้องสามารถสร้างอาการคันทางสมองมากกว่าทำนอง แต่ถ้าทั้งสองส่วนประกอบกัน อาการหลอนหูก็จะติดง่ายแต่ฝังแน่นอย่างมาก"

เพลง รักคือฝันไป - สาว สาว สาว
เพลง รักคือฝันไป - สาว สาว สาว

ปัจจัยที่ทำให้เกิดอาการ Earworm :

อาจารย์ธันยวิช ได้ อ้างอิงผลการวิจัยจาก University of York และ Goldsmiths-University of London ของอังกฤษ ที่ร่วมกันเก็บข้อมูลจากนักท่องเที่ยวตามสถานบันเทิงทางตอนเหนือของอังกฤษ เพื่อสังเกตกลุ่มตัวอย่างนับพันคนว่า พวกเขาชอบร้องเพลงประเภทใดมากที่สุด จากการวิจัยทำให้ค้นพบว่า มี 4 ปัจจัย ที่ทำให้คนฟังติดหูและอยากร้องเพลงตาม 

1. เนื้อร้องที่ใช้ภาษาสละสลวย (หากลงรายละเอียดไปอีก จะพบว่าเนื้อร้องต้องมีคำตายมากกว่าคำเป็น)

2. ท่อนที่ได้รับการจดจำ จะสามารถร้องได้โดยหายใจเข้าเพียงครั้งเดียว

3. มีระดับเสียงสูงต่ำที่หลากหลายในท่อนสร้อย

4. พิตช์เสียงที่ต่างกันถึง 3 แบบในท่อนฮุก

เพลง ลันลันลา ลันลันลา ซุปเปอร์วาเลนไทน์ - เจน นุ่น โบว์ SUPER วาเลนไทน์
เพลง ลันลันลา ลันลันลา ซุปเปอร์วาเลนไทน์ - เจน นุ่น โบว์ SUPER วาเลนไทน์

Earworm ถูกนำมาใช้กับวงการเพลงอย่างไร :

"ต้องเรียนว่าที่ผ่านมายังไม่มีใครถอดรหัสและนำมาใช้อย่างจริงจัง ผมเข้าใจว่างานผมน่าจะเป็นงานแรกๆ ที่เริ่มมีการถอดรหัสเพลงติดหู เพลงหลอนหูทั้งหลาย มีลักษณะโครงสร้างของเพลงประมาณไหน 

แต่ถ้าลองไปเทียบกับวงการเพลงบ้านเรา ผลงานของนักแต่งเพลงเก่งๆ ค่อนข้างสอดคล้องกับผลงานวิจัย เช่น พี่ดี้ พี่จิก พี่เวสป้า พี่หนึ่ง ณรงค์วิทย์ พี่ฟองเบียร์ หรือ โจอี้ บอย 

เป็นพรสวรรค์และความสามารถของเขา เพียงแต่สิ่งนั้นค่อนข้างไปในทิศทางเดียวกับผลการวิจัยที่เก็บจากกลุ่มตัวอย่าง สิ่งเหล่านี้ไม่มีใครถอดรหัส แค่เพลงไปถูกใจโดนใจมนุษย์" อาจารย์บอกกับทีมข่าวฯ 

เพลง โอ้ละหนอ...My Love - เบิร์ด ธงไชย
เพลง โอ้ละหนอ...My Love - เบิร์ด ธงไชย

คำแนะนำทำเพลง Earworm :

Beaman and Williams (2010) ได้ศึกษาวิจัยเรื่อง Earworms (stuck song syndrome): towards a natural history of intrusive thoughts ซึ่งเป็นการศึกษาอาการ Earworm ในเชิงจิตวิทยา งานวิจัยนี้ได้ตีพิมพ์ในวารสารทางจิตวิทยาของอังกฤษ ซึ่งสิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับอาการของ Earworm ที่ค้นพบจากงานวิจัยนี้ คือ อาการ Earworm มักจะเกิดกับเพลงที่มีความยาวของเพลงในช่วง 15-30 วินาที และเป็นเพลงที่มีความน่าสนใจ หรือมีความแปลกใหม่ทางดนตรี

จากผลวิจัยข้างต้นที่ อาจารย์ธันยวิช ได้ใช้สำหรับการทบทวนวรรณกรรมเพื่อทำงานวิจัย รวมถึงการศึกษาต่างๆ ที่อาจารย์ได้ทำมา ทีมข่าวฯ จึงขอข้อแนะนำสำหรับการทำเพลงติดหู เผื่ออาจเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่สนใจ โดยอาจารย์ให้ข้อมูลไว้ ดังนี้

Our Floating Dreams | A Mickey Mouse Cartoon | Disney Shorts
Our Floating Dreams | A Mickey Mouse Cartoon | Disney Shorts

- ทำนอง (melody) เรียบง่าย วางอยู่บนโครงสร้างเพลงป๊อป AABA (popular song form) ด้วยวิธีการดัดแปลง แต่อาจจะไม่เหมือนเสียทีเดียว เมื่อใครๆ ฟัง ก็สามารถฮัมตามได้ภายในเวลาไม่นาน จะต้องใช้โน้ตในช่วงเสียงแคบๆ และทิศทางของทำนองคงที่ เพื่อจะได้ทำนองที่ไพเราะ ทำนองไม่กระโดดขึ้นสูงหรือลงต่ำมากเกินไป 

- สีสันของเสียง (tone color) ควรเป็นการขับร้องประกอบดนตรีประเภทวง มีการร้องเสียงประสานในบางช่วงของบทเพลง เครื่องดนตรีประกอบด้วยกลอง กีตาร์เบส และเสียงสังเคราะห์คีย์บอร์ดปรุงแต่งให้ซาวนด์เป็นแบบ Easy Listening แต่ในเวลาเดียวกัน ยังเพิ่มไลน์ดนตรีให้มีส่วนผสมแบบบิ๊กแบนด์ มีฮอร์นเซ็กชัน (นำเสนอผ่านคีย์บอร์ด) เพื่อสร้างความคึกคัก อลังการในการรับรู้ ใช้ไลน์กีตาร์ดับเบิลสตอป แบบยุค 70-80 ไลน์สตริงกับไลน์บราสในท่อนพรี ให้เล่นแบบ Over Lab ทับกันเล็กน้อย เพื่อดันท่อนฮุกขึ้นมา เหมือนเป็นการรวบมูดแอนด์โทน

- จังหวะ (tempo) อัตราจังหวะส่วนใหญ่นิยมใช้ความเร็วปานกลางมากกว่าแบบช้า เพื่อให้เกิดความสนุกสนาน คึกคัก แต่ไม่เร็วเกินไปจนฟังแล้วจดจำเนื้อหาไม่ทัน (ส่วนใหญ่จะใช้ความเร็วจังหวะ 120-130 จังหวะต่อ 1 นาที) การทำงานของเบสและกลองต้องร่วมกันสร้างกรู๊ฟของเพลงให้สนุกสนาน ปั่นให้เกิดความรู้สึกถึงการเคลื่อนไหว ไม่อยู่เฉย สะกดให้ทุกคนที่ได้ยินต้องขยับร่างกาย ยามได้ฟังจังหวะเพลงแบบนี้โดยไม่รู้ตัว

เพลง ฉลามชอบงับคุณ - Bonnadol Feat IIVY B
เพลง ฉลามชอบงับคุณ - Bonnadol Feat IIVY B

- จังหวะของทำนอง (melodic rhythm) ควรใช้จังหวะยก (anacrusis) โดยให้โน้ตตัวแรกหรือกลุ่มแรกของประโยค ที่ไม่ได้เริ่มบนจังหวะแรกของห้อง เป็นจังหวะเบา คล้ายกับเป็นการเตรียมเพื่อเข้าสู่โน้ตบนจังหวะที่หนักกว่าและสำคัญกว่า ทำนองที่เริ่มต้นด้วยจังหวะยก จะต้องให้ความรู้สึกการเริ่มต้นที่สบาย 

- ประโยคเพลง (Phrase) ควรใช้เนื้อร้องที่มีจำนวนคำที่สั้น แต่สื่อความหมายแสดงอารมณ์หรือเสียง เพื่อให้เกิดความน่าสนใจ มีความคล้องจอง และมีการร้องซ้ำตั้งแต่ 3 รอบขึ้นไป ด้วยเทคนิคการซ้ำทำนองในระดับเสียงเดียวกัน แต่อาจจะเพิ่มลูกเล่นโดยใช้เทคนิคซีเควนซ์ (sequence) การซ้ำแต่ต่างระดับเสียง ในการซ้ำครั้งสุดท้าย

เพลง GANGNAM STYLE(강남스타일) - PSY
เพลง GANGNAM STYLE(강남스타일) - PSY

- ทิศทางของทำนอง (direction) ทำนองส่วนใหญ่ของบทเพลงควรมีทิศทางคงที่ จะขึ้นหรือลงได้เล็กน้อยเท่านั้นตามความเหมาะสม 

- ช่วงกว้างของเสียง (range) ส่วนใหญ่มีโน้ตอยู่ที่ระหว่าง 6-10 ตัว 

- ช่วงเสียงต่ำสุด: ในเพลงส่วนใหญ่ จะมีความแตกต่างหลากหลาย ไม่จำกัดว่าตัวโน้ตเสียงที่ต่ำที่สุดว่าเป็นตัวโน้ตใด แต่จะไม่ต่ำกว่า โน้ตมี (E) 

- ช่วงเสียงสูงสุด: โน้ตตัวสูงสุดของเพลงโฆษณาที่ติดหูส่วนใหญ่นั้น จะอยู่สูงสุดที่ โน้ตลา (A) เหมือนๆ กัน 

- ช่วงเริ่มต้นก่อนเริ่มเพลง: Intro ไม่ยาว ใช้เสียง Effect ที่มีความไพเราะรื่นหู หรือกระตุ้นเร้าให้สนใจ เหมือนเป็นการเรียกความสนใจ เช่น เสียง ระฆังราว หยดน้ำ แก้วกระทบ เสียงสังเคราะห์จากเทคโนโลยี ฯลฯ 

เพลง โต๊ะริม (melt) - NONT TANONT
เพลง โต๊ะริม (melt) - NONT TANONT

ตัวอย่างเพลง Earworm :

อาจารย์ธันยวิช ได้ยกตัวอย่างเพลงไทยที่เข้าข่ายลักษณะ Earworm ให้ทีมข่าวฯ และผู้อ่านได้รู้จักกัน

เพลงโฆษณา: เช่น เอ็มเคสุกี้, แลคตาซอย 5 บาท, ปีโป้, ปูไทย, เวเฟอร์ ตราปักกิ่ง, แป้งโยคีในรัศมีวงกลม, จอลลี่แบร์, ลัคกี้เฟลม, ไอศกรีมวอลล์

เพลงทั่วไป: รักคือฝันไป, โอ้ละหนอ My love, ชิพ แอนด์ เดล, โลกทั้งใบ, โต๊ะริม, ฉลามชอบงับคุณ, พิจารณา, วาดไว้, ซูลูปาก้า ตาปาเฮ้, ถ้าเราเจอกันอีก เป็นต้น

เพลง วาดไว้ (recall) - BOWKYLION
เพลง วาดไว้ (recall) - BOWKYLION

ข้อดี-ข้อเสีย ของ Earworm : 

อาจารย์ได้ให้ความเห็นที่อ้างอิงจากงานวิจัย สำหรับคำถามนี้ไว้ว่า... 

Earworm มีประโยชน์ต่อคน 2 กลุ่ม ที่มีวัตถุประสงค์ต่างกัน คือ วงธุรกิจ กับ นักพัฒนาพฤติกรรมมนุษย์ เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงหรือขับเคลื่อนทางสังคม 

ส่วนผลเสีย มีข้อพึงระวัง คือ เรื่องจิตสำนึกในการแต่งเพลง เพราะจากงานวิจัย พบว่า เพลงติดหู สามารถเหนี่ยวนำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมมนุษย์ในระดับมิติลึกๆ โดยเริ่มจากการเหนี่ยวนำสภาวะอารมณ์ ความคิด พฤติกรรมการตัดสินใจ และนำไปสู่ค่านิยมในการดำเนินชีวิต 

เพลง Bad Romance - Lady Gaga
เพลง Bad Romance - Lady Gaga

แก้ Earworm ยังไงดีล่ะ :

อาจารย์มองว่า อันดับแรก คือ อย่าพยายามที่จะฝืนสลัดออก แต่ให้หาอะไรทำ ซึ่งเป็นกิจกรรมไม่ง่ายเกินไปและไม่ยากเกินไป หรือหาคนพูดคุยด้วย แต่ก่อนจะไปถึงตรงนั้นอาจารย์ได้มีวิธีปิดกั้น ที่อ้างอิงจากงานวิจัยของ Harriet Brown (2015) จากมหาวิทยาลัย Reading ประเทศอังกฤษ เขาได้ศึกษาวิจัยเรื่องวิธีแก้ไขอาการ Earworm โดยผลการวิจัยพบว่า การเคี้ยวหมากฝรั่งสามารถลดอาการ Earworm ได้เป็นการชั่วคราว เพราะการเคี้ยวหมากฝรั่งเหมือนเป็นการไปปิดกั้นเสียงจากในหู ปิดกั้นการฟังการได้ยินเสียงในหู หรือเสียงที่ดังก้องอยู่ในหัวได้ในระยะเวลาอันสั้น 

ส่วน Carey Hoffman (2001) ได้เขียนบทความที่ชื่อ Songs that cause the brain to ‘rich’: professor investigates why certain turn get stuck in our heads ซึ่งได้กล่าวถึงการค้นพบเกี่ยวกับปรากฏการณ์ Earworm ของ Professor James Kellaris นอกจากนี้ในการศึกษาวิจัยยังได้ศึกษาเกี่ยวกับการกำจัดอาการ Earworm ให้ออกไปจากหัวด้วย 

เพลง PPAP (Pen Pineapple Apple Pen) - PIKOTARO
เพลง PPAP (Pen Pineapple Apple Pen) - PIKOTARO

โดยวิธีการที่ค้นพบก็คือ การทำตัวให้ยุ่งหรือหาอะไรทำให้มากเข้าไว้ การอ่านออกเสียงดัง การทำกิจกรรมที่ต้องใช้หน่วยความจำในการทำงานที่มีความยากระดับปานกลาง เช่น Sudoku, puzzle หรืออ่านนวนิยาย เป็นต้น โดยผู้วิจัยระบุว่า วิธีการดังกล่าวเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพ ที่สามารถหยุดอาการ Earworm ได้จริง

ทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมานั้น คือ เรื่องราววิทยาศาสตร์น่าสนใจเกี่ยวกับ Earworm หรือชื่อน่ารักๆ (?) แบบไทยว่า หนอนไชหู 

สำหรับใครที่สนใจ Earworm และอยากอ่านงานวิจัยของ 'รศ.ดร.ธันยวิช วิเชียรพันธ์' เพิ่มเติม สามารถอ่านได้ที่ การพัฒนากระบวนการแต่งเพลงติดหูสำหรับงานโฆษณา: The Development Process of Composing Earworm Songs for Advertising 

วันนี้ทีมข่าวฯ ขอไปย้อนฟังเพลงที่อาจารย์แนะนำมาก่อน จะได้หลอนหูกันไปยาวๆ เลยทีนี้...

ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน

อ่านบทความที่น่าสนใจ :