การปล่อยน้ำเสียปนเปื้อนสารกัมมันตภาพรังสี จากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะ ไดอิจิ ลงสู่มหาสมุทรแปซิฟิก เมื่อวันที่ 24 ส.ค.ที่ผ่านมา แม้ผ่านการบำบัดแล้ว และสำนักงานพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA) ของสหประชาชาติ ได้ไฟเขียว เมื่อเดือน ก.ค. หลังญี่ปุ่นศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมมานาน 2 ปี แต่ยังคงสร้างความกังวลให้กับชาวญี่ปุ่น และประเทศใกล้เคียง มีการประณามญี่ปุ่นไร้ความรับผิดชอบ

เป็นเหตุให้รัฐบาลจีน ประกาศห้ามนำเข้าอาหารทะเลจาก 10 จังหวัดในญี่ปุ่น รวมถึงฟุกุชิมะและกรุงโตเกียว แต่อนุญาตให้นำเข้าอาหารทะเลจากจังหวัดอื่นได้ แต่ต้องผ่านการทดสอบกัมมันตภาพรังสี และมีหลักฐานว่าผลิตนอก 10 จังหวัดต้องห้าม รวมถึงฟุกุชิมะและกรุงโตเกียว ขณะที่ชาวเกาหลีใต้ส่วนหนึ่งได้ออกมาประท้วง และผู้คนแตกตื่น มีการกักตุนอาหารทะเล สาหร่ายทะเล และเกลือไว้ล่วงหน้า

น้ำปนเปื้อนสารกัมมันตรังสีส่วนใหญ่ ถูกกรองออกไปแล้ว ยกเว้นทริเทียมและคาร์บอน-14 แยกออกจากน้ำได้ยากมาก แต่ญี่ปุ่นยืนยันอยู่ในระดับที่ปลอดภัยตามมาตรฐาน ซึ่งการทยอยปล่อยน้ำปนเปื้อนสารกัมมันตรังสี ในรอบแรกของบริษัท โตเกียว อิเล็กทริก พาวเวอร์ หรือ TEPCO ผู้ดำเนินการโรงไฟฟ้าฟุกุชิมะ ไดอิจิ เริ่มปล่อยในปริมาณ 7,800 ตันในระยะเวลา 17 วัน จากปริมาณน้ำที่ปนเปื้อนสารกัมมันตรังสีในถังกักเก็บมากกว่า 1.3 ล้านตัน ลงสู่มหาสมุทรแปซิฟิก คาดจะใช้เวลาประมาณ 30 ปี 

โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะ ไดอิจิ ของญี่ปุ่น
โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะ ไดอิจิ ของญี่ปุ่น

...


โรงไฟฟ้าฟุกุชิมะ ไดอิจิ เผชิญเหตุแผ่นดินไหวและสึนามิครั้งใหญ่ถล่มชายฝั่งตะวันออกของญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 11 มี.ค. 2554 ส่งผลให้เตาปฏิกรณ์ได้รับความเสียหาย จนสารกัมมันตภาพรังสีปริมาณมหาศาลรั่วไหล เป็นภัยพิบัตินิวเคลียร์ที่เลวร้ายที่สุดในโลก นับตั้งแต่โศกนาฏกรรมเชอร์โนบิลในปี 2529 ต้องใช้น้ำฉีดเพื่อลดอุณหภูมิ และเก็บน้ำที่ปนเปื้อนสารกัมมันตรังสีไว้ในถังกักเก็บจนเต็มความจุ นานกว่า 10 ปี โดยการปล่อยน้ำที่ผ่านการบำบัดแล้ว เป็นส่วนหนึ่งของภารกิจในการรื้อถอนโรงไฟฟ้า

ชาวเกาหลีประท้วงการปล่อยน้ำเสียปนเปื้อนกัมมันตภาพรังสี จากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะ ไดอิจิ ลงสู่มหาสมุทรแปซิฟิก
ชาวเกาหลีประท้วงการปล่อยน้ำเสียปนเปื้อนกัมมันตภาพรังสี จากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะ ไดอิจิ ลงสู่มหาสมุทรแปซิฟิก

ไทยตรวจสอบเข้มงวด อาหารทะเลนำเข้าจากญี่ปุ่น

ความกังวลที่เกิดขึ้นจากการปล่อยน้ำปนเปื้อนสารกัมมันตรังสี ลงสู่ทะเล ตั้งแต่วันที่ 24 ส.ค. ทางสมาคมนิวเคลียร์แห่งประเทศไทย ออกมาระบุมีความเป็นไปได้น้อยมากที่กัมมันตภาพรังสี จะส่งผลกระทบต่อชายฝั่งทะเลของไทย แต่การตรวจสอบอาหารทะเลจากชายฝั่งของไทยยังคงต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง และจะต้องตรวจสอบอาหารทะเลนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น เป็นการประกันความปลอดภัยให้กับผู้บริโภคไทย

เภสัชกรเลิศชาย เลิศวุฒิ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ขอผู้บริโภคอย่าวิตกกังวลเกี่ยวกับความไม่ปลอดภัย เพราะการนำเข้าอาหารทะเลเจ้าหน้าที่ด่านประมง ของกรมประมง และด่านอาหารและยาของ อย. มีการตรวจสอบอย่างเข้มงวด ร่วมกับสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ และสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) เพื่อมิให้มีการนำเข้าผลิตภัณฑ์อาหารที่มีการปนเปื้อนสารกัมมันตรังสีในอาหารเกินมาตรฐานที่กำหนด หากพบจะสั่งเรียกคืน และระงับการนำเข้าทันที ขอให้ประชาชนวางใจในการดำเนินงานของ อย. และให้รับฟังข้อมูลข่าวสารให้รอบด้าน  

...

อาหารทะเลไทย กินได้ไร้กังวล "ฟุกุชิมะ" อยู่ไกลมาก

ขณะที่ "ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์" นักวิชาการด้านทะเลและสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ระบุว่าคนไทยยังสามารถกินอาหารทะเลของบ้านเราได้เหมือนเดิม เพราะทะเลบ้านเราห่างจากฟุกุชิมะ 5,000 กม. วัดเป็นเส้นตรง และหากวัดลัดเลาะชายฝั่งจะไกลกว่ามาก หากสารมีอันตราย กว่าจะมาถึงต้องผ่านหลายประเทศ

นอกจากนี้กระแสน้ำคูโรชิโอะ (Kuroshio) ซึ่งเป็นกระแสน้ำหลักในทะเลแถบนั้นยังไหลขึ้นเหนือ ก่อนเบี่ยงออกกลางมหาสมุทร ไม่ได้ไหลลงใต้มาทางบ้านเรา หากคิดถึงการสะสมระยะยาวในดินตะกอน สัตว์น้ำ ฯลฯ ยังอยู่ไกลมาก สามารถกินอาหารทะเลไทยต่อไปได้ และควรกินเพื่อช่วยเหลือพี่น้องชาวประมงและเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ

น้ำบำบัดแล้ว เหลือทริเทียม และคาร์บอน-14 น้อยมาก

"ดร.สนธิ คชวัฒน์" ผู้ทรงคุณวุฒิด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ชมรมนักวิชาการสิ่งแวดล้อมไทย คาดว่าน้ำเสียที่ถูกบำบัดแล้วจะมีสารทริเทียม ประมาณ 190 เบ็กเคอเรลต่อลิตร ซึ่งมาตรฐานน้ำดื่มขององค์การอนามัยโลก ต้องไม่เกิน 10,000 เบ็กเคอเรลต่อลิตร ซึ่งเบ็กเคอเรลเป็นหน่วยวัดปริมาณกัมมันตรังสีที่เกิดจากการสลายตัวจากต้นกำเนิดรังสี และแม้ญี่ปุ่นจะใช้เทคโนโลยีขั้นสูงบำบัดน้ำเสียจนสารกัมมันตภาพรังสีหลายชนิดเข้าใกล้ศูนย์ แต่การบำบัดขั้นสูงนี้ไม่สามารถกำจัดสารทริเทียม และคาร์บอน-14 ได้หมดแต่จะเหลือน้อยมาก

...

ในช่วงเดือน มิ.ย. 2565 ถึง มิ.ย. 2566 จากการสำรวจพบปลา 44 ชนิดมีสารซีเซียม-137 ปนเปื้อนมากกว่า 100 เบ็กเคอเรลต่อกิโลกรัม ซึ่งสารกัมมันตภาพรังสีจากโรงไฟฟ้าที่ปนเปื้อนในมหาสมุทร และมีผลต่อสุขภาพอนามัยได้แก่ สารคาร์บอน-14, ไอโอดีน-131, ซีเซียม-137, สตรอนเซียม-90, โคบอลต์-60 และไฮโดร-3 ซึ่งเรียกว่าทริเทียม

ที่ผ่านมารัฐบาลฮ่องกง ไม่รับประกันการปนเปื้อนสารกัมมันตภาพรังสีต่อระบบนิเวศในทะเลและความปลอดภัยในอาหารทะเลเกรงจะมีผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาวโดยสั่งแบนอาหารทะเลจาก 10 จังหวัดในประเทศญี่ปุ่น ประกอบด้วยโตเกียว ฟุกุชิมะ ชิบะ กุนมะ โทชิกิ อิบารากิ มิยางิ นีงาตะ นากาโนะ และไซตามะ นอกจากนี้ประเทศจีนและเกาหลีใต้ ก็ได้ระงับการนำเข้าสัตว์น้ำและอาหารทะเลจากญี่ปุ่นเช่นกัน.