พลายศักดิ์สุรินทร์ ช้างไทยที่ถูกส่งมาเป็นทูตสันถวไมตรีให้กับศรีลังกาเมื่อ 22 ปีก่อน ได้เดินทางด้วยเครื่องบินลำเลียงขนาดใหญ่กลับสู่แผ่นดินแม่ แต่หลายคนยังไม่ทราบว่า ทำไมต้องทวงคืนกลับมา “ทีมข่าวเจาะประเด็น ไทยรัฐออนไลน์” ติดตามเรื่องนี้ตั้งแต่ปลายปี 2565 เพราะงาที่โค้งยาว หรือเรียกว่างาอุ้มบาตร จึงทำให้ต้องใช้ช้างไปเดินในขบวนแห่กว่าเดือนละ 30 ครั้ง จนขาซ้ายด้านหน้างอเข่าไม่ได้ และมีฝีขนาดใหญ่ด้านหลังทั้งสองแห่ง

พลายศักดิ์สุรินทร์ เป็นช้างไทยที่มอบให้ศรีลังกา เมื่อปี 2544 ด้วยความที่มีงายาว 50 ซม. ทั้งสองข้าง ถือเป็นช้างที่มีงายาวที่สุดในศรีลังกา มีอายุประมาณ 30 ปี แต่สภาพร่างกายทรุดโทรมกว่าวัย โดยวัตถุประสงค์การขอช้างเชือกนี้ของศรีลังกามีเอกสารระบุว่า ขอนำไปแห่พระบรมสารีริกธาตุ แต่เมื่อไทยมอบให้กลับส่งพลายศักดิ์สุรินทร์ไปอยู่วัดแห่งหนึ่งไม่ไกลจากเมืองหลวง

...

พลายศักดิ์สุรินทร์ มีปัญหาด้านสุขภาพ โดยขาหน้าแข็ง งอไม่ได้ ทำให้เดินได้ไม่ถนัด มีอาการมากว่า 10 ปี ซึ่งไม่มีการรักษาอย่างเหมาะสม นอกจากนี้ทางวัดที่ดูแลได้ล่ามโซ่ทั้งขาหน้าและขาหลังอย่างไม่เหมาะสม เนื่องจากโซ่ที่ล่ามมีระยะสั้น ทำให้ช้างขยับตัวลำบาก จึงไม่เหมาะสมกับสวัสดิภาพของช้าง ประกอบกับช่วงเวลานี้ศรีลังกาประสบปัญหาด้านเศรษฐกิจ ทำให้ช้างได้รับอาหารที่ไม่เหมาะสม
ช้างในศรีลังกาส่วนใหญ่จะมีงาสั้น ทำให้หาช้างที่มีลักษณะงาอุ้มบาตร อย่างพลายศักดิ์สุรินทร์ได้ยาก เหตุนี้จึงทำให้ต้องรับงานอย่างหนัก เพราะความงดงามของงา ซึ่งการช่วยเหลือของรัฐบาลไทย

ในการส่งกลับ มีการประสานกับทางวัดที่ดูแล โดยมีการนำออกมาพักรักษาไว้ที่สวนสัตว์ในกรุงโคลัมโบ ก่อนที่จะมีการประสานนำเครื่องบินมารับ กลับสู่อ้อมกอดของแผ่นดินไทย และได้มาพักฟื้นร่างกายหลังถูกใช้งานมาอย่างหนักหน่วงเกือบ 22 ปี

กัญจนา ศิลปอาชา ผู้ประสานงานพาช้างไทยกลับบ้าน ได้เปิดเผยแผนหลังจากนำพลายศักดิ์สุรินทร์ ไปอยู่ที่ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย จ.ลำปาง หลังผ่านการกักโรคไปแล้ว 1 เดือน เปิดให้คนที่ติดตามพลายศักดิ์สุรินทร์ ได้เข้าไปชื่นชม และให้กำลังใจน้องช้าง และจะมีการถ่ายทอดสดของทางศูนย์อนุรักษ์ เพื่อให้ผู้สนใจได้ติดตามการรักษาต่อไป.