การแท้งลูกของ "แอม ไซยาไนด์" ระหว่างถูกคุมขัง จะไม่ส่งผลต่อคดี เนื่องจากยังอยู่ในขั้นสืบหาพยานหลักฐาน แต่ในทางกลับกัน ต่อจากนี้ในการดำเนินคดีจะมีความชัดเจนขึ้น ที่ผ่านมามีคำถามจากสังคมถึงการตั้งครรภ์ จะทำให้การพิจารณาคดีหยุดชะงัก แต่ทางกฎหมาย ทนายผู้มีประสบการณ์ประเมินว่า ด้วยหลักฐานมีแนวโน้มว่าจะมีการพิจารณาขั้นสูงสุดถึงประหารชีวิต

23 มิ.ย. ที่ผ่านมา น.ส.โศรยา ฤทธิอร่าม ผอ.ทัณฑสถานหญิงกลาง ว่า เป็นเรื่องจริงที่แอมแท้งลูก เนื่องจากมีภาวะครรภ์เป็นพิษ โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 2-3 วันที่ผ่านมา โดยเจ้าตัวแจ้งกับเจ้าหน้าที่ผู้คุมว่าบุตรในครรภ์ชีพจรไม่เต้น ทำให้เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบและเชิญแพทย์สูตินรีของราชทัณฑ์เข้าตรวจเช็กด้วย ปรากฏว่าบุตรในครรภ์หัวใจไม่เต้นแล้ว

"แอม ไซยาไนด์" แท้งลูกในคุกไม่มีผลต่อคดี เตือนพูดความจริง หลักฐานแน่นถึงขั้นประหาร

สำหรับการดำเนินคดี "แอม ไซยาไนด์" ต่อจากนี้ ทีมข่าวเจาะประเด็น ไทยรัฐออนไลน์ สอบถามไปยัง วีระศักดิ์ โชติวานิช อุปนายกสภาทนายความ ให้ความเห็นว่า การแท้งลูกของ "แอม ไซยาไนด์" ไม่มีผลโดยตรงต่อคดี เพราะต่อให้คลอดลูกในระหว่างถูกคุมขังก็ไม่มีผลต่อคำพิพากษา เนื่องจากตอนนี้อยู่ในขั้นดำเนินการของศาลชั้นต้น ตัวอย่างเช่น กรณีที่ยังตั้งครรภ์ แต่ศาลมีคำพิพากษาให้ประหารชีวิต ก็ยังเปิดโอกาสให้คลอดลูก และต้องอยู่กับบุตรอีก 3 ปี ถ้าครบ 3 ปี แล้ว หากเด็กอยู่รอดปลอดภัย จะได้รับการพิจารณาจากโทษประหารชีวิตเป็นจำคุกตลอดชีวิต

...

“การแท้งลูกของแอม เวลานี้ยังไม่ได้อยู่ในกระบวนการเริ่มต้นฟ้องของศาลเลย แต่อยู่ในขั้นตอนรวบรวมพยานหลักฐานของพนักงานสอบสวน เพื่อส่งให้อัยการพิจารณา ว่าสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้อง ด้วยความที่ผู้ต้องหาอยู่ในเหตุอุกฉกรรจ์ ศาลเลยไม่ให้ประกันตัว ถ้าไม่แท้ง ในระหว่างพิจารณาคดี แต่อยู่ในระหว่างใกล้คลอด ศาลต้องพักการพิจารณาคดี เพื่อให้คลอดก่อน เพราะการพิจารณาคดีอาญา ต้องพิจารณาต่อหน้าจำเลย ไม่สามารถขอพิจารณาคดีลับหลังได้ กรณีแท้งลูก เมื่อพักฟื้นจนหายดีแล้ว กระบวนการพิจารณาก็ยังดำเนินต่อ โดยไม่ได้สะดุด ซึ่งการพิจารณาคดีจะดำเนินได้เร็วกว่าตอนตั้งครรภ์”

"แอม ไซยาไนด์" แท้งลูกในคุกไม่มีผลต่อคดี เตือนพูดความจริง หลักฐานแน่นถึงขั้นประหาร

ด้านการฟ้องร้องเพื่อกล่าวหาเอาผิดกับเจ้าหน้าที่ในการดูแล หรือเป็นเหตุให้ครรภ์เป็นพิษ ถือเป็นสิทธิของผู้ที่เกี่ยวข้องที่สามารถทำได้ แต่ในอีกมุมหนึ่งก็ต้องตระหนักให้ดีว่า การจะกล่าวหาเจ้าหน้าที่ โดยไม่อยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง แต่เป็นการสร้างกระแสขึ้นมา อาจถูกฟ้องกลับฐานฟ้องเท็จได้

หากมองภาพรวมตามกฎหมายในคดีของแอม ต้องมองในภาพรวม เพราะเหตุที่เกิดขึ้นไม่ใช่เกินขึ้นเพียงครั้งเดียว แต่ละครั้งก็มีเป้าหมายชัดเจน คล้ายฆาตกรต่อเนื่อง โดยมุ่งหวังต่อทรัพย์สิน หรือสิทธิประโยชน์ หลายครั้งญาติของเหยื่อก็ไม่ได้ติดใจ เลยทำการณาปนกิจร่างของผู้ตาย ทำให้หลักฐานสำคัญหายไป แต่มีเหยื่อรายหนึ่งรอดมาได้ ซึ่งเป็นพยานปากสำคัญ ที่จะเชื่อมโยงกับหลักฐานของผู้ตายรายอื่นๆ

"แอม ไซยาไนด์" แท้งลูกในคุกไม่มีผลต่อคดี เตือนพูดความจริง หลักฐานแน่นถึงขั้นประหาร

แม้พบหลักฐานการกระทำผิดเพียงครั้งเดียว แต่แอมขณะนี้ให้การปฏิเสธมาตลอด ดังนั้นเมื่อศาลพิพากษา จะถือว่าแอมปฏิเสธมาโดยตลอด และหาทางต่อสู้ในฐานความผิดที่ตนเองกระทำ ศาลจะให้ความปรานีได้อย่างไร โดยเฉพาะตอนนี้ก็ไม่ได้ตั้งท้องเหมือนก่อนแล้ว จึงมีโอกาสที่ศาลจะพิพากษาลงโทษประหารชีวิต

ดังนั้น สิ่งที่ควรทำตอนนี้คือ การให้ข้อเท็จจริงที่เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินคดี และสามารถทำให้กระบวนการพิจารณาดำเนินไปได้รวดเร็ว ซึ่งเป็นประโยชน์ทำให้ศาลพิจารณาลดโทษได้.