การซื้อเสียงเลือกตั้ง และสารพัดกลโกงวิชามาร ตั้งแต่การแจกเงินผ่านหัวคะแนนเกณฑ์ชาวบ้านมาฟังปราศรัยหาเสียง จัดรถบัสหลาย 10 คัน พาคนในชุมชนไปเที่ยวแบบกินฟรีนอนฟรี เกิดขึ้นในทุกยุคทุกสมัย โดยเฉพาะในคืนหมาหอน ก่อนวันเลือกตั้ง มีการแจกกระสุนไม่ยั้ง เริ่มต้นตั้งแต่ 300-500 บาทขึ้นไป
หลายฝ่ายคาดหวังกกต.จะทำหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ ในการป้องปรามการทุจริตซื้อสิทธิขายเสียง และการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งในหลายรูปแบบ ไม่ให้ถูกวิพากษ์วิจารณ์และตั้งข้อกังขา เหมือนเช่นการเลือกตั้งล่วงหน้าที่ผ่านมา ยิ่งทำให้วันเลือกตั้ง 14 พ.ค. 2566 ถูกจับตามองมากยิ่งขึ้นว่ากกต.จะทำหน้าที่จัดการเลือกตั้งให้บริสุทธิ์ยุติธรรมได้จริงหรือไม่?
ส่องข้อบกพร่องกกต. เต็ม 10 ได้ 5 คะแนน
...
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการทำหน้าที่ของกกต.ในช่วงที่ผ่านมาถูกถล่มอย่างยับเยินในหลายๆ ประเด็น แต่ ”รศ.ดร.ธนภัทร ปัจฉิมม์” คณบดีโรงเรียนกฎหมายและการเมือง มหาวิทยาลัยสวนดุสิต กลับมองว่า กกต.เป็นความน่าเชื่อถือในประเด็นเลือกตั้ง ซึ่งต้องให้เครดิตกับกกต. และการทุจริตเลือกตั้งล่วงหน้ามีจริงหรือไม่ ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน เหมือนการกล่าวหากกต. อาจมีทั้งข่าวลวง ข่าวหลอกก็ได้ในเรื่องทุจริตเลือกตั้ง ถือเป็นอีกส่วนหนึ่ง
“ถ้าจะบอกว่าทุจริต ก็ต้องมีหลักฐาน ถ้าไม่มีก็เป็นคำกล่าวอ้างลอยๆ และความน่าเชื่อถือของกกต.ที่ถูกลดลงไป เพราะที่มาของกกต.ชุดนี้มาจากอำนาจเดิมของคสช. ทำให้เป็นแผลใหญ่ จนขาดความน่าเชื่อถือ และประเด็นการซื้อเสียงไม่ใช่กกต.เท่านั้น แต่มีมาก่อนหน้าหลายรูปแบบ อย่าโทษกกต.ทั้งหมด ก็ไม่แฟร์ ถ้านักการเมืองไม่ซื้อเสียง ก็ไม่มีการทุจริต ซึ่งเป็นหน้าที่กกต.ต้องดูแล”
หากกกต.มีการปล่อยปละละเลย ต้องไปดูว่ากกต.ได้ทำหน้าที่ป้องกันและปราบปรามการซื้อเสียงมากน้อยเพียงใด ยกเว้นไม่ได้สร้างกระบวนการเฝ้าระวังซื้อสิทธิขายเสียง และการทุจริตเลือกตั้ง ไม่มีการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ถึงโทษของการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งอย่างจริงจัง และที่ผ่านมาต้องยอมรับว่ากกต.ทำในเรื่องนี้น้อยไปมากๆ หากให้คะแนนก็ไม่เกิน 5 คะแนนจากเต็ม 10
ถือว่าข้อนี้เป็นความบกพร่องของกกต.เพราะรอแต่การจัดเลือกตั้งเพียงอย่างเดียว ทั้งๆ ที่ควรทำมากกว่านี้ หรือแม้มีที่มาจากอำนาจเดิม แต่อย่างน้อยควรทำหน้าที่ไม่ให้ขัดกับความรู้สึกของประชาชน และหากจะพูดจริงๆ กกต.ชุดนี้ไม่เหมือนกับกกต.ชุดแรกที่ทำหน้าที่และวางบทบาทได้ดีมากในเรื่องการรณรงค์เลือกตั้ง และการประชาสัมพันธ์เรื่องพิษภัยของการทุจริตเลือกตั้ง
โกงเลือกตั้งมีทุกสมัย แต่ยุคนี้ซื้อคนรุ่นใหม่ได้ยาก
ในเรื่องกลโกงเลือกตั้ง ต้องยอมรับว่าในกระบวนการเลือกตั้งมีการซื้อสิทธิ์ขายเสียงจริงในทุกสมัย แต่รูปแบบการโกงมีการพัฒนาจากในอดีต และในยุคดิจิทัล ซึ่งแน่นอนมีการใช้เครื่องมือทางเทคโนโลยีในการซื้อสิทธิ์ขายเสียง จะมีหลักฐานปรากฏชัด ทำให้รูปแบบการซื้อเสียงจะเน้นไปที่ความสัมพันธ์ส่วนบุคคล ความนิยมชมชอบ และการเป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ ด้วยการให้สินบน ของรางวัล หรือของตอบแทน ในรูปแบบอื่น
...
“การซื้อเสียงในยุคนี้ไม่เถื่อน ไม่โจ่งแจ้งเหมือนในอดีต และมีจุดเปลี่ยนไป เพราะกลุ่มผู้มีสิทธิเลือกตั้งครั้งแรก จะทำได้ยากในการซื้อเสียงคนเหล่านี้ ยกเว้นหัวคะแนนส่งผ่านไปพ่อแม่ ว่ามีคนในครอบครัวกี่คน เพื่อหัวคะแนนจะได้ไปจัดสรร แต่อย่างไรแล้วก็ไม่เหมือนอดีต อีกทั้งผู้มีสิทธิเลือกตั้งครั้งแรก ก็ตื่นตัวมากกับบางพรรคการเมืองที่เป็นตัวแทนคนรุ่นใหม่ ถ้าในต่างจังหวัดหรือชนบทจริงๆ อาจซื้อเสียงได้บ้างประปราย หรืออาจเอาเงิน แต่ไม่เลือก”
การโกงเลือกตั้งครั้งนี้ เทียบกับเลือกตั้งปี 2562 คิดว่าการโกงไม่ต่างกัน เพราะมีตัวละครเดิมๆ อาจไม่ได้เหมารวมหรือหมายถึงว่ามีการโกงเลือกตั้ง แต่อาจใช้วิธีพิเศษ เป็นการกระทำภายหลังก่อนหมดวาระในการทำหน้าที่ เช่น ปรับขึ้นเงินเดือนให้บางหน่วยงาน เพื่อให้ได้คะแนนนิยม
แต่ในความเป็นจริงอาจไม่ได้ใจคนเหล่านั้นก็ได้ เหมือนเป็นการตบหัวแล้วลูบหลัง ทำให้เสียแต้ม หากจะกระจายอำนาจท้องถิ่นจริงๆ ก็น่าจะเป็นประโยชน์มากกว่าการไปเพิ่มเงินเดือน อีกทั้งการเพิ่มเงินเดือน สามารถทำได้ตั้งนานแล้ว ไม่ใช่ดำเนินการใกล้หมดวาระ เพื่อหวังคะแนนนิยมเท่านั้น
...
รัฐบาลต้องมาจากประชาชน หวั่นเกิดปรากฏการณ์ช็อก
ในเรื่องความคาดหวังในการเลือกตั้งครั้งนี้ จะต้องได้รัฐบาลมาจากประชาชน และเป็นรัฐบาลมาจากเจตจำนงของประชาชนโดยแท้จริง หวังว่าจะไม่มีรัฐบาลเสียงข้างน้อย และหวังว่าจะมีรัฐบาลที่มีเอกภาพ ไม่ง่อยเปลี้ยเสียขา ไม่ใช่รัฐบาลไปหาเสียงข้างหน้าในการจัดตั้งรัฐบาล จนเกิดงูเห่า หรือเกิดมุ้งที่ทรยศกับพรรคตัวเอง
“หากรัฐบาลชุดใหม่ จัดตั้งมาจากเสียงข้างน้อยและพยายามยื้อไปเรื่อยๆ จะทำให้ประชาชนรับไม่ได้ และส่วนตัวคิดว่าจะมีการเลือกตั้งซ่อมครั้งใหญ่ เลือกส.ส.จำนวนมาก อาจเกิดขึ้นได้ จากปรากฏการณ์พลิกสายตาคนดูในเรื่องข้อกฎหมาย ทำให้พรรคการเมืองสูญเสียพื้นที่ อาจถึงขั้นยุบพรรคก็ได้ ถ้ามีข้อเท็จจริงเกิดขึ้นจริงว่าผิดจริง ก็จะส่งผลกระทบล้มเป็นโดมิโน จากข้อผิดพลาดเรื่องคุณสมบัติผู้สมัคร”.