ไข้หวัดนกชนิดเอ สายพันธุ์ H5N1 กลับมาระบาดใกล้ๆ ประเทศไทย ภายหลัง 2 พ่อลูกชาวกัมพูชาเสียชีวิตจากไข้หวัดนก ทำให้ไทยต้องเฝ้าระวังยกระดับมาตรการควบคุมโรคตามแนวชายแดนให้มากขึ้น จากบทเรียนในการรับมือ เพราะเคยระบาดในไทยระหว่างปี 2547-2549 มีผู้ป่วย 25 ราย เสียชีวิต 17 ศพ ก่อความเสียหายต่อการส่งออกสัตว์ปีกมากกว่า 60,000 ล้านบาท รวมถึงอุตสาหกรรมการเลี้ยงไก่พื้นบ้าน และต้องทำลายไก่ไปมากกว่า 60 ล้านตัว

ไข้หวัดนก เกิดจากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ชนิดเอ ส่วนใหญ่พบในสัตว์ปีก ซึ่งมีหลายสายพันธุ์ และบางสายพันธุ์มีความรุนแรงสามารถติดต่อสู่คนได้ จากการสัมผัสสิ่งคัดหลั่งของสัตว์ป่วยหรือตาย รวมถึงการหายใจเอาเชื้อเข้าร่างกาย และกินสัตว์ปีก หรือไข่ของสัตว์ปีกที่ปรุงไม่สุก ระยะฟักตัวหลังได้รับเชื้อเฉลี่ย 2-5 วัน หรืออาจยาวนาน 17 วัน จะมีอาการทางเดินหายใจคล้ายไข้หวัดใหญ่ แต่มีความรุนแรงมากกว่าจนถึงขั้นปอดอักเสบเสียชีวิต และอาจท้องเสีย อาเจียน ปวดท้อง หรือชักเกร็ง

ไทยเฝ้าระวังไข้หวัดนก
ไทยเฝ้าระวังไข้หวัดนก

...

ไทยเสี่ยงหรือไม่ ไข้หวัดนกระบาดซ้ำเหมือน 16 ปีก่อน

สถานการณ์ไข้หวัดนกที่เกิดขึ้นในประเทศเพื่อนบ้านมีความเสี่ยงมากน้อยเพียงใดที่จะเข้ามาระบาดในไทย เพื่อการเตรียมพร้อมรับมือไม่ให้ซ้ำรอยเหมือนเมื่อ 16 ปีก่อน “ศาสตราจารย์ น.สพ.ดร.สถาพร จิตตปาลพงศ์” คณบดีคณะเทคนิคการสัตวแพทย์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ระบุ ไทยไม่มีความเสี่ยงที่ไข้หวัดนกจะระบาดเข้ามา เพราะจากมาตรการที่เข้มงวด และเป็นหนึ่งในโรคที่ไทยเคยมีบทเรียนมาก่อน ขณะที่กัมพูชามีการระบาดมานานแล้ว แต่ไม่เคยเข้มงวด ทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 ศพ

“หากดูจากสถิติต่างๆ ไม่น่ากังวลว่าไข้หวัดนกจะระบาดเข้าไทย แม้จะมีสัตว์ปีกบินข้ามเข้ามา และการเลี้ยงไก่เนื้อในฟาร์มมีมาตรฐานสูง มีระบบจัดการที่ดี แต่ด้วยอาการของโรคไข้หวัดนกอาจดูไม่ออก เพราะโควิดยังคงอยู่ อาจแยกกันไม่ออก และหมอส่วนใหญ่ไม่นึกถึงไข้หวัดนก แต่จะนึกถึงแต่โควิด อย่างไรแล้วโรคไข้หวัดนกสามารถรักษาได้ ไม่ต้องตกใจ ควรต้องระวังโควิดจะดีกว่า”

อีกอย่างไข้หวัดนกมีความเสี่ยงเฉพาะคนเลี้ยงและคนขายไก่ เพราะมีการสัมผัส และไก่ที่ชาวบ้านเลี้ยงไม่ค่อยนำออกมาขาย ยกเว้นในต่างจังหวัด แต่ก็ไม่มาก ส่วนใหญ่เป็นไก่ในฟาร์มที่มีมาตรฐานสูง จึงไม่น่าจะรุนแรง หรือแม้แต่เชื้อไวรัสมาร์บวร์กที่คล้ายกับไวรัสอีโบลา ก็ไม่น่าข้ามเข้ามาไทยได้ เช่นเดียวกับไข้หวัดนก ซึ่งมีรายงานสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง ไม่น่ากังวลเท่ากับโควิดที่มีอัตราการเสียชีวิตสูงกว่า จากการรับเชื้อทางอากาศ

ส่วนไข้หวัดนกเกิดจากคนเลี้ยงไก่และเกี่ยวข้องกับไก่ไปสัมผัสไก่ที่ติดเชื้อโดยตรง ถือว่าค่อนข้างห่างไกลที่ไทยจะเกิดการระบาดของไข้หวัดนก แต่อยากให้ประชาชนติดตามข่าวสารอย่างต่อเนื่องเพื่อความไม่ประมาท แต่อย่าตื่นตระหนก เพราะกรมปศุสัตว์ของไทยมีการสุ่มตรวจและเฝ้าระวังดูแลอย่างต่อเนื่อง และโอกาสที่ไข้หวัดนกจะมาจากนกนั้นน้อยมาก มีการแพร่กระจายเชื้อได้ต่ำมากในกลุ่มของสัตว์ปีก

ไข้หวัดนกติดนกพิราบได้ แต่โอกาสน้อย เพราะไม่ใช่นกป่า

ขณะที่โอกาสที่เชื้อไข้หวัดนกจะติดไปสู่นกพิราบก็มีโอกาส หากมีนกพิราบตายเป็นกองจำนวนมาก แต่โอกาสน้อยเช่นกัน เพราะนกพิราบไม่ได้อยู่ในสภาพแวดล้อมเดียวกับพวกนกป่า ไม่อยากให้คนกังวล จะต้องจัดลำดับความสำคัญให้ดี ก่อนจะตื่นตระหนก เพราะหากมีนกพิราบตาย 1-2 ตัว อย่าตกใจกลัว ซึ่งเป็นการตายตามอายุขัยของนกพิราบ ยกเว้นมีนกพิราบตายเป็นจำนวนมากอย่างผิดปกติ ควรประสานกรมปศุสัตว์ให้มาพิสูจน์โรค และคิดว่าไทยมีความพร้อมระดับหนึ่งในการควบคุมโรคไข้หวัดนกจากบทเรียนที่ผ่านมา

...

ที่สำคัญที่สุดควรสัมผัสสัตว์ปีกให้น้อยที่สุด หรือหากเห็นนกบาดเจ็บ ไม่ควรไปสัมผัส และเนื้อไก่ดิบต้องไม่ใช้มือหยิบจับ ต้องปรุงให้สุกก่อนนำมารับประทาน หากไม่อยู่ในวงจรติดโรคก็ปลอดภัย และสัตว์ในฟาร์มแทบไม่มีโอกาสติดเชื้อไข้หวัดนก เพราะไม่ได้ไปสัมผัสกับสัตว์ปีกภายนอก เหมือนกับการเลี้ยงไก่อยู่หลังบ้าน หรือเลี้ยงนกป่าอาจมีความเสี่ยงมากกว่า

“ไทยต้องระวังรอยต่อแนวชายแดน ไม่ใช่เฉพาะกัมพูชา ยังมีเมียนมา และลาว ซึ่งมีระบบด้านสาธารณสุขอ่อนกว่าบ้านเรา อาจเกิดการแพร่เชื้อไข้หวัดนก แต่อย่างที่บอกอัตราการตายน้อยกว่าโควิด และสามารถรักษาได้ ไม่เหมือนกับในอดีต หรือแม้ไข้หวัดนกจะกลายพันธุ์เหมือนโควิด มีการแพร่เชื้อผ่านทางสัตว์ปีก หากเจอเชื้อกลายพันธุ์ตัวใหม่ก็ต้องเรียนรู้ใหม่ และคิดว่าทางกรมปศุสัตว์ต้องสุ่มตรวจอยู่แล้ว แต่ตอนนี้บอกว่าไม่มี ก็ยังไม่มีอย่างที่บอก อย่าตื่นตระหนกกังวลกันมาก”.