ผู้สูงอายุในสังคมไทยถูกทอดทิ้งให้อยู่อย่างโดดเดี่ยว มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นทุกปี จากสภาพเศรษฐกิจและสังคมที่เปลี่ยนไป ส่งผลกระทบต่อโครงสร้างครอบครัวให้กลายเป็นครอบครัวเดี่ยวมากขึ้น ทำให้ความรักความผูกพันในครอบครัวน้อยลง และผู้สูงอายุอาจถูกมองข้ามจากลูกหลาน แทบไม่เหลือความเป็นสังคมไทยในอดีต

“อยู่คนเดียว แสนจะเปลี่ยวใจ โบราณว่าไว้ แสนสบายแต่ไม่สนุก อยู่สองคน มีแต่ความทุกข์ แสนสนุก แต่ไม่สบาย ไตร่ตรองดู สองอย่างต่างกัน อันความดีนั้นเห็นต่างกัน ชนิดละฝ่าย อยู่คนเดียว เที่ยวกินใช้ คราเจ็บไข้ ไม่มีใครรักษาเรา....” ใครที่เกิดในช่วงก่อนปี 2500 คงคุ้นหูกับเพลงนี้ดี “มีคู่เสียเถิดคุณขา” ของดารารัตน์ เกียรติเกิดสุข นักร้องในตำนาน เจ้าของเพลงฮิต "จับปูดำ"

“รศ.ดร.ศุทธิดา ชวนวัน” สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล บอกว่า ไม่น่าเชื่อเลยว่า แม้เพลงนี้จะเป็นเพลงดังข้ามยุคในอดีตเมื่อ 60 กว่าปีก่อน แต่ก็ยังสะท้อนภาพการอยู่คนเดียวและการมีคู่ในปัจจุบันได้อย่างน่าสนใจ เพราะทุกวันนี้แนวโน้มการอยู่คนเดียวของผู้สูงอายุกำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเริ่มส่งสัญญาณที่ชัดเจนขึ้นในเรื่องการไม่มีผู้ดูแลในบั้นปลายชีวิต

...

“สังคมไทยในปัจจุบันเริ่มกลายเป็นสังคมไร้ลูกหลาน ค่านิยมเรื่องการมีคู่เปลี่ยนไป คนหนุ่มสาวเลือกที่จะอยู่เป็นโสดมากขึ้น แต่งงานกันช้าลง ต้องการมีบุตรน้อยลง หรือเลือกที่จะไม่มีบุตรเลย ข่าวต่างๆ ผ่านสื่อสังคมออนไลน์และสื่อสาธารณะได้นำเสนอภาพความยากลำบากและความไม่ปลอดภัยในการใช้ชีวิตเพียงลำพังของผู้สูงอายุ จากปัญหาทั้งทางด้านสุขภาพ จิตใจ เศรษฐกิจ การอยู่อาศัย รวมไปถึงความเหลื่อมล้ำในการเข้าไม่ถึงบริการทางสังคม”

ประเด็นดังกล่าวนี้ได้ชวนขบคิดในเรื่องการเตรียมความพร้อม หรือการเตรียมตัวที่จะรองรับจำนวนผู้สูงอายุที่อยู่ตามลำพังคนเดียว ซึ่งจะมีจำนวนมากขึ้นในอนาคต นำไปสู่คำถามที่ว่า เมื่อต้องอยู่คนเดียวในบั้นปลายชีวิตผู้สูงอายุกลุ่มนี้จะอยู่กันอย่างไร และใครจะเป็นผู้ดูแล?

จากสถานการณ์การอยู่ตามลำพังคนเดียวของผู้สูงอายุในปี 2563 ประมาณครึ่งหนึ่งของครัวเรือนไทยทั้งหมดที่มีผู้สูงอายุอาศัยอยู่ พบว่ามีครัวเรือนที่มีผู้สูงอายุอยู่ตามลำพังคนเดียวและคู่สามีภรรยาอยู่กันตามลำพัง มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงปี 2533-2563 ครัวเรือนทั้งสองรูปแบบมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเกือบ 6 เท่าตัว

เนื้อเพลงสะท้อนภาพอยู่คนเดียว โดดเดี่ยว เศร้าใจ

“อยู่คนเดียว แสนจะเปลี่ยวใจ” สะท้อนความรู้สึกเหงา โดดเดี่ยว เศร้าใจ ที่ต้องอยู่คนเดียว การวิเคราะห์ข้อมูลจากการสำรวจอนามัยและสวัสดิการ พ.ศ. 2562 ของสำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่า ผู้สูงอายุที่อาศัยอยู่ตามลำพังคนเดียวรู้สึกกังวลและซึมเศร้า มากกว่าผู้สูงอายุที่อาศัยอยู่ร่วมกับคนอื่น ยิ่งมีอายุมากขึ้นยิ่งมีความรู้สึกกังวลและซึมเศร้าเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะผู้สูงอายุหญิงที่มีความรู้สึกกังวลและซึมเศร้ามากกว่าผู้สูงอายุชาย เหตุผลหนึ่งมาจากการเสียชีวิตของคู่สมรส และการอยู่เป็นโสด

งานวิจัยของสถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล สะท้อนสภาพจิตใจของผู้สูงอายุที่อยู่ตามลำพังคนเดียว ซึ่งมีจำนวนไม่น้อยที่มีความรู้สึก “กังวลกับการอยู่คนเดียว และกลัวตายคนเดียว” พวกเขาอยากให้มีคนแวะเวียนมาหาบ้าง การมีคนมาพูดคุยด้วยจะช่วยลดความเสี่ยงต่อความเปราะบางทางด้านจิตใจ

“อยู่คนเดียว เที่ยวกินใช้ คราเจ็บไข้ ไม่มีใครรักษาเรา” สะท้อนเรื่องการใช้ชีวิตคนเดียว อยากทำอะไรก็ทำได้ แต่ก็ยังทิ้งท้ายไว้ว่า หากเจ็บป่วยไม่สบายจะไม่มีใครช่วยดูแลรักษา หากผู้สูงอายุไม่มีการเตรียมตัวในเรื่องการออมเงินมาก่อนหน้า เมื่อเจ็บป่วย ไม่สบายในยามชรา อาจไม่มีเงินไปรักษา รวมถึงเมื่อต้องอยู่ตามลำพังคนเดียว หากมีความจำเป็นต้องเดินทางไปโรงพยาบาลแล้ว จะไปได้อย่างไร

ข้อมูลจากการสำรวจอนามัยและสวัสดิการ พ.ศ. 2562 ของสำนักงานสถิติแห่งชาติ แสดงให้เห็นว่า ร้อยละ 26 ของผู้สูงอายุที่อาศัยอยู่ตามลำพังคนเดียว “ไม่มีผู้พาไปรับการรักษา” ถือเป็นปัญหาสำคัญสำหรับผู้สูงอายุที่อยู่ตัวคนเดียวโดยไม่มีลูกหลานดูแล ทำให้มีความยากลำบากในการเข้าถึงบริการทางสุขภาพ

...

บริการทางสังคมทั่วถึง ผู้สูงอายุทุกคนต้องได้รับดูแล 

การเตรียมความพร้อมอย่างหนึ่งที่นำไปสู่การสูงวัยอย่างมีคุณภาพ คือ การจัดบริการทางสังคมอย่างทั่วถึง และครอบคลุมให้กับคนทุกกลุ่มวัย หมายถึงว่าผู้สูงอายุทุกคนควรได้รับดูแล จากการมีระบบการดูแลโดยชุมชน (community based services) อาจเป็นคำตอบที่เหมาะสม โดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นควรเป็นหน่วยงานหลักที่มีบทบาทในการดูแลผู้สูงอายุในชุมชน ร่วมกับภาคประชาสังคม องค์กรพัฒนาเอกชน วัด โรงเรียน และโรงพยาบาล

นอกจากนี้แล้ว การจัดบริการทางสังคมควรเป็นในลักษณะสามารถเคลื่อนเข้าไปหาผู้สูงอายุในที่อยู่อาศัย สำหรับผู้ที่ไม่สามารถออกมารับบริการได้ด้วยตนเอง และควรสนับสนุนการมี “ระบบช่วยเหลือการเข้าถึงบริการแบบครบวงจร” ในการไปรับที่บ้านพาไปยังจุดหมายปลายทางและส่งกลับบ้าน ในรูปแบบอาสาสมัคร หรือธุรกิจเพื่อสังคมสูงวัย

“การจัดบริการทางสังคมเพื่อผู้สูงอายุ ควรให้ความสำคัญมากขึ้นกับกลุ่มผู้สูงอายุที่อยู่ตามลำพังคนเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งอยู่คนเดียวแบบไร้ญาติขาดมิตร สุขภาพไม่ดี และติดเตียง เพราะเป็นผู้สูงอายุกลุ่มเปราะบาง ควรจำเป็นจะต้องเฝ้าระวังและดูแลผู้สูงอายุกลุ่มนี้เป็นพิเศษ”

...