รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เข้าสู่ปีที่ 3 หลังการเลือกตั้ง 24 มี.ค. 2562 และตลอดปี 2565 มีผลงานใดเข้าตาบ้าง หรือต้องปรับปรุง จากปัญหาข้อผิดพลาด ภายใต้โจทย์ใหญ่ในการแก้ปัญหาปากท้องของประชาชน ท่ามกลางเศรษฐกิจไม่ค่อยสู้ดี และปี 2566 อาจเลวร้ายหนัก ในห้วงเข้าสู่โหมดเลือกตั้งใหม่ จากพิษเศรษฐกิจโลกยังไม่กระเตื้อง
หากประเมินผลงานรัฐบาล ”บิ๊กตู่” ปี 2565 จากคะแนนเต็ม 10 มาดูกันว่าเหล่านักวิชาการทั้งหลาย จะให้สอบผ่านหรือไม่ในภาพรวม และตั้งฉายารัฐบาล ”บิ๊กตู่” ปี 2565 เป็นอย่างไร จากหลายๆ เหตุผล เป็นสีสันก่อนเข้าสู่ปีใหม่ 2566

ผลงานสอบตก 2 เรื่อง "การเมือง-เศรษฐกิจ"
เริ่มจาก ”รศ.ดร.ยุทธพร อิสรชัย” อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ได้ประเมินผลงานรัฐบาลปี 2565 แบ่งเป็น 3 ด้าน คือ ด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม โดยด้านการเมืองนั้น ยังไม่ชัดในเรื่องกระบวนการปฏิรูปการเมือง และการแก้ปัญหาความขัดแย้งในสังคม ตั้งแต่การรัฐประหารปี 2557 นำมาเป็นเหตุประการหนึ่งในการยกอ้างว่าสังคมแตกแยก กระทั่งหลังการเลือกตั้ง ปี 2562 ”เลือกความสงบ จบที่ลุงตู่” จากพรรคพลังประชารัฐ ก็ยังไม่เห็นว่าความขัดแย้งจะหายไป และกระบวนการความปรองดองก็ไม่เห็นความชัดเจน หรือการปฏิรูปประเทศ ตั้งแต่ปี 2557 มีคณะกรรมการปฏิรูปประเทศ และคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ ก็ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน จึงให้คะแนนผลงานด้านการเมืองเพียง 4 เท่านั้นจากคะแนนเต็ม 10
...

เมื่อมาดูด้านเศรษฐกิจ ก็เป็นปัญหาเรื้อรังทั้งปัจจัยภายนอกจากเศรษฐกิจโลก ผนวกกับโควิดระบาด และสงครามรัสเซียกับยูเครน ทำให้เป็นปัญหาเหนือการควบคุม และเศรษฐกิจภายในประเทศ พบว่าความมั่นใจของประชาชนก็มีน้อย จากปัญหาเสถียรภาพทางการเมือง ทำให้การบริโภคน้อยไปด้วย ยิ่งช่วงโควิดการบริโภคหายไปร่วม 2 ปี จึงเป็นปัญหาจากเศรษฐกิจภายในประเทศ และเป็นคำถามหลักกับรัฐบาล จึงให้ 4 คะแนนเท่ากับด้านการเมือง
ในส่วนด้านสังคม กับข้อวิพากษ์วิจารณ์ที่สำคัญ คือวัคซีนโควิด ได้เห็นความเหลื่อมล้ำด้านสาธารณสุขและความเหลื่อมล้ำทางสังคม เพราะโอกาสการเข้าถึงของประชาชนนั้นน้อยลง จากนโยบายด้านเศรษฐกิจที่เห็นได้ชัดตั้งแต่ปี 2561 พบว่าความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคมมีช่องว่างมากขึ้น และห่างไปเรื่อยๆ เนื่องจากการเมืองไม่เป็นประชาธิปไตย แม้มีการเลือกตั้งในปี 2562 และกลไกของรัฐธรรมนูญปี 2560 ยังกำกับอยู่ ทำให้ประชาชนไม่สามารถเข้าถึงกลไกเลือกตั้งได้
“ทั้งวัคซีนก็ดี สังคมก็ดี ให้ 5 คะแนน เพราะอย่างน้อยรัฐบาลได้จัดระเบียบทางสังคมในหลายเรื่อง จากการเป็นรัฐบาลแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด เช่น จัดระเบียบวินรถตู้ สลากกินแบ่งรัฐบาล จากการใช้อำนาจเผด็จการ”

"ตู่อยู่ยาว" ไม่สน ไม่แคร์ สารพัดวิธี ปูทางอำนาจ
ด้านฉายาของรัฐบาลขอตั้งฉายาว่า ”ตู่อยู่ยาว” เพราะอยู่ยาวมาตั้งแต่ปี 2557 จนเกิดคำถามปมนายกฯ 8 ปี และสามารถอยู่ได้ถึงปี 2568 อย่างล่าสุดพล.อ.ประยุทธ์ประกาศเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคร่วมไทยสร้างชาติ ซึ่งเป็นไปตามคาด และไม่แน่ใจว่าจะอยู่ถึงปี 2568 หรืออาจรื้อรัฐธรรมนูญ เพื่อให้อยู่ต่อให้ยาวก็ได้
แต่สิ่งจำเป็นที่สุด ต้องสร้างประชาธิปไตยในสังคมไทย เพราะทุกวันนี้อยู่แบบ Hybrid regimes เผด็จการก็ไม่ใช่ ประชาธิปไตยก็ไม่เชิง ทำให้กระบวนการต่างๆ สร้างปัญหาเศรษฐกิจและสังคม ตามมา อีกทั้งมาตรา 272 ยังอยู่เปิดทางให้ ส.ว.ร่วมโหวตนายกรัฐมนตรี จนถึงปี 2567 และสถานการณ์ขณะนี้ หากปีหน้ามีเลือกตั้ง แต่เมื่อโครงสร้างการเมืองไม่มีการเปลี่ยนแปลง อย่างการเลือกตั้งปี 2562 พรรคเพื่อไทย ได้รับเลือกมากสุด ก็ไม่ได้เป็นรัฐบาล เพราะไม่ผ่านกำแพงส.ว. ซึ่งควรปิดสวิตช์ส.ว.ไปเลย
“ท้ายสุดรัฐบาลที่เกิดขึ้น ก็ไม่สะท้อนเจตจำนงของประชาชน ยกตัวอย่างการแก้ไขการกระจายอำนาจ พบว่าเสียงข้างมากให้ผ่าน แต่รัฐธรรมนูญกลับถูกตีตก ดูมันย้อนแย้งมากๆ เพราะโครงสร้างรัฐธรรมนูญมันบิดเบี้ยว จึงมีข้อเสนอควรร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ให้เป็นสารตั้งต้น และต้องแก้จากมุมมองของประชาชนเท่านั้น”
...

"3 แกน" แป๊ก ข้าวยากหมากแพง ค่าแรงถูก หนี้พุ่ง
อีกมุมมองของ ”รศ.ดร.นันทนา นันทวโรภาส” คณบดีวิทยาลัยสื่อสารการเมือง มหาวิทยาลัยเกริก ได้ประเมินผลงานรัฐบาลและวิพากษ์วิจารณ์อย่างเมามัน ไล่มาตั้งแต่ด้านเศรษฐกิจ ต้องบอกว่า ปี 2565 สถานการณ์โควิดคลี่คลายลง ทำให้คนคาดหวังว่าเศรษฐกิจจะปรับตัวดีขึ้น แต่เนื่องจากรัฐบาลไม่มีวิชั่นที่ชัดเจน ทำให้เศรษฐกิจไม่คลี่คลายเท่าที่ควร และจากที่พล.อ.ประยุทธ์ เพิ่งออกมาพูดถึงกลยุทธ์ 3 แกน ซึ่งแกนแรกพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน แกนที่ 2 เกี่ยวกับอุตสาหกรรมยานยนต์ และแกนที่ 3 การพลิกโฉมภาคการธนาคาร
“ฟังตอนแรกก็ดูดี แต่ไปๆ มาๆ ไม่มีอะไรเป็นแบบปฏิบัติการ ไม่มีแผนทำให้บรรลุเป้าหมาย จนถูกฝ่ายค้านขยี้ยับเยินว่าขณะนี้ข้าวยากหมากแพง ของแพง ค่าแรงถูก ตลาดหลักทรัพย์ร่วง หนี้สินครัวเรือนสูง จากปัญหาเศรษฐกิจที่รัฐบาลลุงตู่ ไม่สามารถจัดการให้เป็นที่น่าพอใจของประชาชน”

...
โดยเฉพาะด้านสังคม ได้เห็นความตกต่ำเสื่อมโทรมอย่างหนึ่งจากนายทุนจีนสีเทาเข้ามาฟอกเงิน โดยมีเจ้าหน้าที่ของไทยเข้ามาเกี่ยวข้องทั้งสิ้น จากการแฉของชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ และรัฐบาลเอาแต่ผลักดันเดินหน้าเรื่องกัญชาเสรี โดยไม่แก้ไขปัญหาในเรื่องอื่นๆ
มาด้านการเมือง แม้ไม่ได้ทำอะไรในช่วง 8 ปี จนคนเบื่อ หากเปรียบเทียบกับสมัยพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อยู่มา 8 ปี ยังรู้ตัว แต่ลุงตู่ยังดึงดันจะไปต่อ หากจะไปต่อได้ต้องผ่านด่านการเมืองในสภาฯ อย่างการอภิปรายไม่ไว้วางใจเมื่อกลางปี โดยลุงตู่ ยืนหนึ่งถูกไม่ไว้วางใจ 4 ครั้งรวด จนมาถึงการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งล่าสุด มีประเด็นที่ฝ่ายค้านหยิบยกขึ้นมาเพื่อให้ประชาชนตาสว่าง อย่างเหมืองทองอัครา มีการเอาผลประโยชน์ของประเทศไปแลก เพื่อไม่ให้ถูกดำเนินคดี หรือกรณีสปายแวร์เพกาซัส นำไปใช้ล้วงข้อมูล แต่ไปสอดส่องล้วงข้อมูลกับฝ่ายที่อยู่ตรงข้ามรัฐบาล

สแกนผลงานรัฐบาลลุงตู่ สอบตกกราวรูด
หรือในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างนายกรัฐมนตรีไทยกับผู้นำเมียนมา ซึ่งคนไทยรับไม่ได้จากการที่เมียนมาขับเครื่องบินรุกล้ำน่านฟ้าไทยมายิงใกล้กับชายแดน รวมถึงเรื่องตั๋วช้าง ที่รัฐบาลตอบไม่ชัดเจน ทำให้การอภิปรายไม่ไว้วางใจในครั้งนั้นสอบตกในสายตาประชาชน แม้จะผ่านโหวตก็ตาม ยังรวมถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ซึ่งท่าทีรัฐบาลไทยดูขัดแย้งในสายตาเวทีโลก มีการยืนยันสนับสนุนเผด็จการอย่างชัดเจน หรือสงครามรัสเซียกับยูเครน ทางรัฐบาลไทยกลับลงมติงดออกเสียงเหมือนจีน
...
“ทำให้ศักดิ์ศรีของไทยบนเวทีโลก ไม่มีจุดยืน จะทำอะไรก็ตามจีนมากเกินไป ไม่เคารพสิทธิมนุษยชน เป็นความตกต่ำในเวทีโลก”
ในด้านความมั่นคง พบว่าเหตุการณ์ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่ได้ลดลง แม้นายกรัฐมนตรีนั่งควบตำแหน่งรัฐมนตรีฯ กลาโหม และยังมีประเด็นเกี่ยวกับกองทัพไทย ก็มีปัญหาทุจริต หรือกรณีกราดยิงโคราช เพราะการเบียดบังเอาเปรียบทหารชั้นผู้น้อย หรือการซื้อเรือดำน้ำไม่มีเครื่องยนต์ และล่าสุดเรือหลวงสุโขทัย ไม่สามารถดูแลรักษาลูกเรือได้ จากเหตุการณ์คลื่นลมแรง ซึ่งรัฐมนตรีฯ กลาโหม ต้องลาออก แต่กลับไม่ลาออก
มาดูการสื่อสารของนายกรัฐมนตรี แม้ระยะหลังจะอ่านสคริปต์มากขึ้น แต่ก็เห็นความผิดพลาดในการอ่าน เช่น อ่านซอฟต์ พาวเวอร์ เป็นซอฟต์ แวร์ หรือให้ใช้วิทยุทรานซิสเตอร์ในการเตือนภัย ถือเป็นการสื่อสารที่ไม่เตรียมพร้อม ทำให้คนฟังแล้วสิ้นหวัง หรือมองดูตลกไปเลย ซึ่งการสื่อสารของผู้นำที่ดีควรพูดโน้มน้าวให้คนหันมาสนับสนุนในการร่วมพัฒนาประเทศไปด้วยกัน สรุปแล้วจากสิ่งที่ประเมินผลงานของรัฐบาลในปี 2565 ให้ 3 คะแนนจากเต็ม 10 ถือว่าสอบตก
เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด ที่มาฉายา "เรือยุทธ์อับปาง"
ส่วนฉายาของรัฐบาลลุงตู่ มอบให้ในช่วงเรือหลวงสุโขทัยจม โดยตั้งฉายาให้ล้อกับสถานการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นว่า ”เรือยุทธ์อับปาง” แสดงให้เห็นความล้มเหลวในทุกๆ อย่าง และในนาทีสุดท้ายก่อนจบปี 2565 ก็มาเจอโศกนาฏกรรมเรือล่ม และเหตุการณ์เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด เมื่อกัปตัน ทิ้งเพื่อน ไปหาเรือใหม่ ทำให้ ”เรือยุทธ์อับปาง”
“นำไปสู่อวสานประยุทธ์ ในที่สุด เพราะสิ่งที่ทำมาทั้งหมด เป็นการแสดงละครให้คนดู เป็นเรื่องเฟก เป็นเรื่องโกหกทั้งสิ้น”.
ผู้เขียน : ปูรณิมา