อะไรคือปัจจัยสำคัญที่ส่งให้ “ทีมชาติโมร็อกโก” ทีมจากทวีปแอฟริกาทีมแรกในประวัติศาสตร์ สามารถทะลุเข้าถึงรอบรองชนะเลิศฟุตบอลโลก จนกลายเป็น “แรงบันดาลใจ” ให้กับ บรรดาชาติเล็กๆในโลกของฟุตบอล เริ่มมีความหวังในการวางเป้าหมายให้มากกว่าการแค่ได้มีโอกาสมาสัมผัสกับประสบการณ์ฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายเพียงแค่สักครั้งหนึ่งในชีวิต วันนี้ “เรา” ค่อยๆไปร่วมกันไล่เรียงทีละประเด็น...
![](https://static.thairath.co.th/media/Dtbezn3nNUxytg04aobm1s7ZfO6Fq1vZmx9aDxoy4GlyVD.jpg)
ราชอาณาจักรโมร็อกโก กับ ฟุตบอล :
ตั้งอยู่ทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือของทวีปแอฟริกาใต้ มีพื้นที่ 446,550 ตารางกิโลเมตร และมีจำนวนประชากรประมาณ 38 ล้านคน สำหรับฟุตบอลลีกอาชีพมี 2 ลีก คือ Botola Pro Inwi (ดิวิชั่น1) มีจำนวนนักเตะที่ลงทะเบียนรวม 409 คน จากทั้งหมด 16 สโมสร และ Botola Pro (ดิวิชั่น2) มีจำนวนนักเตะที่ลงทะเบียนรวม 247 คน จากทั้งหมด 16 สโมสร (อ้างอิงจากข้อมูล footballdatabase)
![“วาลิด เรกรากุย” กุนซือหนุ่มที่ใช้เวลาเตรียมทีมเพียงไม่ถึง 100 วัน ก่อนส่งให้โมร็อกโกกลายเป็นม้ามืดฟุตบอลโลก 2022](https://static.thairath.co.th/media/FcvsRgKyX10OHanMmD8cZHEIrJW8TpsnOjXHTuy6Y5Y2xdDnGiyGA23WLa.jpg)
...
ปัจจัยสำคัญที่นำไปสู่ความสำเร็จในฟุตบอลโลก 2022 :
1. ผู้จัดการทีม : วาลิด เรกรากุย (Walid Regragui) ปัจจุบัน อายุ 47ปี
ด้านหนึ่งชายผู้นี้ถูกขนานนามในบ้านเกิดว่าเป็น “โชเซ มูรินโญ” เวอร์ชันโมร็อกโก เนื่องจากอดีตกองหลังทีมชาติ Atlas Lion ผู้นี้มีความเข้มงวดในเรื่องของแท็กติกการเล่น และทักษะในเรื่องการบริหารคนที่ยอดเยี่ยมในแบบฉบับเดียวกับ “The special one”
อย่างไรก็ดีในอีกด้านหนึ่ง กุนซือหนุ่มซึ่งเกิดในฝรั่งเศสแต่เลือกเล่นให้กับทีมชาติโมร็อกโกผู้นี้ ได้ถูกยกย่องให้เป็น “เป๊ป กวาร์ดิโอลา” แห่งโมร็อกโก ด้วยเช่นกัน จากการที่มีบุคลิกในการคุมทีมคล้ายกับผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ อีกทั้งยังเพิ่งสามารถพาสโมสร Wydad Casablanca ซึ่งเป็นทีมชั้นนำของโมร็อกโก กวาดทั้งแชมป์ลีก และแชมป์ CAF Champions League หรือ แชมเปียนส์ลีกของทวีปแอฟริกาได้สำเร็จเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา
![](https://static.thairath.co.th/media/PZnhTOtr5D3rd9odADAEdznTS9p1e99vSPwPKzBdrdl4oUj.jpg)
วาลิด เรกรากุย ทำอะไรกับทีมชาติโมร็อกโก :
“วาลิด เรกรากุย” มีเวลาสำหรับการเตรียมทีมเพื่อมาเล่นฟุตบอลโลกครั้งนี้เพียงไม่ถึง 100 วัน โดยเขาถูกแต่งตั้งให้มาทำหน้าที่แทน “วาฮิด ฮาลิลฮ็อดซิช” กุนซือชาวบอสเนียที่พาทีมชาติโมร็อกโกมาเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายที่ประเทศกาตาร์ได้สำเร็จ ก่อนหน้าที่ฟุตบอลโลก 2022 จะเริ่มต้นขึ้นเพียง 3 เดือนเท่านั้น โดยสมาคมฟุตบอลโมร็อกโกให้เหตุผลถึงการ “ปลดฟ้าผ่า” ในครั้งนั้นเพียงว่า “มีความคิดเห็นที่ไม่ตรงกัน”
![](https://static.thairath.co.th/media/Dtbezn3nNUxytg04aobm1s7ZfO6Fq1vZPgyGNXBUJWOk18.jpg)
ครอบครัว ผมรักแม่ และ DNA ความเป็นโมร็อกโก :
ภายใต้ระยะเวลาที่จำกัดในการเตรียมทีม โจทย์แรกที่แสนท้าทายสำหรับกุนซือหนุ่ม คือ จะผสมผสานนักเตะทั้ง 26 คน ที่ในจำนวนนี้มากถึง 14 คน เกิดนอกประเทศโมร็อกโก ใน 6 ประเทศ (นักเตะที่เกิดในประเทศ 12 คน , แคนาดา 1 คน , เนเธอร์แลนด์ 4 คน , เบลเยี่ยม 4 คน , ฝรั่งเศส 2 คน , อิตาลี 1 คน , สเปน 2 คน) ให้สามารถร่วมกันเล่นเป็นทีมได้อย่างไร้รอยต่อ!
...
ซึ่งวิธีการที่กุนซือหนุ่มวัย 47 ปี ผู้นี้นำมาใช้ในการผสมผสานความแตกต่างนี้ ก็คือ การอนุญาตให้ครอบครัวของนักฟุตบอลทีมชาติทุกคนสามารถร่วมเดินทางมาพร้อมกับทีมได้ เนื่องจาก “วาลิด เรกรากุย” หยั่งถึงความคิดของนักเตะทุกคนได้ว่า การมาเข้าร่วมการแข่งขันทัวร์นาเม้นต์ที่เต็มไปด้วยความกดดันจากการต้องแบกความหวังของคนทั้งชาติ รวมถึงต้องห่างไกลจากคนในครอบครัว ย่อมทำให้นักเตะเกิดภาวะความเครียดทางอารมณ์ ฉะนั้นการมีคนในครอบครัวมาคอยให้กำลังใจใกล้ๆ ย่อมทำให้ เกิดความผ่อนคลายทางอารมณ์ได้มากขึ้น
ขณะเดียวกัน การให้ครอบครัวของนักเตะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของทีม ตามแนวคิดของ “วาลิด เรกรากุย” นั้นยัง “สอดคล้อง” กับ วัฒนธรรมมุสลิม และ DNA ความเป็นคนโมร็อกด้วย นั่นเป็นเพราะสายใยความผูกพันธ์ของคนในครอบครัว โดยเฉพาะการแสดงความเคารพต่อมารดา ได้กลายเป็นพลังอันยิ่งใหญ่ในการผลักดันให้นักเตะ Atlas Lion วิ่งและสู้อย่างชนิดลืมตายเพื่อประเทศชาติและครอบครัวในฟุตบอลโลกครั้งนี้
![“อาชราฟ ฮาคีมี” ผู้ปฏิเสธทีมชาติสเปน เพราะความรักที่มีต่อแม่และประเทศโมร็อกโก](https://static.thairath.co.th/media/BUCz3kW7pmsIQUeyCbHXVkGUfvTl1MgllG6uvLRLjg1CTNgJU4D5qCNsh.jpg)
...
โดยสิ่งนี้ยืนยันได้จากการบอกเล่าของ “อาชราฟ ฮาคีมี” ขุนพลคนสำคัญของทีมชาติโมร็อกโกชุดนี้ ซึ่งปฏิเสธการเล่นให้กับทีมชาติสเปน ทั้งๆที่เคยมีโอกาสได้เข้าร่วมการฝึกซ้อมกับนักเตะเยาวชนทีมชาติสเปนแล้ว ด้วยเหตุผลที่ว่า...
“ผมรู้สึกว่าตัวเองอยู่ในที่ที่มันไม่ใช่ ผมไม่รู้สึกเหมือนอยู่ที่บ้าน ซึ่งมีวัฒนธรรมอาหรับและความเป็นโมร็อกโก ผมปราถนาที่จะอยู่ที่นี่ (ประเทศโมร็อกโก) มากกว่า ผมสู้ทุกวันเพื่อครอบครัว เพราะพวกเขาเสียสละตัวเองเพื่อผมมายาวนาน”
และอาจจะเป็นเพราะเหตุนี้ เราจึงได้เห็นภาพการแสดงความรักอันแสนอบอุ่นในระหว่างการเฉลิมฉลองชัยชนะของ “อาชราฟ ฮาคีมี” กับ “คุณแม่” หรือ การเต้นรำร่วมกับคุณแม่อย่างมีความสุขกลางสนาม ของ “โซฟิยาน บูฟาล” อีกหนึ่งแนวรุกคนสำคัญของทีม และไม่เพียงเท่านั้น “วาลิด เรกรากุย” ก็ยังก็ยังไปแสดงความรักต่อ “คุณแม่” ของเขาที่มานั่งเชียร์ที่อัฒจรรย์ด้วยเช่นกัน!
![“โซฟิยาน บูฟาล” และ การเต้นรำกับ คุณแม่ ที่กลายเป็นไวรัลในฟุตบอลโลก 2022](https://static.thairath.co.th/media/BUCz3kW7pmsIQUeyCbHXVkGUfvTl1MgleiNlMXQu4NtOO2ooqOSF7xRAl.jpg)
...
นอกจากจะเข้าใจในวัฒนธรรมความเป็นอาหรับในฐานะคนพื้นถิ่นแล้ว ความสามารถในสื่อสารของ “กุนซือหนุ่ม” ยังกลายเป็นอีกหนึ่ง “เครื่องมือพิเศษ” ที่ช่วยให้เขาสามารถสื่อสารกับลูกทีมทุกคนได้อย่างเข้าใจและเข้าถึงมากขึ้นด้วย เพราะ “วาลิด เรกรากุย” สามารถพูดได้ถึง 4 ภาษา คือ นอกจาก ภาษา Darija หรือ ภาษาอาหรับที่ใช้ในประเทศโมร็อกโก แล้ว เขายังพูดภาษาอังกฤษ , ฝรั่งเศส , สเปน ได้อีกด้วย ด้วยเหตุนี้จึงแทบไม่มีปัญหาในการผสมผสานความแตกต่างภายในทีมได้อย่างกลมกล่อมและลงตัวในที่สุด
![](https://static.thairath.co.th/media/Dtbezn3nNUxytg04aobm1s7ZfO6Fq1vZjfv2tEolC6aF0m.jpg)
เครือข่ายแมวมองและการพัฒนาเยาวชน อันแข็งแกร่ง :
ด้วยทรัพยากรบุคคลด้านฟุตบอลที่มีอยู่อย่างจำกัด “โมร็อกโก” จึงได้จัดตั้งระบบแมวมองขึ้นในหลายๆประเทศที่มีชุมชนชาวโมร็อกโกผลัดถิ่นอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในยุโรปตอนกลางและตอนใต้ (เนเธอร์แลนด์ , เยอรมนี , ฝรั่งเศส , สเปน , และประเทศแถบสแกนดิเนเวีย) เพื่อเฟ้นหา “Wonder Kids” ที่มีเชื้อสายโมร็อกโก เพื่อเชิญตัวมาเข้าร่วมการฝึกซ้อมที่ "Mohammed VI Academy" สถาบันลูกหนังในพระบรมราชานุเคราะห์ ของ สมเด็จพระราชาธิบดีโมฮัมเหม็ดที่ 6 ตั้งแต่นักเตะเหล่านั้นยังไม่ “จรัสแสง” มากนัก เพื่อซื้อใจเหล่าอัจฉริยะรุ่นเยาว์ ที่ถือ 2 สัญชาติเหล่านี้ตัดสินใจ “เลือก” ที่จะเล่นให้กับทีมชาติโมร็อกโก มากกว่า ประเทศที่พวกเขาเติบโตขึ้นมา ซึ่งนักเตะที่เคยผ่าน Mohammed VI Academy จนโดดเด่นขึ้นมาจรัสแสงในฟุตบอลโลก 2022 ก็มีทั้ง “อัซเซดีน โอนาฮี” Holding Midfield ที่ใครหลายคนประทับใจในฟอร์มการเล่นอันดุดัน ซึ่งปัจจุบันค้าแข้งอยู่กับ สโมสรอองเชร์ ในลีกเอิง รวมถึง “ยุสเซฟ อ็อง เนซีรี” กองหน้าผู้ทำประตูดับฝันของ โรนัลโด CR7 ด้วย
![“ยุสเซฟ อ็อง เนซีรี” นักเตะที่ผ่าน Mohammed VI Academy และเป็นผู้ยิงประตูดับฝันโรนัลโด CR7](https://static.thairath.co.th/media/BUCz3kW7pmsIQUeyCbHXVkGUfvTl1Mgl00bZSzIAp1KHZnr8DvGhhEsrF.jpg)
โดยนอกจากทีมงานแมวมองของโมร็อกโกจะมีการเชิญ “อัจฉริยะลูกหนังรุ่นเยาว์” ที่ถือสองสัญชาติอย่างน้อย 20 คน และ “Wonder Kids” ที่ดีที่สุดในประเทศโมร็อกโกอย่างน้อย 30 คน ที่มีอายุระหว่าง 13-18 ปี มาร่วมกันฝึกซ้อมที่ Mohammed VI Academy ซึ่งเต็มไปด้วยโครงสร้างพื้นทางด้านกีฬาอันทันสมัยระดับโลกพร้อมกับให้ทุนการศึกษาในทุกๆปี เพื่อส่งต่อทรัพยากรอันมีค่าเหล่านั้นให้กับทีมชาติ Atlas Lion อย่างต่อเนื่องแล้ว ยังมีการส่งแข้งเยาวชนที่รอการเจียระไนเหล่านี้ ออกไปฝึกซ้อมกับทีมในลีกสมัครเล่นภายในประเทศ รวมถึง ลงแข่งในทัวร์นาเมนต์ระดับเยาวชนทั่วทวีปยุโรปอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งนอกจากจะได้ผลดีในแง่ของการขัดเกลาฝีเท้าให้เก่งมากขึ้นแล้ว ยังถือเป็นใบเบิกทางสำคัญที่ช่วยให้ “อัจฉริยะรุ่นเยาว์” เหล่านี้ ฉายแสงเตะตาบรรดาแมวมองและสโมสรใหญ่ๆ จนสามารถไปค้าแข้งในลีกสำคัญๆของยุโรปได้ง่ายขึ้นด้วย
![“อัซเซดีน โอนาฮี” อีกหนึ่งความภาคภูมิใจของ Mohammed VI Academy ที่กลายเป็นดาวจรัสแสงในฟุตบอลโลก 2022](https://static.thairath.co.th/media/BUCz3kW7pmsIQUeyCbHXVkGUfvTl1Mglz2oJq0Log4PEyoZs33QdqhEFL.jpg)
ทำให้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ บรรดานักเตะเยาวชนฝีเท้าดีของโมร็อกโกหลายต่อหลายคนได้ปรับทัศนคติเรื่องอาชีพการค้าแข้งเสียใหม่ โดยเลือกที่จะออกไปเผชิญหน้ากับความท้าทายในโลกฟุตบอลโลกที่ใหญ่มากขึ้นในยุโรป แทนที่จะคิดเพียงออกไปค้าแข้งในลีกของโลกอาหรับที่แม้จะได้เงินถุงเงินถังแต่การพัฒนาฝีเท้าอาจขาดช่วงไปอย่างน่าเสียดาย
และเพื่อเป็นการต่อยอดการพัฒนาไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง ในปี 2019 โมร็อกโก เพิ่งมีการเปิดตัว Mohammed VI Football Complex ศูนย์ฝึกกีฬาระดับโลก มูลค่ามากกว่า 70 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยภายในพื้นที่มากกว่า 300,000 ตารางเมตร ประกอบไปด้วย โรงแรมระดับ 5 ดาว 1 แห่ง , โรงแรมระดับ 3 ดาว 2 แห่ง , หอพักนักกีฬา , สนามฟุตบอลมาตรฐานฟีฟ่า 8 สนาม โดยหนึ่งในจำนวนนั้น เป็นสนามในอาคารที่สามารถควบคุมสภาพอากาศได้ , อุปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวกทางด้านกีฬาที่ทันสมัย หรือแม้กระทั่ง สถานพยาบาลที่มีเครื่องไม้เครื่องมืออันทันสมัยคอยอำนวยความสะดวกอย่างครบครันอีกด้วย!
![](https://static.thairath.co.th/media/Dtbezn3nNUxytg04aobm1s7ZfO6Fq1vZs8c39yEZn0MBoE.jpg)
ซึ่งกระบวนการทั้งหมดที่เกิดขึ้นดังที่ร่ายยาวไปนี้ เป็นไปตามแผนการพัฒนาวงการฟุตบอลของโมร็อกโกอย่างเป็นระบบของ The Royal Moroccan Football Federation (FMRF) ในพระบรมราชานุเคราะห์ ของ สมเด็จพระราชาธิบดีโมฮัมเหม็ดที่ 6 ซึ่งเริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 2009 โดยมีการทุ่มงบประมาณจำนวนมากในการพัฒนาวงการฟุตบอลตั้งแต่ระดับโรงเรียน โครงสร้างลีกระดับอาชีพ และการพัฒนาทีมชาติ ที่คลอบคลุมทั้งฟุตบอลหญิงและฟุตบอลชายให้มีเติบโตขึ้นอย่างเป็นระบบ จนกระทั่งทุกอย่างมาผลิดอกออกผลในฟุตบอลโลก 2022 ในที่สุด!
ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :