ความเห็นไม่ตรงกัน การพนันย่อมเกิด...?
วลีทั่วไปที่คนมักพูดถึง แต่...ในช่วงนี้ กระแส “ฟุตบอลโลก 2022” กำลังฟีเวอร์ ปัญหาการพนันฟุตบอล ก็ย่อมตามมา อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ถึงแม้เจ้าหน้าที่จะลงพื้นที่แก้ปัญหาจัดการก็ตาม
ข้อมูลของ ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ ม.หอการค้า ที่มีการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ จำนวน 1,257 ตัวอย่าง แบ่งเป็นชาย 47.8% และหญิง 52.2% แบ่งเป็น 6 ช่วงวัย ได้แก่ ต่ำกว่า 20 ปี, 20-25 ปี, 30-19 ปี, 40-49 ปี, 50-59 ปี และ อายุมากกว่า 60 ปี ระหว่างวันที่ 1-6 พ.ย. ที่ผ่านมา มีตัวเลขที่น่าสนใจหลายประเด็น อาทิ
5 อันดับทีมที่เชียร์ ได้แก่...
1. อังกฤษ 21.8%
2. ฝรั่งเศส 17.2%
3. บราซิล 12%
4. เยอรมนี 10.4%
5. อาร์เจนตินา 10.1%
คาดว่าจะเป็นคู่ชิงชนะเลิศ
อันดับ 1 บราซิล VS ฝรั่งเศส
อันดับ 2 อังกฤษ VS บราซิล
อันดับ 3 อังกฤษ VS ฝรั่งเศส
การใช้จ่ายช่วงบอลโลก
...
ซื้อตั๋วเครื่องบินไปดู 32,500 บาท
พนันบอล 21,580.09 บาท
เลี้ยงสังสรรค์ เฉลี่ย 3,077 บาท
ส่ง SMS ชิงรางวัล 649.48 บาท
คูปองหนังสือพิมพ์ 687.62 บาท
ข้างต้นคือสีสันฟุตบอลโลก เมื่อลงลึกในรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับการพนันพบว่า มีคนตอบแบบสอบถามว่าจะเล่นพนันฟุตบอลหรือไม่ คำตอบ คือ ไม่เล่น 51%, เล่นทุกนัด 16%, เล่นบางนัด 3.5%, เล่นเฉพาะทีมที่ชอบ 29.5% โดย มีเงินเฉลี่ยที่เล่นต่อนัดที่ 1,416.11 บาท และเล่นตลอดการแข่งขันที่ 21,580.09 บาท
และเมื่อถามว่า เอาเงินที่ไหนมาเล่นพนัน 57.8% มาจากเงินเดือน 30.3% เป็นเงินออม และอีก 0.5% เป็นเงินผู้ปกครอง
ในด้านผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งแบ่งเป็น 2 ด้าน คือบวกและลบนั้น ในด้านบวก ผู้ตอบคำถามให้ความเห็นว่า เป็นการกระตุ้นให้เยาวชนหันมาสนใจกีฬาฟุตบอลมากขึ้น, ช่วยลดความเครียดจากการเรียนและทำงาน, ทำให้เยาวชนสนใจกีฬามากขึ้น, ช่วยให้เศรษฐกิจดีขึ้น หรือสร้างความสัมพันธ์ในครอบครัว
ส่วนผลกระทบด้านลบนั้น อาจจะก่อให้เกิดหนี้สินเพิ่มขึ้น, ก่อให้เกิดการพนันผิดกฎหมาย, ประสิทธิภาพในการเรียนลดลง, ปัญหาอาชญากรรม โจรกรรมเพิ่ม, อุบัติเหตุจากการดื่มแอลกอฮอล์ หรือมีการหยุดงานมากขึ้น
พนันบอลหมุนเวียนปีละ 1.8 แสนล้าน ติดงอมแงม 1.4 ล้านคน
ด้าน นายธนากร คมกฤส เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน กล่าวกับทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ ว่า พนันฟุตบอล ถือเป็นการพนันอันดับ 1 ของประเทศไทย ที่มีเงินหมุนเวียนปีละกว่า 1.8 แสนล้านบาท โดยมีผู้ติดพนันฟุตบอลอย่างหนัก ที่ 1.4 ล้านคน
ปัญหาเวลานี้คงไม่แตกต่างจากเดิม เพราะหน่วยงานภาครัฐที่ดูแลไม่มีความพร้อม มาตรการที่ประกาศใช้ปราบปรามการพนันฟุตบอลโลก เป็นไปด้วยความล่าช้า เพิ่งจะตั้งศูนย์ปราบพนันไม่กี่วันก่อนเปิดสนาม ส่วนมาตรการที่ใช้ ก็เดิมๆ ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลง เรียกว่า มีบอลโลก หรือยูโร ก็ผุดศูนย์ขึ้นมาครั้งหนึ่ง...ซึ่งมันไม่ใช่ การจัดการปัญหาอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน
ข้อมูลที่เก็บ พบว่านักพนันฟุตบอล มีประมาณ 3-4 ล้านคน ในขณะฟุตบอลโลก ถือเป็นกระแส ทำให้มีนักพนันขาจร เพิ่มขึ้นประมาณ 1 ล้านคน ซึ่งกลุ่มนี้อาจจะไม่ใช่นักพนันหน้าใหม่ เพียงแต่เคยเล่นการพนัน แล้วอาจจะกลับมาเล่นบ้าง แต่...ในจำนวนนี้ จะมี 25% หรือ ประมาณ 2.5 แสนคน กลายไปเป็นนักพนัน
“กระแสพนันฟุตบอล ใช่ว่าจะทำให้คนอยากเล่นพนัน เพียงแต่ธุรกิจพนัน ใช้กลยุทธ์ต่างๆ ทำให้ปัจจัยมันเอื้ออำนวยต่อการพนัน จึงทำให้เกิดเป็นนักพนันหน้าใหม่”
...
แฉเล่ห์ธุรกิจพนัน ฟรีเครดิต เปิดชิงโชค
นายธนากร กล่าวต่อว่า จากการสอบถามเยาวชนที่เล่นพนัน พบว่า เว็บพนันเหล่านี้ จะพยายามชักชวนด้วยวิธีการต่างๆ เช่น การให้ฟรีเครดิตในการเล่นพนัน นอกจากนี้ ยังมีการชักชวนเปิดบัญชี ส่งรหัสให้ชิงโชค ซึ่งถือเป็นการตลาดในการรักษาลูกค้า พวกนี้ถือเป็นพัฒนาการ ที่ไม่หยุดนิ่ง...
เมื่อถามว่า แหล่งการพนันใหญ่ มันอยู่ที่ไหน เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน กล่าวว่า จากงานวิจัยของ อ.ชัยณรงค์ เครือนวล อาจารย์จาก ม.นเรศวร พบว่า ยอดพีระมิดของธุรกิจพนัน มีเจ้าใหญ่อยู่ประมาณ 2 เจ้า ซึ่งเป็นทุนต่างประเทศ จากนั้นก็จะมีการต่อโครงสร้างรองลงมา ก็คือ ผู้มีอิทธิพลในระดับประเทศ จากนั้นก็จะเป็นกลุ่มลงทุนใหญ่ ลงทุนย่อย และแตกตัวไปยังเว็บพนันต่างๆ ซึ่งแต่ละกลุ่มทุน จะไม่ได้เปิดเว็บเดียว โดยมีผู้เกี่ยวข้องหลายส่วน ทั้งเว็บมาสเตอร์ เอเยนต์ในการหาลูกค้า
ผลกระทบจากการพนัน ด้านบวก และลบ
อย่างไรก็ตาม มหกรรมฟุตบอลโลก ยังถือว่ามีข้อดี เพราะจะเป็นการเปิดโอกาสให้ครอบครัวได้อยู่ด้วยกัน มีโอกาสสอนลูก ได้พัฒนาความสัมพันธ์ อีกทั้งฟุตบอลโลกครั้งนี้อาจจะเป็นครั้งแรกของเด็กหลายคน ถือเป็นโอกาสเปิดการเรียนรู้ได้ ซึ่งก็ขึ้นอยู่ว่า เราใช้โอกาสครั้งนี้ได้คุ้มแค่ไหน
...
ส่วนผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น มันอาจจะไม่รุนแรงถึงขั้นไปก่ออาชญากรรม (แต่ก็เกิดขึ้นได้) แต่ปัญหาคือ เรื่องเงินทองที่สูญเสีย กระทบเศรษฐกิจครัวเรือน จนอาจจะกระทบความสัมพันธ์ในครอบครัว ส่วนปัญหาระยะยาว หากไม่มีการแก้ปัญหาอะไรเลย เราจะรอวันที่มีคนติดพนันเยอะ และกลายเป็นปัญหาใหญ่ในอนาคต
เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน ยังเสริมอีกประเด็นสำคัญ ที่ไม่ค่อยมีการกล่าวถึง คือ เดือนนี้ เป็นเดือนยุติความรุนแรงในครอบครัว และจากการหาข้อมูลเกี่ยวกับประเด็นนี้ก็พบงานวิจัยที่น่าสนใจอย่างหนึ่งคือ ในมหกรรมกีฬาใหญ่ๆ อย่างฟุตบอลโลก มักจะเกิดปัญหาความรุนแรงในครอบครัวตามมา ที่มีสาเหตุจากการพนัน
“พอมีมหกรรมฟุตบอล จะเกิดการพนัน และการดื่มสุรา สุดท้ายปัญหาไปลงกับครอบครัว ส่งผลให้เกิดความรุนแรงในครอบครัว ตัวเลขดังกล่าว เป็นการสำรวจทั่วโลก โดยเฉพาะที่อังกฤษจะชัดมาก ซึ่งเขามีการเก็บสถิติ ฟุตบอลยูโร โดยเฉพาะวันที่ทีมชาติอังกฤษลงแข่ง วันนั้นจะเกิดความรุนแรงในครอบครัวเพิ่มขึ้น ซึ่งทีมอังกฤษในฟุตบอลยูโร ชนะมาอย่างต่อเนื่องจนถึงรอบชิง แต่ก็มีความรุนแรงเพิ่มขึ้น สาเหตุมาจากการดื่มสุราและเล่นพนัน ถึงแม้ทีมชาติอังกฤษ ชนะการแข่งขัน แต่ความรุนแรงก็เกิดขึ้นได้ โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 26% แต่...ในวันที่อังกฤษแพ้ ค่าเฉลี่ยความรุนแรงเพิ่มขึ้นอีก ขึ้นเป็น 38% นี่คือเป็นประเด็นที่เกิดขึ้นจริงที่ไม่ค่อยมีใครพูดถึง”
...
งดถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก ส่งผลร้ายมากกว่า!
เมื่อถามว่า การถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก มีผลกับการพนัน? นายธนากร กล่าวว่า การถ่ายทอดฟุตบอลโลก ทำให้คนดูได้ดูสด ถามว่ามีผลกับการพนันไหม...เชื่อว่าไม่ได้ผลโดยตรง เพราะธุรกิจเชิงการพนันเข้าถึงตัวผู้เล่นไม่ได้ ยกเว้นแต่ว่า ในต่างประเทศมีการโฆษณาเชิงพนัน แบบนี้เกิดปัญหา
“หากไม่มีการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก...จะทำให้คนจำนวนมากจะต้องไปหาช่องทางเถื่อน ซึ่งน่ากลัวกว่า เพราะร้อยทั้งร้อย คือช่องทางไปสู่เว็บพนัน เพราะพวกนี้คือสปอนเซอร์ในการถ่ายทอดสด และมีสารพัดวิธีในการชวนเล่นพนัน ซึ่งปัญหาจะหนักหน่วงกว่า"
บำบัดเสพติดพนัน...แพง!
นายธนากร ยังกล่าวถึง การบำบัดแพง ซึ่งถือเป็นการลงทุนที่สูงมาก โดยจากข้อมูลการบำบัดของประเทศสหรัฐฯ พบว่า ต้องใช้เงินประมาณ 1 ล้านบาท โดยแบ่งออกเป็นการบำบัด การใช้จ่ายในกระบวนการยุติธรรม หรือการเป็นบุคคลด้อยคุณภาพในทางเศรษฐกิจ นี่คือ ผลกระทบทางสังคม
วิธีการบำบัด “คนติดพนัน” ถือว่า เป็นอาการทางจิตอย่างหนึ่ง จะมีการให้คำปรึกษาเชิงเดี่ยว กระบวนการกลุ่ม (เพื่อนช่วยเพื่อน) รวมไปถึงบุคคลที่มีอาการทางจิตก็ต้องให้ยา เพราะถือเป็นการเสพติดทางสมอง
“ที่ผ่านมา มีหนังสืออยู่เล่มหนึ่งของอดีตผู้รักษาประตูทีมชาติอังกฤษ “ปีเตอร์ ชิลตัน” ซึ่งถือเป็นนักบอลที่มีชื่อเสียงมาก เขาออกมาเปิดเผยว่าเขาติดการพนัน คือ พนันม้า โดยเขาใช้ชีวิตวนเวียนกับการเล่นพนันหลายสิบปี และเขาต้องใช้เวลาบำบัดการติดพนันถึง 6 ปี ถ้าคิดกลมๆ ว่าเสียเงินปีละ 1 ล้าน 6 ปี “ชิลตัน” หมดไปแล้ว 6 ล้านบาท”
นายธนากร กล่าวทิ้งท้ายว่า...เราต้องคิดและทำอะไรได้แล้ว เพื่อให้การแก้ปัญหาเป็นรูปธรรม ไม่ใช่ถึงเวลาก็ตั้งศูนย์ที และไม่ดึงภาคส่วนอื่นช่วย แบบนี้ปัญหาจะฝังรากลึกไปอีก
ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์
กราฟิก: Anon Chantanant
อ่านสกู๊ปที่น่าสนใจ