ปลากุเลาเค็มตากใบ เมนูเอเปก ทำไมคนกินไม่ได้ซื้อ คนซื้อไม่ได้กิน

ปลากุเลาตากใบร้านป้าอ้วน ขายดีเป็นเทน้ำเทท่าเพิ่มขึ้นมาอีก หลังมีประเด็นดราม่าว่า ปลากุเลาที่ใช้เป็นส่วนประกอบในซอสราดมัสมั่นเนื้อน่องโคขุน หนึ่งในเมนูผู้นำเอเปก เป็นปลากุเลาปลอมไม่ได้สั่งซื้อมาจาก อ.ตากใบ จ.นราธิวาส ทำให้เชฟชุมพล แจ้งไพร ผู้รังสรรค์เมนูอาหารไทยในงานเลี้ยงอาหารค่ำสำหรับผู้นำเอเปก ออกมายืนยันเป็นปลากุเลาตากใบของร้านป้าอ้วน ไม่มีการย้อมแมว ซึ่งขนาดน้ำหนัก 9 ขีด ราคา 1,540 บาท และขนาด 1.2 กิโลกรัม ราคา 2,140 บาท ยังไม่รวมค่าส่ง

ปลากุเลาตากใบ มีการจดทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ หรือจีไอ เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่ง เช่นเดียวกับเครื่องหมายการค้า รวมถึงสิทธิบัตร มีการผลิตตามกรรมวิธีในการถนอมอาหารตามภูมิปัญญาพื้นบ้านที่สืบทอดกันมานานกว่า 100 ปี จะต้องนวดปลาด้วยขวดแก้วกลม มีรสชาติไม่เค็มจัด มีผิวเรียบ ตึงสวยเนื้อแน่น เนียนละเอียด ไม่มีรอยตำหนิ ไม่ผ่านการแช่แข็ง ขนาดความยาว 40-60 ซม. เมื่อทอดสุกจะฟู มีกลิ่นหอม

ด้วยความที่เป็นปลาสดในท้องถิ่นจากทะเลปากแม่น้ำตากใบ มีความอุดมสมบูรณ์ เป็นแหล่งอาหารของปลากุเลา ทำให้มีความอร่อยเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนปลากุเลาจากแหล่งอื่นๆ จนได้รับฉายา "ราชาแห่งปลาเค็ม" และมีคำพูดติดปาก "คนกินไม่ได้ซื้อ คนซื้อไม่ได้กิน" เพราะคนนิยมนำมาเป็นของฝากมากกว่านำมารับประทานเอง อีกทั้งมีราคาค่อนข้างแพง โดยปลากุเลาเค็มป้าอ้วนตากใบ เป็น 1 ใน 5 ร้านสินค้าโอทอประดับ 5 ดาวของอำเภอตากใบ ขายในราคากิโลกรัมละ 1,700 บาท

ขณะที่พรจรัส ปฐมศิริกุล เจ้าของร้านปลากุเลาเค็มป้าอ้วนตากใบ บอกว่ารู้สึกดีใจและเป็นความภาคภูมิใจของร้านที่ปลากุเลาเค็มตากใบได้รับเลือกให้เป็นเมนูอาหารสำหรับผู้นำเอเปก จะทำให้ปลากุเลาเค็มตากใบเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก และขณะนี้มีคำสั่งซื้อเข้ามาทุกช่องทางขายมากกว่า 10 กิโลกรัม หรือมากกว่า 50,000 บาท จากเดิมขายได้วันละ 1-2 ตัว หรือประมาณ 800 กรัม-1 กิโลกรัม หรือบางวันขายไม่ได้เลย

"จุฑามาศ มูลวงศ์" อาจารย์ประจำสาขาวิชาคหกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา กล่าวถึงความเป็นเอกลักษณ์ของปลากุเลาตากใบ ราชาแห่งปลาเค็ม ว่า ชาวประมงพื้นบ้านจะแล่นเรือกอและบนน่านน้ำตากใบ จ.นราธิวาส เพื่อหาปลากุเลา ปลาขึ้นชื่อในเรื่องรสชาติล้ำเลิศ มีเนื้อสัมผัสที่เนียนละเอียดกว่าปลาอินทรีซึ่งเนื้อแข็งกว่า นิยมนำมาถนอมอาหารด้วยการหมักเกลือ ร่วมกับการทำแห้งตามวิถีภูมิปัญญาชาวบ้าน ทำให้ได้ปลากุเลาเค็มมีกลิ่นและรสชาติเฉพาะตัว

“ปลากุเลาถือเป็นปลาหายากชนิดหนึ่ง จึงทำให้มีราคาสูงตกอยู่ประมาณกิโลกรัมละ 1,600-1,700 บาท นิยมนำไปทอดและยำ รับประทานกับข้าวสวยร้อนๆ หรือปรุงเป็นกับข้าวอย่างผัดผักคะน้าปลากุเลาเค็ม หรือจะนำไปแปรรูปเป็นน้ำพริกชนิดต่างๆ ได้เป็นอย่างดี”.

ภาพ : เพจพรจรัส ปฐมศิริกุล