คดีสะเทือนขวัญ ฆ่าฝังดิน 2 ศพ โคราช โดยขุดหลุมโบกปูนซีเมนต์ฝังอำพราง ภายในป่าสาธารณะ อ.โชคชัย จ.นครราชสีมา สร้างความตื่นตะลึงให้กับชาวบ้านที่พบเห็น ในที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุน ที่คาดว่าเป็นอาวุธสังหารเหยื่อเคราะห์ร้าย ที่น่าสนใจคือรอยสัก 4 แห่งบนร่างกายของหญิงผู้เสียชีวิต อาจเป็นกุญแจสำคัญของการหาตัวคนร้ายมาลงโทษในคดีนี้
“พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์” รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งลงพื้นที่เพื่อร่วมคลี่คลายคดี กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงรอผลการตรวจสอบทางนิติเวชจากทางโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา อย่างเป็นทางการ แต่เบื้องต้นยืนยันแล้วว่าศพที่พบเป็นชายต่างชาติและหญิงชาวไทย แต่ยังไม่สามารถระบุตัวตนได้
โดยทีมผู้เชี่ยวชาญในการตรวจสอบระบุตัวตนผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์สึนามิเมื่อปี พ.ศ.2547 ที่ผ่านมา จะมาเก็บลายนิ้วมือของผู้เสียชีวิตทั้งสองราย เพื่อนำไปตรวจสอบและระบุตัวตนผู้เสียชีวิต เนื่องจากศพที่พบเสียชีวิตมานานหลายสัปดาห์ จึงทำให้ลายนิ้วมือตรวจสอบได้ลำบาก
นอกจากนี้ “ทีมข่าวเจาะประเด็น ไทยรัฐออนไลน์” ได้สอบถามความคืบหน้าของคดีไปยัง “พ.ต.อ.บุญโปรด ประเสริฐศักดิ์” ผู้กำกับการ สถานีตำรวจภูธรโชคชัย จ.นครราชสีมา ได้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า จากการสืบสวนไม่พบว่าผู้เสียชีวิตมีประวัติอยู่ในพื้นที่ โดยคาดว่าคนร้ายนำผู้เสียชีวิตมาจากพื้นที่อื่น และนำศพมาฝังอำพรางในที่เกิดเหตุ ตอนนี้ได้ประสานกับกองพิสูจน์หลักฐานส่วนกลาง ในการลงพื้นที่เพื่อช่วยพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลของร่างผู้เสียชีวิต
ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่กำลังทำการสืบสวนในทางลับ เพื่อหาเบาะแสที่จะนำไปสู่การจับกุมคนร้าย โดยคาดว่าคนร้ายเคยก่อเหตุอาชญากรรมมาก่อน เพราะพฤติกรรมมีการอำพรางศพอย่างเป็นขบวนการ โดยพื้นที่ป่าที่คนร้ายนำร่างทั้ง 2 มาฝังดินกลบ เป็นพื้นที่เปลี่ยว ทำให้ยากต่อการสืบหาข้อมูล
...
แน่นอนว่ารอยสักทั้ง 4 จุดบนร่างของหญิงผู้เสียชีวิตอาจเป็นหลักฐานสำคัญของคดี เพราะช่างสักที่คลุกคลีในวงการมานานอย่าง “สมัต สินธุสะอาด” ผู้ช่วยนายกสมาคมการค้าผู้ประกอบการสักลาย และเจ้าของร้าน Jbk ink tattoo studio Thailand วิเคราะห์รอยสักของผู้ตายให้ “ทีมข่าวเจาะประเด็น ไทยรัฐออนไลน์” ฟังว่า หลังจากที่ทราบข่าวนี้ ทางสมาคมได้แชร์รอยสักของผู้เสียชีวิตในกลุ่มของสมาชิก เพื่อหาช่างที่เคยสักให้กับหญิงรายดังกล่าว เพราะข้อมูลของช่างจะช่วยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานง่ายขึ้น
"6-7 ปีก่อนเคยมีเหตุฆาตกรรมลักษณะเดียวกัน แต่กรณีนั้นตำรวจได้ข้อมูลจากช่างสักที่เห็นรอยสักบนร่างของผู้เสียชีวิต จนสามารถระบุชื่อของผู้เสียชีวิตได้ และนำมาสู่การตามจับคนร้าย เพราะช่างสักที่มีความชำนาญจะดูออกว่ารอยสักบนร่างกายเป็นผลงานของช่างคนไหน"
สำหรับกรณีของหญิงผู้เสียชีวิตรายนี้ เท่าที่ดูรอยสักคาดว่าเป็นฝีมือช่างรุ่นใหม่ แม้มีการตั้งข้อสังเกตว่าเป็นรอยสักจากร้านสักตามแหล่งท่องเที่ยว เนื่องจากผู้ตายฝ่ายชายเป็นชาวต่างชาติ แต่โดยปกติคนไทยไม่ค่อยนิยมไปสักตามร้านที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว
“ช่างสักมืออาชีพ จะมีการถามข้อมูลลูกค้าทุกครั้ง เมื่อสักเสร็จจะต้องถ่ายรูปผลงานเพื่อนำมาโปรโมตบนโลกออนไลน์ ดังนั้นถ้าผู้ตายไปสักกับร้านที่น่าเชื่อถือ จะง่ายต่อการตามหาช่างสัก”
วิเคราะห์รอยสัก 4 จุด บนร่างของผู้เสียชีวิต
สำหรับรอยสักทั้ง 4 จุดของหญิงผู้เสียชีวิต “สมัต” อธิบายถึงรอยสักไว้ดังนี้
- แผ่นหลังใกล้สะโพก เป็นรูปอัญมณีสีเขียวอมฟ้า ล้อมรอบด้วยลายเส้น เรียกว่า “ลายแมนดาลา” เป็นสัญลักษณ์ของชนเผ่าในยุโรป ส่วนนักบวชชาว เนปาล ทิเบต ถือเป็นสัญลักษณ์มีความหมายว่า ทุกสิ่งทุกอย่างไม่มีอะไรยั่งยืน
- แขนขวาสักลายดอกไม้สีดำ เน้นเอกลักษณ์ให้เห็นถึงความสวยงาม
- ขาซ้ายรูปพระพิฆเนศ เป็นอีกจุดที่น่าสนใจ เพราะช่างสักมืออาชีพจะมีกฎว่าห้ามสักพระ หรือเทพ บริเวณต่ำกว่าเอวลงมา ดังนั้นตำรวจอาจจะต้องสืบหาจากช่างสักหน้าใหม่ในพื้นที่เกิดเหตุ
- ขาขวารูปแมวกวักสีดำ เป็นลายที่นิยมสักกันในกลุ่มวัยรุ่น และช่างโดยทั่วไปสามารถสักได้
นักอาชญาวิทยา ชี้หลักฐานในพื้นที่เกิดเหตุสำคัญ
“รศ.พ.ต.ท.ดร.กฤษณพงค์ พูตระกูล” นักอาชญาวิทยา ผู้ช่วยอธิการบดีและประธานกรรมการ คณะอาชญาวิทยาและการบริหารงานยุติธรรม มหาวิทยาลัยรังสิต ให้ความเห็นว่า พฤติกรรมของคนร้ายคดีนี้มีการศึกษามาอย่างดี คาดว่าจะทำเลียนแบบภาพยนตร์ หรือข่าวอาชญากรรมที่เคยเกิดขึ้น ตอนนี้สิ่งที่เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องหาข้อมูลอันดับแรกคือ ผู้ตายทั้ง 2 คนเป็นใคร เพราะถ้ารู้จะทำให้การสืบหาคนร้ายง่ายขึ้น โดยสามารถไล่เลียงว่าวันสุดท้ายของผู้ตายทั้งคู่อยู่กับใคร และไปในพื้นที่ไหนมาบ้าง
ขณะที่ปลอกกระสุนในที่เกิดเหตุเป็นอีกหลักฐานสำคัญที่สามารถนำปลอกกระสุนไปเทียบเคียงกับอาวุธปืนที่คนร้ายครอบครองว่ามีขึ้นทะเบียนไว้หรือไม่ เช่นเดียวกับรอยสักที่เจ้าหน้าที่ต้องพยายามสืบหาช่างที่เคยสักให้กับผู้ตาย เพื่อจะช่วยไขความลับของคดีได้อย่างรอบด้าน
สำหรับพยานผู้เห็นเหตุการณ์ในพื้นที่ เป็นอีกปัจจัยสำคัญ แม้พื้นที่พบศพจะค่อนข้างเปลี่ยว แต่เชื่อว่าถ้าชาวบ้านในพื้นที่ออกมาให้ข้อมูลในวันเกิดเหตุกับเจ้าหน้าที่มากขึ้น จะช่วยทำให้ตำรวจสืบหาคนร้ายได้เร็ว เพราะในพื้นที่ไม่มีกล้องวงจรปิด ซึ่งคำบอกเล่าของพยานในที่เกิดเหตุจะช่วยทำให้คดีคลี่คลายได้.
...