หลังประกาศปลดล็อกกัญชา มีกัญชาและกัญชงสายพันธุ์ไทย เตรียมขึ้นทะเบียนกับกรมวิชาการเกษตร 19 สายพันธุ์ หลังจากก่อนหน้านี้ได้ขึ้นทะเบียนพระราชบัญญัติพันธุ์พืช ไปแล้ว 13 สายพันธุ์ ซึ่งการจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ และกิ่งพันธุ์ ต้องขออนุญาต จากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตามพระราชบัญญัติพันธุ์พืช พ.ศ. 2518 ทำให้ขณะนี้มีหน่วยงาน มายื่นขอขึ้นทะเบียนจำนวนมาก เบื้องต้นทางกรมวิชาการเกษตร ได้แนะนำกัญชา 5 สายพันธุ์ ที่ได้รับการขึ้นทะเบียน ให้ประชาชนปลูกเชิงพาณิชย์ และใช้ในครัวเรือน
กัญชา 5 สายพันธุ์ไทย ให้ผลผลิตสูง
“สุรกิตติ ศรีกุล” ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการผลิตพืช กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า หลังปลดล็อกกัญชาออกจากสารเสพติด มีหลายหน่วยงานยื่นเรื่องขอขึ้นทะเบียน เพื่อให้กัญชาสายพันธุ์ท้องถิ่น มีการเพาะพันธุ์ และจำหน่ายเชิงพาณิชย์ เนื่องจากที่ผ่านมามีกัญชา สายพันธุ์ไทย กระจายอยู่ในท้องถิ่นจำนวนมาก แต่เมื่อมีการขึ้นทะเบียนเป็นสารเสพติด ทำให้กัญชาสายพันธุ์ท้องถิ่น ไม่ได้รับการส่งเสริมอย่างเหมาะสม
...
สำหรับเกษตรกรและประชาชนทั่วไป ต้องการปลูกกัญชาที่บ้าน หรือเชิงพาณิชย์ ทางกรมวิชาการเกษตร ได้ขึ้นทะเบียนกัญชาสายพันธุ์ไทย มีความเหมาะสมกับสภาพดิน และอากาศ จำนวน 5 สายพันธุ์
- อิสระ 01
- หางกระรอกภูพานเอสที 01
- หางเสือสกลนครทีที 01
- ตะนาวศรีก้านขาวทีเอสดับเบิลยู 01
- ตะนาวศรีก้านแดงทีเอสอาร์ 01
ความโดดเด่นของกัญชาสายพันธุ์ไทย มีสาร THC (Tetrahydrocannabinol) ทำให้เกิดความมึนเมา มากกว่ากัญชาสายพันธุ์ยุโรป ซึ่งคุณสมบัติเหมาะกับการใช้ประโยชน์ของคนไทย รวมถึงให้ผลผลิตสูง ทนต่อโรค และแมลงรบกวน โดยขณะนี้คาดว่า มีกัญชาสายพันธุ์ไทยที่หลายหน่วยงานพยายามพัฒนา เพื่อขอขึ้นทะเบียนอีกเป็นจำนวนมาก
รวมเทคนิคปลูกให้ได้ผลผลิตดี เป็นรายได้เสริม
เทคนิคการปลูกกัญชา ให้ได้ผลผลิตดี ทางผู้ทรงคุณวุฒิด้านการผลิตพืช กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แนะนำว่า ควรวางแผนการปลูกช่วงเดือนมิถุนายน – กรกฎาคม โดยจะออกดอกเดือนตุลาคม – พฤศจิกายน และเริ่มเก็บผลผลิตเดือนมกราคม เพราะฉะนั้นในช่วงเวลานี้ เกษตรกรต้องมีการวางแผน เพราะหากปลูกในที่โล่งแจ้ง หลังช่วงเวลาที่กำหนด กัญชาจะให้ผลผลิตน้อยกว่าปกติ
หากต้องการปลูกกัญชา เพื่อเป็นรายได้เสริม ด้วยการปลูกร่วมกับพืชชนิดอื่น ในแปลงใกล้เคียง และต้องระวังแมลงศัตรูพืช อาจทำลายผลิตผล เนื่องจากดอกกัญชามีกลิ่นแรง จึงเรียกแมลงศัตรูพืช เข้ามาในแปลงปลูกได้มากกว่าปกติ ดังนั้นเกษตรกรต้องระวังผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น โดยเฉพาะการปลูกกัญชา นอกเหนือจากช่วงเดือนที่แนะนำ
สำหรับการปลูกกัญชา ในครัวเรือน มีเทคนิคการปลูก ดังนี้
- ปลูกในกระถาง ขนาด 30 ลิตร หรือ 12 นิ้ว
- ดินที่ปลูกต้องร่วนซุย ชื้นแต่ไม่แฉะ
- 2 – 3 วันแรก หลังต้นอ่อนขึ้น วางไว้ในแสงรำไร
- เมื่อกัญชาโต ทนแสงแดดได้ นำไปปลูกในพื้นที่ มีแสงทั้งวัน
- ให้ใส่ปุ๋ย 3 ครั้ง คือ 30, 60, 90 วันหลังปลูก
- รดน้ำแต่ละครั้งประมาณ 1-2 ลิตร เช้า-เย็น
- ถ้าพบแมลงศัตรูพืช ให้รีบทำลาย หรือติดแผ่นกาวดักแมลง
- ควรตัดแต่งใบ บริเวณที่ถูกแมลงทำลาย
การปลูกกัญชาเชิงพาณิชย์ ด้วยเพราะกัญชาเป็นพืชที่มีความละเอียดอ่อน ทางเกษตรกรจะต้องใส่ใจทุกขั้นตอนการปลูก โดยเฉพาะการป้องกันศัตรูพืช ถ้าไม่มีการจัดการที่รวดเร็ว จะสร้างความเสียหาย ให้กับผลผลิตจำนวนมาก
...
กัญชาสายพันธุ์ไทย สามารถพัฒนาให้เป็นพืชเศรษฐกิจ และใช้ในครัวเรือน ด้วยปริมาณ หลังปลดล็อกกัญชาที่พอดี เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของผู้ใช้ โดยขณะนี้ทางกรมวิชาการเกษตร เปิดสายด่วน 1174 ให้ประชาชนที่สนใจโทรเข้ามาสอบถาม เทคนิคการปลูก การขออนุญาตเพาะปลูก และนำเข้าเมล็ดพันธุ์ อย่างถูกวิธี ซึ่งมีผู้สนใจติดต่อสอบถามเข้ามาจำนวนมาก
จากข้อมูลของภาคเอกชนรายหนึ่ง เตรียมพร้อมจำหน่ายต้นกล้ากัญชาและอุปกรณ์ ทันทีที่มีการปลดล็อกกัญชา โดยจัดเซตเป็นชุดพร้อมดินและปุ๋ย ชุดละ 890 บาท ต้นกล้ากัญชงพร้อมชุดปลูก จำหน่ายชุดละ 990 หรือหากต้องการเฉพาะต้นกล้ากัญชา ราคาต้นละ 90 บาท ส่วนต้นกล้ากัญชง ต้นละ 190 บาท.