ทำเอาชาวโซเชียลถึงกับอึ้ง กับการเปิบพิสดารเมนู "อึ่งชอต" จุ่มลงแก้วชอตที่มีน้ำจิ้มซีฟู้ด ที่ไม่ใช่มีเพียงแต่ "หมึกชอต" เท่านั้น แต่แตกต่างตรงที่หมึกชอต ต้องเป็นหมึกสดเป็นๆ ส่วนอึ่งชอต ผ่านการปรุงสุกมาแล้ว นำส่วนหัวมาจุ่มให้ชุ่ม ในแก้วชอตมีน้ำจิ้มรสแซ่บ ก่อนยกขึ้นมาจับใส่ปากเคี้ยวๆ
“อึ่งชอต” อาจสร้างกระแสในการกินลักษณะนี้ได้ จากความแปลกแหวกแนว หวังว่าคงไม่มีเมนูพื้นบ้านลูกหนูนาชอต ลูกปลาชอต และอื่นๆ ตามมาอีก ต้องรู้จักกินให้เป็นปรุงให้สุกอย่างถูกสุขอนามัย น่าจะดีกว่า
อึ่งอ่าง สัตว์สี่เท้าสะเทินนํ้าสะเทินบก มักพบการปนเปื้อนของไข่พยาธิ หรือหนอนพยาธิในทางเดินอาหาร ทำให้ นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย ออกมาเตือน การกินในลักษณะนี้ ผู้บริโภคควรคำนึงถึงความสะอาด ต้องปรุงให้สุกร้อนอย่างทั่วถึง และควรหลีกเลี่ยงการกินอึ่งแบบสุกๆ ดิบๆ
หรือหากปรุงประกอบอาหาร ต้องล้างทำความสะอาดอึ่งอ่างทั้งตัว รวมทั้งควรนำเครื่องในออกมาล้างทำความสะอาด มาเคล้าเกลือ เพื่อล้างเมือกหรือยางที่ตัวออก จากนั้นล้างด้วยน้ำสะอาดหลายๆ ครั้ง จะช่วยลดการปนเปื้อนเชื้อโรคที่มากับตัวอึ่งอ่างได้ และควรปรุงด้วยความร้อนอย่างน้อย 70 องศาเซลเซียส นาน 2 นาทีขึ้นไป จะช่วยลดความเสี่ยงจากโรคหนอนพยาธิ และอาหารเป็นพิษได้
...
ปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลของอึ่งอ่าง ในระบบฐานข้อมูลโภชนาการของไทย แต่ อึ่งอ่าง เป็นแหล่งโปรตีนของเนื้อสัตว์พื้นบ้านและอาหารพื้นถิ่น เพราะกินแมลงพวกปลวก แมงเม่า และมด เป็นอาหารหลัก คุณค่าทางโภชนาการจึงใกล้เคียงกับกบ ซึ่งเป็นสัตว์สี่เท้าสะเทินนํ้าสะเทินบกเช่นกัน
“อึ่งอ่างยังให้พลังงาน และไขมันต่ำ เมื่อเทียบกับเนื้อสัตว์ประเภทอื่น มีปริมาณโปรตีนระดับปานกลาง เพราะฉะนั้นการกินอึ่งอ่าง ให้ได้คุณค่าทางโภชนาการที่ดี ควรเพิ่มคุณค่าจากผักพื้นบ้านต่างๆ เพื่อให้ได้สารอาหารครบถ้วน เช่น ต้มยำ แกงอ่อม ต้มมะขาม หรือการทำเมนูอึ่งย่าง หรือทอด ที่นิยมกินทั้งกระดูก อาจทำให้ได้แร่ธาตุเพิ่ม”.