เรื่องราวดราม่า ”สินสอดอลเวง” ในพื้นที่ จ.กำแพงเพชร เกือบทำให้ช่างภาพงานแต่งถูกจับติดคุก โดนกล่าวหาว่าขโมยเงินสินสอด 1 ล้านบาท แต่ในที่สุดกลายเป็นว่าเจ้าบ่าว เป็นคนกระทำโดนข้อหาลักทรัพย์

จากงานแต่งที่น่าจะมีความสุขชื่นมื่นของทั้งฝ่ายเจ้าบ่าวและเจ้าสาว กลับเป็นความทุกข์เมื่อความจริงปรากฏว่าเจ้าบ่าวแอบไปเช่าสินสอด 1 ล้านบาท จากบริษัทในกรุงเทพฯ ในราคาล้านละ 40,000 บาท หวังให้งานแต่งผ่านไปด้วยดี ก่อนรีบเอาเงินล้านไปคืนตามสัญญา โดยตัวเจ้าสาวและพ่อแม่ของเจ้าสาว ไม่เคยรู้มาก่อน

แม้พ่อแม่เจ้าสาว ยืนยันไม่เอาเรื่องเพราะเห็นแก่ลูกสาว แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถละเว้นในการดำเนินคดีได้กับเจ้าบ่าวตามกฎหมาย ข้อหาลักทรัพย์ในเคหสถานในเวลากลางวัน จนความซวยบังเกิดกับเจ้าบ่าว แบบคาดไม่ถึง

เพราะเงื่อนไขส่วนใหญ่ของธุรกิจให้เช่าสินสอดทองหมั้น จะต้องทำสัญญากู้ยืม ระหว่างผู้ให้เช่ากับเจ้าบ่าวและ เจ้าสาว พร้อมหลักฐานยืนยัน เพื่อป้องกันปัญหาหากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดไม่รู้ อย่างกรณีดราม่าที่เกิดขึ้นล่าสุด

อาจเพราะปัจจุบันธุรกิจประเภทนี้เกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก ต้องแข่งขันหาลูกค้าในยามเศรษฐกิจไม่ดี ด้วยการออกแพ็กเกจดึงดูดมีการโฆษณาผ่านทางออนไลน์ ทำให้เงื่อนไขบางอย่างเปลี่ยนไปตามความต้องการของลูกค้าที่มีเงินจำกัด อยากจะเช่าเงินสินสอด ทองรูปพรรณ ทองแท่ง มีให้บริการตามเรทราคาที่กำหนดตามกำลังกระเป๋าของลูกค้า โดยต่างจังหวัดจะแพงกว่าคิดตามระยะทาง หรือมีรถยนต์หลากหลายยี่ห้อไว้ใช้ในงานแต่ง ประดับตกแต่งด้วยดอกไม้สวยงาม ก็มีให้เช่า

...

ภายใต้การทำสัญญากู้ยืม และข้อตกลงทุกอย่างจะเป็นความลับระหว่างกัน โดยการทำสัญญาต้องอย่างน้อยต้องก่อนจะจัดงานประมาณ 1 สัปดาห์ มีการวางเงินมัดจำครึ่งหนึ่งของราคาเช่า และจ่ายส่วนที่เหลือหลังงานแต่งเสร็จสิ้น ซึ่งขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของธุรกิจในแต่ละเจ้า

จากเหตุการณ์ ”สินสอดอลเวง” ที่เพิ่งเกิดขึ้น คาดว่าเจ้าบ่าว มีการทำสัญญากู้ยืมกับธุรกิจให้เช่าสินสอดเพียงลำพัง โดยฝ่ายเจ้าสาวไม่เคยรับรู้มาก่อน จนเกิดปัญหาใหญ่ตามมา อย่างที่ ”ข้างกาย เอรียาสกุล” เจ้าของบริษัทโรแมนทีส ทำธุรกิจให้เช่าสินสอด เป็นเจ้าแรกของไทย มานานกว่า 5 ปี ออกมาระบุ และยืนยันไม่ใช่บริษัทของเธอแน่นอน เพราะที่ผ่านมามีการกำหนดเงื่อนไขในสัญญาชัดเจน เพื่อป้องกันปัญหา โดยพ่อหรือแม่ในฝั่งเจ้าสาว ต้องรับทราบ และตั้งแต่ทำธุรกิจ พบว่า 90% เป็นแม่เจ้าสาว นำสินสอดมาคืนเองในทันที

“เจ้าบ่าวถูกจับขโมยเงินสินสอด 1 ล้าน น่าจะทำสัญญาคนเดียว เพราะปัจจุบันมีธุรกิจในลักษณะนี้จำนวนมาก ต้องแข่งขันหาลูกค้า ด้วยการลดเงื่อนไข หั่นราคาเรียกลูกค้า ต้องยอมรับเลยว่าได้กระทบธุรกิจของโรแมนทีส ทั้งๆ ที่ทำเป็นเจ้าแรก ช่วงนั้นรุ่งมาก จนมีคนทำตาม หลังจากมีคู่แข่งก็ต้องปรับราคาสู้ แต่เงื่อนไขไม่เคยเปลี่ยน ต้องให้ฝ่ายเจ้าสาวรับรู้ เอาบัตรประชาชนตัวจริง มาแลกกับสินสอดที่เช่า ไม่อยากเอาเงินที่หามายาก ไปเสี่ยงกับปัญหา เพราะไม่ใช่คนรวยอะไร หากจะตุกติก เรื่องมาก ขอเก็บเงินสินสอด 3 วันแล้วค่อยคืน เราก็ไม่ยอม แค่คืนเดียวก็ไม่ให้ เดี๋ยวเงินหายหมด”

ในสัญญากู้ยืมมีการระบุชัดเจน ต้องคืนสินสอดทั้งหมดที่เช่าไว้ไปโชว์ภายใน 2 ชั่วโมง ให้กับคนของบริษัทที่ไปสอดส่องภายในงาน เมื่อรับของเสร็จก็รีบกลับทันที และจะไม่มีการโอนเงินสินสอด เข้าบัญชีลูกค้าอย่างเด็ดขาด เพราะมีความเสี่ยงสูง แต่จะมีคนเอาสินสอดไปให้ในงาน ป้องกันการตุกติก หากบางครั้งดูไม่คุ้ม ก็จะปฏิเสธไป ไม่ต้องแคร์

ให้เช่าสินสอด สัญญาต้องรัดกุม ป้องกันเหตุโอละพ่อ

เงื่อนไขสัญญาต้องรัดกุม ฝั่งเจ้าสาวต้องรับรู้ด้วย ใช้บัตรประชาชนตัวจริงของเจ้าบ่าวและเจ้าสาว ทำสัญญา มีการจ่ายค่ามัดจำ และตกลงคืนสินสอดในที่ลับ หรือบางงานคืนให้อย่างโจ่งแจ้ง ไม่ใช่กอดเงินไว้ ซึ่งเคยมีฝ่ายญาติบางคนหวังดีจะเอาเงินเข้าธนาคาร จะต้องเข้าไปทำความเข้าใจ โดยกว่า 5 ปีที่ทำธุรกิจนี้มา ไม่เคยมีปัญหา และคนทำหน้าที่เอาสินสอดไปให้และนำกลับต้องเป็นคนที่ไว้ใจได้

หรือลูกค้าจะตุกติก ไม่คืนเงิน ซึ่งในสัญญาเขียนไว้ว่าจะนำภาพในงานมารีวิวในเพจ เหมือนเป็นการประจานให้ขายหน้าไปทั่วประเทศกลายเป็นข่าวใหญ่ ทำให้ลูกค้าไม่กล้ากลัวขายหน้า และปกติภาพในเพจไม่เคยให้เห็นหน้าลูกค้า หรือแขกที่มาร่วมงาน

...

สถานการณ์ช่วงโควิด ยอมรับว่าธุรกิจได้รับผลกระทบมากว่า 2 ปีที่ไม่มีงาน พยายามอยู่ให้รอดรอรัฐบาลคลายล็อกดาวน์ให้จัดงานแต่งได้ปกติ กระทั่งครึ่งปีที่แล้วเริ่มดีขึ้นบ้าง แต่ไม่เหมือนเมื่อก่อน เพราะคนไม่มีเงิน อย่างสมัยก่อนเคยมีคนกล้าเช่าสินสอด 10 ล้าน ในราคา 3 แสนบาท

ธุรกิจไม่เหมือนเดิม คนเงินน้อย แต่ก็อยากโชว์รวย

การทำธุรกิจเมื่อ 5 ปีก่อน แตกต่างกับปัจจุบัน จนต้องปรับราคาลงมา จากคนเช่าสินสอด 5 แสนบาท เคยคิดราคา 3.5 หมื่นบาทกรณีในต่างจังหวัด ก็ต้องลดเหลือ 3 หมื่นบาท ร่วมค่าเดินทางไปกลับที่เคยคิด 1 หมื่นบาท ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล คิดค่าเช่า 2 หมื่นบาทเท่านั้น ดีกว่าไม่ได้เงินในช่วงสถานการณ์เช่นนี้ เหมือนหลายๆ ธุรกิจได้รับผลกระทบ

ในส่วนอัตราราคาในการเช่าสินสอด ในกรณีเงินสด 1 แสน คิดค่าเช่า 6 พันบาท เงินสด 2 แสน ค่าเช่า 1 หมื่นบาท เงินสด 3-5 แสน ค่าเช่า 2 หมื่นบาท เงินสด 2 ล้าน คิดค่าเช่า 5 หมื่นบาท ส่วนทองคำหนัก 10 บาท คิดค่าเช่า 1 หมื่นบาท ซึ่งมีลูกค้าบางคนมาต่อรอง ขอลดราคาจะไม่ลดให้ แต่จะเพิ่มทอง 10 บาท หรือเพิ่มเงินสินสอดให้แทน

...

กลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่อยู่ในโซนภาคอีสาน เพราะค่อนข้างรักษาหน้าตา แต่คนในพื้นที่กรุงเทพฯ ไม่ค่อยสนใจในเรื่องนี้มากนัก แค่จดทะเบียนสมรสก็พอแล้ว ไม่ต้องเสียเงินมากมายจัดงานใหญ่โต และมีลูกค้าบางคนเป็นแม่เจ้าสาว หรือญาติผู้ใหญ่ เข้ามาติดต่อจัดการเองในการขอเช่าสินสอด เพื่อรักษาหน้าตาของคนในครอบครัว ซึ่งทุกอย่างต้องเป็นความลับ มีสัญญาชัดเจน เพราะเป็นการเช่าเพื่อไปโชว์ ไม่ได้ให้ไปเก็บเป็นสมบัติของตัวเอง.