ขณะที่มีคำถามว่า "ฉีดวัคซีนเข็ม 3 ได้ที่ไหน?" อีกด้านหนึ่งก็มี "คำถาม" เช่นเดียวกันว่า แล้ว... วัคซีนเข็ม 3 ที่ตามหาสถานที่ฉีดกันอยู่ตอนนี้ "มีความจำเป็นมากน้อยแค่ไหน?"

แน่นอนว่า ภายใต้คำถามนั้น ย่อมมีข้อสงสัยถึง "หลักฐาน" หรือ "ข้อพิสูจน์" ในด้านความปลอดภัยและประสิทธิภาพของวัคซีนเข็ม 3 ที่เราจะต้องถกแขนเสื้อเพื่อรับเข้าไปในร่างกายด้วย

แต่ก่อนที่ "คุณ" จะไปถามหาความจำเป็นของการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 ในภาวะการแพร่ระบาดครั้งใหญ่เวลานี้ อันดับแรก "คุณ" ควรได้รับวัคซีน 2 เข็มแรกแล้ว... (ถูกไหม?)

ซึ่ง ณ วันที่ 12 กันยายน 2564 นี้ (*รวบรวม 28 ก.พ. - 11 ก.ย. 64 โดย สธ.) ในไทยมีคนที่ได้รับวัคซีนครบ 2 เข็ม เพียง 12,251,011 ราย หรือ 17% เท่านั้น

ขณะเดียวกัน ประเทศที่มุ่งมั่นกับการผลักดันการฉีดวัคซีนเข็ม 3 ให้แก่ประชากรในประเทศอย่าง "สหรัฐอเมริกา" ก็พบว่า มีสัดส่วนการฉีดวัคซีนครบสูตรแล้ว 53.7% ของประชากร (*อ้างอิงฐานข้อมูล Bloomberg : 12 ก.ย. 64)

แต่... สำหรับ "คนไทย" นั้น การได้รับวัคซีนเข็ม 3 ไม่ได้เกิดขึ้นกับทุกคนเช่นที่ประเทศอื่นๆ พิจารณา ดังนั้น คนที่ได้รับวัคซีน 2 เข็มแรกแล้ว ต้องเช็กในใบรับรองการเข้ารับวัคซีนโควิด-19 ของตัวเองให้ดีๆ ว่า "วัคซีนที่คุณได้รับไปนั้นเป็นยี่ห้อใดและชนิดใด?"

ถึงเวลาฉีดวัคซีนเข็ม 3 หรือยัง ความจำเป็นที่นำไปสู่จุดสิ้นสุด?

...

เพราะจากถ้อยคำล่าสุดของ นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2564 ที่ผ่านมา ได้รับการยืนยันแล้วว่า คนที่จะได้รับวัคซีนเข็ม 3 นั้น จะต้องเป็นคนที่ได้รับ "วัคซีนซิโนแวค 2 เข็ม" ด้วยข้อมูลที่บ่งชี้ว่า เมื่อเวลาผ่านไป คนที่ฉีดวัคซีนซิโนแวค 2 เข็ม มี "ภูมิคุ้มกัน" ลดลง และอาจเพิ่มความเสี่ยงที่จะติดเชื้อได้ โดยจะได้รับวัคซีนเข็ม 3 ในเดือนตุลาคมนี้ ที่กลุ่มแรกจะเป็นคนที่ได้รับวัคซีนครบ 2 เข็ม ในช่วงเดือนมีนาคม-พฤษภาคม 2564

เมื่อย้อนไปตรวจสอบตัวเลข ณ 31 พฤษภาคม 2564 ก็พบว่า มีคนที่ได้รับวัคซีนซิโนแวคครบ 2 เข็ม จำนวน 1,113,994 ราย

สำหรับ "เหตุผล" ว่า ทำไม "คุณ" ต้องได้รับวัคซีนโควิด-19 เข็มที่ 3 เพิ่มเข้าสู่ร่างกายนั้น

ถึงเวลาฉีดวัคซีนเข็ม 3 หรือยัง ความจำเป็นที่นำไปสู่จุดสิ้นสุด?

ตรงบรรทัดล่างนี้เป็นต้นไป คือ "คำตอบ" จาก ดร.แคทเธอรีน โอ'ไบรอัน แห่งองค์การอนามัยโลก หรือ WHO ที่จะมาอธิบายถึง "เหตุผล" ที่ว่า...

     เหตุผลที่ 1: หาก "คุณ" เป็นหนึ่งในหลายๆ ล้านคนในประเทศที่ยังไม่ได้รับวัคซีนครบ 2 เข็ม แล้วสงสัยว่าตัวเองนั้นควรเตรียมพร้อมกับการเข้ารับวัคซีนเข็ม 3 หรือไม่? (เช่น กรณีคนที่ได้รับวัคซีนซิโนแวคเข็มที่ 1 ไปแล้ว และยังไม่รู้ว่าเข็ม 2 จะได้วัคซีนชนิดใด)

ทาง WHO พบข้อมูลบางอย่างที่บ่งชี้ได้ว่า หาก "คุณ" เป็นคนที่มี "ภาวะภูมิคุ้มกันอ่อนแอ" ฉะนั้น จึงมีความจำเป็นที่จะต้องเข้ารับวัคซีนเข็ม 3 เพราะมีความเป็นไปได้ว่า ถึงแม้จะฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มแล้ว แต่วัคซีนก็อาจกระตุ้นการตอบสนองของภูมิคุ้มกันได้ไม่เต็มศักยภาพอย่างที่ควรจะเป็น...

     เหตุผลที่ 2: จากหลายๆ ข้อมูลพบว่า "ภูมิคุ้มกัน" ที่เกิดการตอบสนองหลังฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มนั้น เมื่อเวลาผ่านไป...ก็จะเริ่มลดลงเรื่อยๆ

ซึ่งนี่เป็นเหตุผลเดียวกับกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ที่มุ่งหวังฉีดวัคซีนเข็ม 3 ให้กับคนไทยที่ฉีดวัคซีนซิโนแวค 2 เข็มไปแล้วก่อนหน้านี้

แต่ในข้อเท็จจริงตอนนี้ แสดงให้เห็นว่า วัคซีนต่างๆ ช่วยเพิ่มศักยภาพภูมิคุ้มกันในร่างกายเพื่อป้องกัน "คุณ" จากอาการรุนแรง, การเข้ารักษาในโรงพยาบาล หรือแม้กระทั่งการเสียชีวิต ในกรณีที่ "คุณ" ติดเชื้อโควิด-19

ดังนั้น ทาง WHO จึงยัง "ไม่มี" หลักฐานหรือข้อพิสูจน์ที่แน่ชัดเพียงพอในการนำไปสู่การผลักดันให้มีการจัดหาวัคซีนเข็ม 3 สำหรับประชากรในประเทศที่ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มแล้ว

ถึงเวลาฉีดวัคซีนเข็ม 3 หรือยัง ความจำเป็นที่นำไปสู่จุดสิ้นสุด?

...

     เหตุผลที่ 3: กรณีความจำเป็นของวัคซีนเข็ม 3 ในภาวะที่พบได้ว่า วัคซีนต่างๆ ณ ขณะนี้ มีประสิทธิภาพน้อยหรือไม่เพียงพอต่อการปกป้อง "คุณ" จากโควิดสายพันธุ์ใหม่ต่างๆ ได้ ซึ่งกำลังเฝ้าติดตามอย่างระมัดระวังถึงประสิทธิภาพและความสามารถในการป้องกัน "คุณ" จากอาการรุนแรงของโรค แต่โดยทั่วไปตอนนี้... วัคซีนต่างๆ ยังทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดี

ว่าแต่... ถ้าไม่นับคนที่ฉีดวัคซีนซิโนแวคครบ 2 เข็ม เช่นที่ สธ. จะดำเนินการในไทยตอนนี้ ใครกันที่ควรได้รับวัคซีนเข็ม 3?

จากหลักฐานที่ WHO มี คือ คนที่ควรได้รับวัคซีนเข็ม 3 ไม่ว่าจะฉีดวัคซีน 2 เข็มแรกเป็นชนิดอะไรหรือยี่ห้ออะไรก็ตาม นั่นคือ คนที่มีสภาวะ "ภูมิคุ้มกันอ่อนแอ" ที่การรับวัคซีนครบ 2 เข็มแล้ว ก็ไม่อาจกระตุ้นให้มีการตอบสนองที่เพียงพอหรือมีศักยภาพได้

สำหรับคนอื่นๆ ที่ไม่ได้มีสภาวะเช่นนี้ อาจจะกำลังคิดว่า ถึงแม้จะมีระดับภูมิคุ้มกันที่ดีแล้วหลังฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม แต่หากได้รับวัคซีนเข็ม 3 เพิ่มเติมก็คงจะยิ่งมีภูมิคุ้มกันที่ดีกว่าเดิม

ถึงเวลาฉีดวัคซีนเข็ม 3 หรือยัง ความจำเป็นที่นำไปสู่จุดสิ้นสุด?

...

ในมุมมองของ WHO ต่อกรณีนี้ ในการพิจารณาว่าควรได้รับวัคซีนเข็ม 3 หรือไม่นั้น ยังคงมีหลักฐานน้อยเกินไป และยังไม่เห็นข้อสรุปที่แน่ชัดว่า คนส่วนใหญ่ที่ได้รับวัคซีนครบ 2 เข็มแล้ว มีความจำเป็นที่จะต้องเข้ารับวัคซีนเข็ม 3 อีกทั้งยังต้องติดตามประเด็นด้านความปลอดภัยด้วย ดังนั้น หากยังไม่พบหลักฐานด้านความปลอดภัยที่แน่ชัด ทาง WHO เองก็จะยังไม่ทำการแนะนำ ซึ่งนี่ถือเป็นสิ่งสำคัญ

ว่าแต่... "คุณผู้อ่านไทยรัฐออนไลน์" ทราบไหมว่า ตอนนี้ในไทยได้ฉีดวัคซีนเข็ม 3 แล้วกี่คนและเป็นใครบ้าง?

"คำตอบ" ที่มาจากข้อมูลของ สธ. ณ วันที่ 11 กันยายน 2564 พบว่า รวมทั้งหมด 614,969 ราย หรือ 0.9% โดยจังหวัดที่ฉีดวัคซีนเข็ม 3 มากที่สุด คือ กรุงเทพฯ : 145,934 ราย (1.9%) โดยวัคซีนเข็ม 3 ทั้งหมดนั้น ทาง สธ. ระบุว่าเป็น "บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข" แบ่งเป็น วัคซีนแอสตราเซเนกา 216,719 ราย และไฟเซอร์ 398,250 ราย

แม้ WHO ยังไม่แนะนำ แต่ "โลก" กำลังเดินหน้ากระบวนการ "บูสเตอร์!"

ถึงเวลาฉีดวัคซีนเข็ม 3 หรือยัง ความจำเป็นที่นำไปสู่จุดสิ้นสุด?

...

มาถึงตรงนี้ และตอนนี้ WHO ก็ยังยืนยันอย่างหนักแน่นว่า วัคซีนต่างๆ ที่ได้รับการอนุมัติให้ใช้ในภาวะฉุกเฉินทั้งหมด ล้วนมีประสิทธิภาพในการช่วยยกระดับการป้องกัน "คุณ" จากอาการรุนแรง, การเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล และการเสียชีวิต ซึ่ง 3 ความสามารถการป้องกันที่ว่านี้ เป็นความมุ่งหมายขั้นตอนของวัคซีนทั้งหลายเหล่านี้

ดังนั้น นี่จึงสะท้อน "คำตอบ" ได้ดีว่า ในระยะการแพร่ระบาดครั้งใหญ่ หรือที่เรียกว่า Pandemic นี้ โลกของเราควรเร่งขับเคลื่อนกระบวนการฉีดวัคซีนเข็ม 3 หรือไม่...

หาก "คุณ" ไม่ "ปิดกั้น" การมองเห็นจนเกินไป ก็คงจะมองเห็นได้ว่า ในโลกใบนี้ มีสถานที่อีกจำนวนมากที่ยังพบเจอ "ความไม่เท่าเทียม" ในการได้รับวัคซีนเข็มแรกและเข็มที่ 2 เพื่อที่จะได้ป้องกัน "พวกเขา" จากอาการรุนแรง

แน่นอนว่า "ผลลัพท์" ความไม่เท่าเทียมเหล่านั้นเกิดขึ้นในบรรดาประเทศรายได้ต่ำและประเทศรายได้ปานกลางในระดับต่ำ ที่เมื่อพินิจพิจารณาข้อมูลดูแล้วเห็นได้ว่า ประชากรที่ได้รับวัคซีนแล้วมีเพียงแค่ 1%, 2% หรือ 5% เท่านั้น แตกต่างกับบรรดาประเทศรายได้สูงและประเทศรายได้ปานกลางระดับสูงที่ได้เกิน 30% กันทั้งนั้น

ถึงเวลาฉีดวัคซีนเข็ม 3 หรือยัง ความจำเป็นที่นำไปสู่จุดสิ้นสุด?

ดังนั้น WHO เองจึงอยากให้ ทุกคน หันมาให้ความสนใจกับ "ปริมาณวัคซีนโควิด-19" ที่จำเป็นต่อประชากรทั้งหมดที่ยังไม่ได้รับวัคซีนแม้แต่เข็มเดียวเพื่อปกป้องพวกเขาจากโรคร้ายนี้

ถามว่า ทำไมต้องให้ความสำคัญ นั่นเพราะการได้รับวัคซีนโควิด-19 อย่างครอบคลุมและเพียงพอต่อประชากรจะช่วยลดการแพร่เชื้อหรือติดเชื้อได้ และยังมีความเป็นไปได้ที่จะลดการถือกำเนิดของสายพันธุ์ใหม่ๆ ในอนาคตได้อีกด้วย ซึ่งนั่นจะช่วยให้ WHO และนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกมี "เวลา" มากเพียงพอในการค้นคว้าหาหลักฐานเพิ่มเติมเกี่ยวกับกรณีวัคซีนเข็ม 3 หรือด้านอื่นๆ

หากยังจำประโยคนี้กันได้...

"ไม่มีใครปลอดภัย จนกว่าพวกเราทั้งหมดจะมีโอกาสได้รับวัคซีน เพื่อป้องกันจากไวรัสโควิด-19"

ถ้านึกภาพไม่ออก... ให้ย้อนดู "ภาคอีสาน" ของไทย ที่ก่อนหน้านั้นเป็นพื้นที่สีเขียว และยังไม่ได้รับวัคซีนโควิด-19 เพื่อดำเนินการฉีดให้ประชากรในพื้นที่ได้อย่างเพียงพอ กระทั่งเกิดเหตุ "เดลตา" ตีกรุงเทพฯ แตก คนแห่แหนกลับบ้านเกิด เมื่อการป้องกันไม่มี จึงทำให้ทุกวันนี้หลายพื้นที่กลายเป็นสีแดงไปด้วย ส่งผลต่อเศรษฐกิจในพื้นที่อย่างรุนแรง บางแห่งแทบเป็น "เมืองร้าง!"

ถึงเวลาฉีดวัคซีนเข็ม 3 หรือยัง ความจำเป็นที่นำไปสู่จุดสิ้นสุด?

สำหรับกรณีที่บอกว่า จะต้องให้ความสนใจกับ "ปริมาณวัคซีน" ไม่ได้หมายถึงปริมาณวัคซีนที่มีมากเพียงพอต่อความต้องการ แต่หมายถึงว่า วัคซีนต้องมีปริมาณที่ครอบคลุมเพียงพอในการฉีดวัคซีนโควิด-19 ครบสูตร ให้แก่ประชากรได้

ฉะนั้นแล้ว จึงต้อง "ทำความเข้าใจ" กันซะใหม่!

อีกทั้งในเวลานี้ นอกจากวัคซีนโควิด-19 ที่ประชากรบนโลกต้องได้รับครบสูตรแล้ว สิ่งที่จะทำให้ "พวกเรา" พิชิต "จุดสิ้นสุด" ของการแพร่ระบาดครั้งใหญ่ และหมุนเวียนไปสู่โรคประจำถิ่นเช่นอื่นๆ ที่ผ่านมาได้ คือ การสวมหน้ากาก, การล้างมือ และเน้นอยู่ในที่ระบายอากาศได้ดี

จนกว่าจะถึงวันนั้น "วัคซีนเข็ม 3" คงเป็นเรื่องของ "ความจำเป็น" สำหรับคนที่ควรได้รับ เพราะเวลานี้ สิ่งสำคัญที่สุดก็หนีไม่พ้น การเร่งมือฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้ได้ครอบคลุมประชากรในระดับที่คาดว่าจะเกิด "ภูมิคุ้มกันหมู่" นั่นก็คือ 70-85% ของประชากรในประเทศ ซึ่งตอนนี้ ไทยเดินมาได้แค่ 1 ใน 7 ของเส้นทางเท่านั้น.

ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน
กราฟิก: sathit chuephanngam

ข่าวน่าสนใจ: