• “เอกสารมุมแดง” คืออะไร ? เป็นที่สนใจของสังคมอีกครั้ง ทันทีที่ ครม. (18 พ.ค.) มีมติอนุมัติ ร่าง พ.ร.ก.เงินกู้ 7 แสนล้านบาทของกระทรวงการคลัง เพิ่มเติมจากเงินกู้เดิม 1 ล้านล้านบาท เพื่อใช้เยียวยาผลกระทบจากโควิด

  • หาก ครม.เห็นชอบแบบปกติ อย่างการอนุมัติร่าง พ.ร.ก.เงินกู้ 1 ล้านล้านบาทเมื่อปีที่แล้ว คงไม่สร้างความเคลือบแคลงใจใดๆ แต่ครั้งนี้มีการพิจารณาในทางลับ ภายในเวลาไม่กี่นาที จากเอกสารเพียงแค่ 4 หน้าเท่านั้น แจกแจงแผนการใช้เงิน ในการแก้ไขปัญหาโควิด 3 หมื่นล้านบาท เยียวยาประชาชน 4 แสนล้านบาท และฟื้นฟูเศรษฐกิจ 2.7 แสนล้านบาท

  • เหตุการณ์ครั้งนี้เหมือน "เดจาวู" เคยเกิดขึ้นในยุค "ลุงตู่" อีกแล้ว เมื่อ ครม. 18 เม.ย. 2560 พิจารณาเอกสารมุมแดง มีมติลับอนุมัติให้กองทัพเรือ จัดซื้อเรือดำน้ำหยวนคลาส เอส 26 ที มูลค่า 13,500 ล้านบาท จากประเทศจีน โดยไม่มีการเปิดเผยให้สาธารณชนได้รับรู้ และครั้งนั้นได้เกิดข้อวิพากษ์วิจารณ์มากมายว่า ไทยจำเป็นต้องมีเรือดำน้ำหรือไม่ ในยามเศรษฐกิจตกต่ำ

...

“เอกสารมุมแดง” มีตัวอักษรสีแดงประทับกึ่งกลางหน้ากระดาษทุกหน้าของเอกสารที่มีชั้นความลับหน้าซองและหลังซอง เข้าสู่การพิจารณาในที่ประชุม ครม.มาอย่างต่อเนื่อง และตามระเบียบว่าด้วยการรักษาความลับของทางราชการ พ.ศ. 2544 มีความหมายตามระดับชั้นความลับ ซึ่งมี 3 ระดับชั้น ว่า “ลับมาก” หากเปิดเผยข้อมูลบางส่วนหรือทั้งหมด จะทำให้เกิดความเสียหายร้ายแรง

ระดับชั้นความลับนอกจากนี้ยังมี "ลับที่สุด" หรือเอกสารมุมเหลือง หากเปิดเผยข้อมูลทั้งหมดหรือบางส่วน จะทำให้เกิดความเสียหายแก่รัฐอย่างร้ายแรงที่สุด และยังมีเอกสารมุมน้ำเงิน หรือ "ลับ" หากเปิดเผยจะทำให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ โดยการกำหนดให้เอกสารอยู่ในชั้นความลับใด ขึ้นอยู่กับหน่วยงานนั้นๆ หรือผู้อนุมัติ สามารถปรับเพิ่ม หรือลดชั้นความลับได้

แม้แนวทางปฏิบัติในการกำหนดให้เอกสารอยู่ในชั้นความลับใด มีมานานแล้ว แต่ล่าสุด ครม.มีมติลับอนุมัติร่าง พ.ร.ก. เงินกู้เพิ่มเติม 7 แสนล้านบาทนั้น ทาง ”ศ.ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช” อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ไม่เห็นด้วยมองว่า ไม่ควรเป็นเอกสารมุมแดง หรือลับมาก ต้องมีความโปร่งใส ควรถามประชาชน และเปิดให้วิพากษ์วิจารณ์ เพราะในอดีตการจะกู้เงินใช้จ่ายเพิ่มเติม ต้องประกาศให้ประชาชนได้รับทราบว่าเห็นด้วยหรือไม่

เพราะชาติที่พัฒนาแล้ว เขาไม่ทำกันอย่างนี้ จะทำให้หนี้สาธารณะเกิน 60% ของจีดีพี เป็นวิธีการของรัฐบาลที่โง่เขลาเบาปัญญา ไปตั้งความคิดที่ผิดกับการใช้เงินประชาชน ทำเป็นเอกสารลับ เป็นสิ่งไม่ถูกต้อง และการบอกว่าจะเอาไปพัฒนาประเทศ ซึ่งการกู้เงินครั้งที่แล้ว ก็ใช้ไปแล้ว 4 แสนล้านบาท ก็ไม่เห็นมีอะไร ควรทำอย่างประเทศเยอรมนี เข้าช่วยเหลือผู้ประกอบการ ร้านค้าต่างๆ ให้สามารถอยู่ได้ มีการช่วยค่าต้นทุนครึ่งหนึ่ง จากเอกสารการจ่ายภาษี เพื่อให้ทั้งลูกจ้างและนายจ้างอยู่ได้

“มันเป็นเงินของประชาชน ต้องไปใช้หนี้ในอนาคต มันเป็นงบประมาณในส่วนที่เพิ่มเข้ามา และงบปี 65 จะเข้ามาแล้ว ก็จะทำให้คนไทยเป็นหนี้ โดยตอนแรกไปกู้เงินแล้วเอาไปแจกในโครงการต่างๆ มองว่าทำให้ประชาชนพอใจล่วงหน้า และจริงๆ แล้วทุกคนก็ชอบอยู่แล้ว เหมือนพ่อไปกู้เงินมาแจกลูกๆ จะทำให้ครอบครัวล่มสลาย เพราะกู้เงินเอามาแจก ซึ่งไม่ควรเป็นเอกสารลับ ควรถามประชาชน”

การที่รัฐบาลเพิ่มเติมงบประมาณ ต้องประกาศให้ประชาชนได้รับทราบ เหมือนงบประมาณปกติ ว่าจะใช้จ่ายอย่างไรเท่านั้นเท่านี้ แต่ที่ผ่านมาไม่บอกใคร จึงไม่ถูกต้อง และในประเด็นเอกสารมุมแดง โดยส่วนตัวไม่เคยเห็นด้วยมาตลอด ไม่ว่าจะเป็นเอกสารใดก็ตามที่จะเข้ามาพิจารณาในที่ประชุม ครม. เพราะไม่ใช่รัฐเผด็จการ

...

ส่วนเอกสารลับส่วนใหญ่ เป็นค่าใช้จ่ายทางทหาร ค่าใช้จ่ายในพื้นที่ชายแดนใต้ และค่าใช้จ่ายของสถาบัน ดังนั้นงบราชการลับต่างๆ ควรยกเลิก ทั้งของกระทรวงมหาดไทยและกลาโหม ซึ่งวิธีการในปัจจุบันควรเปลี่ยน ไม่ใช่ระบบศักดินา เพราะขณะนี้คนจนในไทยเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และรัฐบาลนี้ ไม่ได้มาจากประชาชน

เตือนยิ่งกู้มาก ใช้จ่ายสะเปะสะปะ ซ้ำเติมประชาชน

สิ่งที่ต้องทำจากการระบาดของโควิด รัฐบาลควรเร่งฉีดวัคซีนให้ทั่วถึง ให้ประชาชนได้มีโอกาสได้ทำงาน ซึ่งจะเป็นหนทางที่ถูกต้อง อย่างที่หลายประเทศทำกัน มากกว่าการปิดสถานที่ต่างๆ และกู้เงินนำไปเยียวยา โดยวิธีคิดของรัฐบาลเป็นวิธีคิดแบบควบคุม ไม่ใช่แบบเสรีประชาธิปไตย แต่เป็นลักษณะเผด็จการ เมื่อเกิดอะไรขึ้นก็สั่งปิด เพราะไทยไม่ใช่ประเทศที่ร่ำรวย และการที่รัฐบาลไปกู้เงิน จะเป็นภาระประชาชน ยิ่งกู้มากยิ่งเป็นภาระมาก และเมื่อมีงบประมาณปี 2565 จะทำให้หนี้สาธารณะเต็ม 60% ของจีดีพี

“การกู้อีก 7 แสนล้านบาท บอกว่าจะมาฟื้นฟูเศรษฐกิจ เยียวยาโควิด และให้สาธารณสุข ส่วนการกู้ครั้งที่แล้ว 1 ล้านล้านบาท ก็ทำโครงการเล็กๆ น้อยๆ สะเปะสะปะ ผ่านสภาพัฒน์ มีการคอร์รัปชัน ไม่ได้ฟื้นฟูอะไรเลย มีการเสนอโปรเจกต์เข้ามา ทั้งๆ ที่เป็นเงินกู้ ไม่ใช่เงินของชาติ”

...

ที่ผ่านมารัฐบาลมุ่งมั่นเฉพาะวัคซีน 2 ยี่ห้อ เคยมีคอนเซปต์ว่าเคยควบคุมโควิดได้ดีมาก่อน ซึ่งไม่มีความจำเป็น เพราะทั่วโลกพิสูจน์แล้วว่าต้องฉีดวัคซีนเท่านั้น ไม่ใช่การควบคุม และรัฐบาล ไม่ร่วมโครงการโคแวกซ์ มุ่งมั่นเฉพาะวัคซีน 2 ยี่ห้อ มีปัญหาทั้งคู่ ประสิทธิภาพมีแค่ 50-60% แทนที่จะเปิดกว้างให้วัคซีนเข้ามาอย่างอิสระ และให้อย.มีหน้าที่พิจารณาตรวจสอบ ซึ่งควรทำวันนี้เลย เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ และมีความโปร่งใส ตรงไปตรงมา โดยเฉพาะการสั่งปิดสถานที่ต่างๆ โดยส่วนตัวไม่เห็นด้วยมากๆ แทนที่จะแก้ปัญหาวัคซีนให้เพียงพอ และเร่งฉีดให้มากที่สุด เพื่อเปิดประเทศในเร็วๆ นี้.

ผู้เขียน : ปูรณิมา

กราฟิก : Theerapong.C