ขบวนการผ้าเหลืองนอกรีต ยักยอกเงินทำบุญวัด มีเงินหมุนเวียนหลายล้านบาท ชี้ไม่มีกฎเกณฑ์ชัดเจน ว่าเงินส่วนไหนเป็นเงินของวัด-ส่วนตัว ทำให้กลุ่มที่บวชเป็นอาชีพอาศัยช่องว่างนี้

ภาพข่าว “พระปลัดใจป๋า เปย์ฉ่ำสาวที่เพิ่งเรียนจบ ปริญญาตรี” โดยวัดที่ปลัดสายเปย์ เป็นรองเจ้าอาวาสอยู่นั้น เพิ่งรับกฐินเป็นเงิน 1 ร้อยล้านบาท แต่หลายกรณีเมื่อเรื่องแดงขึ้น กลุ่มพระนอกรีต ก็จะลาสิกขา สลัดผ้าเหลืองไปพร้อมกับเงินทำบุญระหว่างการบวช จนทำให้ชาวพุทธบางส่วนเริ่มตั้งคำถามถึง การจัดระเบียบของเงินทำบุญ ที่พระได้รับระหว่างการบวช ควรเป็นเงินสาธารณะของวัดหรือไม่

เงินทำบุญ-บริจาคแล้วตรวจสอบได้หรือไม่? “ทีมงานข่าวแสบเฉพาะกิจ” เดินทางมาพบ “ผศ.ดร.นพ.มโน เลาหวณิช” อาจารย์ประจำวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต ให้ข้อมูลเรื่องเงินที่หมุนเวียนอยู่ในวัดและวงการสงฆ์ว่า วัดดังและวัดไม่ดัง มีเงินหมุนเวียนในวัดเป็นพันล้านขึ้นไป วัดไม่มีชื่ออยู่ราวร้อยล้านบาท ที่ผ่านมาไม่มีใครเอาผิด เพราะไม่มีกฎหมายบังคับ อำนาจสูงสุดคือเจ้าอาวาส ด้วยเงินวัดกับเงินพระมันปนไปหมด

...

เมื่อเงินจำนวนมหาศาลที่ได้จากการบริจาค ยังไม่นับรวมเงินจากการทำวัตถุมงคลต่างๆ เงินเหล่านี้หากไม่มีการทำบัญชีรายรับ รายจ่ายที่ชัดเจนโปร่งใส ก็อาจเป็นช่องโหว่ในการใช้จ่ายเงินไปอย่างผิดวัตถุประสงค์

เรื่องนี้เป็นปัญหามานาน เลยเป็นที่มาของการจัดระเบียบ และออกกฎบางอย่าง เพื่อเป็นการตัดไฟตั้งแต่ต้นลมของวัดสวนแก้ว พระพยอมกัลยาโณ เจ้าอาวาส ได้เล่าว่า พระสามารถเข้าถึงเงินวัดได้ง่าย จนสามารถยักยอกกันได้ เนื่องจากไม่มีการจัดตั้งทำคณะบัญชี อย่างที่วัดเราจ้างทำบัญชี มีการวางระบบ ถ้าใครมาอยู่วัดนี้ห้ามเอาเงินใส่ย่าม เก็บส่วนตัวไม่ได้ ต้องเข้ากองกลาง

ที่เป็นข่าวทุกวันนี้ เพราะไม่มีระบบควบคุมที่ดี ถ้าวางนโยบายดี ก็ดูแลง่าย ควบคุมง่าย คือพระไม่ควรถือครองเงิน

ด้าน “อ.เบียร์ คนตื่นธรรม” มองว่า ที่ผ่านมาเราโดนหลอก เพราะอาจมีบางกลุ่ม หรือบางคนรักษาผลประโยชน์ของตัวเอง โดยปิดบังคนอื่นไว้อย่าไปทำนะมันบาป สุดท้ายก็ไม่มีการตรวจสอบ

พระพุทธเจ้าบอกว่า ความชั่วให้พูดมาเยอะๆ ความดีให้เก็บไว้ ถ้าเราพูดมาเยอะจะเกิดความละอายรู้สึกผิดจนไม่กล้ากลับไปทำอีก ดังนั้นเราต้องช่วยกันให้พระภิกษุสงฆ์ดีๆ มีให้มาก เพื่อจะลบพระภิกษุไม่ดีต่อไป

ส่วน “บุญเชิด กิตติธรางกูร” รองผู้อำนวยการสำนักพุทธ กล่าวว่า วันนี้เงินที่พระคุณท่านได้มาเป็นรายได้ซึ่งโยมอุปัฏฐากอุปถัมภ์ ก็เป็นทรัพย์สินส่วนบุคคลไป ถ้าไปจ่ายกิจธุระที่จำเป็นก็ว่ากันไป แต่ถ้าเอาเงินเล่นพนันออนไลน์ ก็มีความผิดทางอาญา แล้วต้องว่าไปตามความผิดทางอาญา

พระที่เอาเงินไปเปย์สาว เป็นเพียงโลกวัชชะ ไม่สามารถจำสึกได้เลย แต่ให้พิจารณาตัวเอง เพราะหนึ่ง สังคมรับไม่ได้

ในอนาคตมีโอกาสเป็นไปได้จะลงโทษเป็นรูปธรรมมากขึ้น เมื่อพระมีรายได้มากขึ้นโดยเฉพาะพระที่ไม่ได้เป็นเจ้าอาวาส แต่พระลูกวัดที่มีรายได้มากขึ้น

...

สุดท้ายแล้ว เจตนาในการเข้าบวชเพื่อแสวงหาทางให้หลุดพ้น หรือบวชเพื่อแสวงหาส่วนตน เรื่องนี้หลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องก็ควรตรวจสอบและคัดกรองต่อไป แต่ในอนาคตอันใกล้นี้เราอาจเห็นการลงโทษพระประพฤติมิชอบอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น

ติดตาม #ข่าวแสบเฉพาะกิจ รายการวาไรตี้ข่าวสุดแสบ จะพิสูจน์ ตรวจสอบ พร้อมลงทุกพื้นที่ ขยี้ทุกความจริง ทุกวันเสาร์ 6 โมงเย็น ทางไทยรัฐทีวี ช่อง 32.