ล่าข้ามคืน! อดีตนักมวย หนีคดี ยิงสู้ตำรวจ ยังจับตัวไม่ได้ ผู้เชี่ยวชาญอาชญาวิทยา วิเคราะห์พฤติกรรมเบื้องต้น ผู้ก่อเหตุน่าจะไม่มีเจตนาฆ่าใคร แต่จับตัวประกันเพื่อป้องกันตัวเอง ด้านภรรยาอาจเครียดสะสม จึงพยายามหาทางหลบหนี
เวลาประมาณ 19.00 น. ของวันพฤหัสบดีที่ 3 เมื่อวานนี้ (3 ต.ค. 2567) เวลาประมาณ 19.00 น. พ.ต.ท.วรภัทร สุขไทย รอง ผกก.ป.สน.บางซื่อ รับแจ้ง มีผู้ก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงต่อสู้เจ้าหน้าที่ และจับประชาชนเป็นตัวประกันอยู่ภายในบ้านหลังหนึ่ง ซอยอินทามระ 29 แยก 1 แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กทม.
เวลาประมาณ 21.50 น. พ.ต.ท.วรภัทร สุขไทย เผยเบื้องต้นว่า ผู้ก่อเหตุชื่อ นายสันติ เจ๊ะอะหลี อายุ 39 ปี อดีตนักมวย ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 4888/2567 ลงวันที่ 3 ต.ค. 2567 ข้อหาลักทรัพย์ในเวลากลางคืน ในเคหสถาน โดยทำอันตรายสิ่งกีดขวางสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์หรือโดยผ่านสิ่งเช่นว่านั้นเข้าไปด้วยประการใดๆ, บุกรุกในเวลากลางคืน และทำให้เสียทรัพย์ ก่อเหตุลักปืนออโตเมติก พร้อมกระสุนปืนอีก 1 กล่อง (50 นัด) และทรัพย์สินอื่นๆ ของเจ้านายตัวเอง
...
ก่อนเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.เตาปูน ทราบว่าคนร้ายหลบหนีมากับภรรยา มาเช่าพักอยู่ที่อพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งใกล้ที่เกิดเหตุ กระทั่งเจ้าหน้าที่บุกเข้าจับกุม นายสันติไหวตัวทันยิงปืนเปิดทางวิ่งหลบหนีการจับกุมของตำรวจ ปีนเข้าไปในบ้านหลังดังกล่าว มีผู้พักอาศัยอยู่ด้วยกัน 4 คน คือ พ่อแม่และลูกชายเป็นนายแพทย์ทั้ง 2 คน
เวลาประมาณ 00.30 น. วันที่ 4 ต.ค. 2567 พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รรท.ผบ.ตร. เปิดเผยว่า สามารถช่วยเหลือผู้ที่อยู่ในบ้านได้แล้ว ส่วนผู้ต้องหาพบว่าหลบหนีออกจากบ้านไปที่บริเวณระเบียงชั้น 2 หลังบ้าน ก่อนกระโดดหลบหนีไป ขณะนี้ตำรวจอยู่ระหว่างติดตามไล่ล่าเส้นทางการหลบหนี จากที่สังเกตการณ์ พบผู้ต้องหาไม่ได้มีเจตนาจะทำร้ายใครต้องการเพียงแค่จะหลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.เตาปูน เพียงเท่านั้น
เกี่ยวกับพฤติกรรมของผู้ก่อเหตุ ผศ.ดร.ฐนันดร์ศักดิ์ บวรนันทกุล ผู้เชี่ยวชาญด้านอาชญาวิทยา ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวฯ ไทยรัฐออนไลน์ว่า ความเป็นจริงแล้วเรายังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด ทำให้ผมยังไม่รู้ว่าเขาไปทำผิดเรื่องอะไรมา หรือว่าเกี่ยวข้องกับของผิดกฎหมายหรือเปล่า ในใจเขาก็คงไม่อยากสู้กับตำรวจ เพราะอาจจะกลายเป็นเรื่องยาว หรือถ้าหนีในขณะที่มีเรื่องอื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง อาจจะกลายเป็นเรื่องยาว ที่ผมกล่าวมานี้เป็นเพียงพฤติกรรมทั่วไป
"ผมคิดว่าต้องรอให้ควบคุมตัวได้ก่อน แล้วจึงค่อยศึกษาและลงลึกรายละเอียดอีกที แต่เท่าที่ดูจากลักษณะพฤติกรรมแบบนี้ ผมคิดว่าเขาอาจจะมีเรื่องที่ไม่เป็นเหตุร้ายแรงถึงขนาดนั้น เช่น เป็นผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ หรือฆ่าคนตาย" ผู้เชี่ยวชาญฯ กล่าวกับเรา
กรณีที่ผู้ก่อเหตุจับตัวประกันไว้แต่ไม่ทำร้าย ผศ.ดร.ฐนันดร์ศักดิ์ แสดงทรรศนะว่า เป็นลักษณะของการหาอะไรเพื่อป้องกันตัวเองเบื้องต้น โดยใช้ตัวประกันเป็นเพียงช่องทางหนึ่งเท่านั้น ผมอนุมานว่าเขาอาจจะคิดว่า ตัวเองไม่ได้ทำผิดร้ายแรง ถึงขนาดต้องฆ่าตัวประกันให้ตาย หรือเราไม่รู้ว่าทางตัวประกันได้ขอร้องด้วยวิธีใดไว้หรือไม่ ไม่อย่างนั้นผู้ก่อเหตุคงไม่ปล่อยออกมา
...
ในส่วนของ น.ส.พจนีย์ ผู้เป็นภรรยา ที่ใช้ปืนจี้ตัวเองและนำเสื้อคลุมศีรษะ ก่อนเดินไปเปิดประตูซ้ายของรถเก๋ง สายตรวจตำรวจ 191 (บก.สปพ.) และบังคับให้ขับรถมุ่งหน้าสู่ถนนวิภาวดีขาออก ก่อนให้รถจอดริมถนนธัญบุรี ต.ข้าวงาม อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา และตนถือปืนลงจากรถวิ่งหลบหนีเข้าป่าหายตัวไป
จนถึงเวลาประมาณ 05.50 น. เฮียตี๋ อดีตนายจ้างของสามี ได้ช่วยเกลี้ยกล่อมภรรยาผู้ก่อเหตุ จนยอมวางอาวุธปืนและเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ด้วยอาการร้องไห้ฟูมฟายและไม่ได้สติ
สำหรับพฤติกรรมของ น.ส.พจนีย์ทาง ผศ.ดร.ฐนันดร์ศักดิ์ มองว่า ผมคิดว่าอันนี้ถ้าดูจริง ๆ ปัจจุบันเกี่ยวข้องกับสภาพเศรษฐกิจด้วย การทำมาหากินไม่ค่อยดี คงจะทำให้มีความเครียดและกดดันหลายอย่างเป็นทุนเดิม เพราะอย่างที่บอกไปทั้งคู่ไม่น่าจะกระทำความผิดร้ายแรง แต่เป็นลักษณะของการต้องการหลีกเลี่ยงความผิด โดยไม่อยากใช้วิธีรุนแรง เลยพยายามหาทางหลบหนีการจับกุม
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทางตำรวจยังไม่สามารถจับกุมนายสันติได้ จึงต้องติดตามกันต่อไป หากมีความคืบหน้าอย่างไรจะรายงานให้ทราบต่อไป
...